วันศุกร์ ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
'หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท' เคารพ 'พระอาจารย์บัว ญาณสัมปันโน' อย่างยิ่งอีกองค์

'หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท' เคารพ 'พระอาจารย์บัว ญาณสัมปันโน' อย่างยิ่งอีกองค์

วันศุกร์ ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565, 18.58 น.
Tag : ผ้าขี้ริ้วห่อทอง พ่อท่านลี พุทโธ ภาวนา หลวงตามหาบัว หลวงปู่ขาว หลวงปู่เจี๊ยะ หลวงปู่มั่น
  •  

(ต่อจากตอนที่แล้ว) หลังจากหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท กลับมาจำพรรษาที่จังหวัดจันทบุรี ได้บูรณะวัดเขาแก้วจนเป็นรมณียสถานและอยู่เป็นเวลานานพอควร ช่วง พ.ศ. ๒๕๐๔-๒๕๐๖ หลวงปู่เจี๊ยะท่านก็ได้เดินทางไปจำพรรษาร่วมกับ พระอาจารย์บัว ญาณสัมปันโน ที่วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี

เรื่องราวชีวิตของหลวงปู่เจี๊ยะท่านในช่วงนี้ พระอาจารย์บัว ญาณสัมปันโน ได้เมตตาเล่าให้ญาติโยมฟังไว้ เมื่อวันที่ ๒๑ มีนาคม ๒๕๓๕ ที่สวนแสงธรรม ความดังนี้


ท่านเป็นพระดีนะอาจารย์เจี๊ยะพูดเรื่องภายในเป็นผ้าขี้ริ้วห่อทอง คือ...กิริยาภายนอกท่านไม่น่าดูนะ กิริยาท่านข้างนอก บ๊งเบ๊งๆ อะไรรู้สึกว่ามันไปอีกแบบหนึ่ง ยิ่งกว่าหลวงตาบัวเข้าไปอีก (หัวเราะ) แม้แต่หลวงปู่มั่นก็ยังเถียงกันตาดำตาแดง

ตอนปี ๒๕๐๕ ท่าน (พระอาจารย์เจี๊ยะ) ไปจำพรรษากับเราที่ วัดป่าบ้านตาด นั่นล่ะ เราจะเริ่มปลูกกุฏิหลังนั้นล่ะนะ พวกโยมเขาก็ไปขุดดิน เกลี่ยดินที่จะปลูกฐาน ทีนี้ท่านก็ไปทำอะไร เขาเรียก “คราด” อะไรสำหรับกวาดดินนั่นแหละ ทีนี้ท่านทำไม่รู้จักเวลาล่ะสิ กำลังจะมืดแล้วนี่นา เราเดินจงกรมอยู่ ก็เงียบ เป็นเวลาที่พระท่านเดินจงกรม เสียงปังๆ ขึ้นเลยกลางวัดนี่

เอ๊ะ! มันเสียงใครมาทำอย่างนี้นะ เราก็เดินไปเลยแหละ เดินไปท่านอาจารย์เจี๊ยะ ท่านทำคราดนั้นนะ สำหรับกวาดดินกุฏิเรา ท่านไปทำเอาเวลาไม่ควรล่ะสิ เสียงดังเปรี้ยงๆ ขึ้น ท่ามกลางวัดเงียบๆ นะ เราก็เดินจากทางจงกรมแล้วไปเลย ไปก็ไปเห็นท่านกำลังทำอยู่ เราก็ยืนเลย เอากันทีเดียว

“ท่านอาจารย์เจี๊ยะ” ว่าอย่างนี้เลยนะ “ถ้าหากว่าท่านอาจารย์ไม่เคยอยู่กับพ่อแม่ครูอาจารย์มาแล้ว ผมก็จะว่าให้ท่านนะ นี่ท่านเคยอยู่กับพ่อแม่ครูอาจารย์มั่นมาแล้ว ท่านสอนยังไง กิริยายังไร ทำไมท่านถึงมาทำอย่างนี้” พอว่าแล้วก็เดินกลับเลย

พอตื่นเช้าขึ้นมาท่านอาจารย์เจี๊ยะไปรออยู่ที่บนศาลา ท่านไปนั่งรอตรงที่เรานั่ง พอเรานั่งกราบไหว้พระเสร็จแล้ว เราก็มานั่งพัก ท่านปั๊บเข้ามาเลย มาจับขาเราดึงออกไปนะเราก็พูดว่า “ดึงออกไปทำไมขาวะ”

อาจารย์เจี๊ยะท่านก็ว่า “โอ๊ย! ผมขอกราบซักหน่อยเถอะ” พอกราบแล้วน้ำตาร่วงต่อหน้าเรานะ “แหม! ท่านอาจารย์พูดทำไมถึงถูกต้อง ศัพท์เสียงอะไร ลักษณะเหมือนกับท่านอาจารย์มั่น” ขึ้นถึงศัพท์ถึงเสียงเลยนะ “ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนกันหมดเลย อู้ย! ผมกราบไหว้เลย เมื่อคืนนี้ผม (ท่านอาจารย์เจี๊ยะ) สลดสังเวช ผมนี้ผิดจริงๆ”

นั่นเห็นมั้ย ท่านว่าอย่างนั้นนะ เพราะเราก็อ้างว่า “ถ้าท่านไม่อยู่กับท่านอาจารย์มั่นมา ผมก็จะว่าจะสอนท่าน นี่ท่านอยู่มาแล้วนี่ จะให้ผมสอนท่านว่ายังไง” นี่ล่ะท่านทิ้งปั๊วะเลยนะ 

เพราะฉะนั้นตอนเช้าถึงมารอกราบ แล้วลากเท้าเราไปเลยนะ ไปกราบกับฝ่าเท้าเลย “ผมขอกราบท่านสนิทใจเลยๆ” ทั้งกราบทั้งน้ำตาร่วงเลย ท่านว่า “ผมยอมท่านอาจารย์ ดูลักษณะท่าทางไม่ผิดท่านอาจารย์มั่น ผมจับได้หมดเลย ผมเคารพสุดยอด” ฉะนั้นจึงกราบแล้วก็น้ำตาร่วง

ท่านถึงได้บอกว่า “พระนี่ผมกลัวอยู่สององค์เท่านั้น ท่านอาจารย์ใหญ่กับท่านอาจารย์มั่น นอกนั้นผมไม่กลัวใคร” ว่าอย่างนี้วะ พูดตรงๆ อย่างนีh

ท่านมีนิสัยทำอะไรละเอียดลออมากเราถึงได้บอกว่า “ผ้าขี้ริ้วห่อทอง” ภายนอกท่านกิริยาโผงผางๆ แต่ภายในท่านละเอียดลออ ทุกสิ่งทุกอย่างละเอียดหมดนะหลักธรรม หลักวินัยไม่เคลื่อนคลาดเลย เนี่ย ที่เราชมท่านนะ หลักธรรมหลักวินัยไม่เคลื่อนคลาดสะอาดมากทีเดียว อยู่กันมานาน

*จําพรรษาอโศการาม

หลวงปู่เจี๊ยะท่านจำพรรษาที่วัดเขาแก้วอยู่หลายปี เพราะเป็นคนไปก่อสร้างบูรณะและต่างถาวรวัตถุไว้มากมาย ประกอบกับมีความคุ้นเคยในสถานที่นั้น พระเป็นแถบถิ่นฐานบ้านเดิมของท่านและที่สำคัญพระป่าสายท่านอาจารย์มั่นที่อยู่ทางจันท์ก็มีน้อย

เมื่อออกพรรษา ปี ๒๕๑๘ พระเณรที่วัดเขาแก้วมีน้อย ท่านเดินทางออกจากวัดเขาแก้ว ไปวัดอโศการาม เพื่อชักชวนพระเณรที่วัดอโศการามมาร่วมจำพรรษาด้วย มีพระติดตามท่านไป ๔-๕ รูป พระเหล่านั้นเป็นพระที่หลวงปู่เจี๊ยะชักชวนมา มิได้มาเองด้วยสมัครใจ

ขณะนั้นที่วัดอโศการาม บรรดาพระทั้งหลายกำลังมีความ สงสัย เรื่องธรรมภายในของท่านเป็นอย่างยิ่ง นอกจากสงสัยเรื่อง ธรรมภายในแล้ว ปฏิปทาของท่านก็ยังเป็นที่กังขาสงสัยยิ่งนัก เพราะ พระโดยส่วนมาก เป็นพระบวชใหม่ๆ กัน หรือแม้แต่พระเก่าๆ บาง รูปก็ยังตำหนิในข้อปฏิบัติของท่านอยู่

“ผู้ไม่มีคุณธรรมภายในประเสริฐจะไม่มีทางรู้เรื่องคุณธรรม อันประเสริฐของท่านได้ เพราะกิริยาท่าทางของท่านไม่สวยงาม ซึ่งปิดบังคุณธรรมลึกๆ ของท่านที่อยู่ภายในแบบมิดเมน ซ่อนเร้น การ พูดท่านก็พูดง่ายๆ ถ้าเราไม่จับใจความ ไม่ตั้งใจขบคิดก็จะไม่สามารถเข้าใจได้”

พวกพระที่ท่านชักชวนส่วนมากปฏิเสธ คิดๆ อีกทีน่าสงสาร - แต่คิดให้ลึกๆ น่าสงสารเราพวกพระทั้งหลายนั่นแหละ ที่พระ ประเสริฐอย่างนี้มาชวนไม่ยอมพากันมา แถมแสดงท่าทางรังเกียจ ติดตาม เพราะอะไร ก็เพราะพวกเรามองอะไรๆ แต่ภายนอก ไม่เคยมองดูว่าพระพุทธเจ้า นั้นท่านบรรลุธรรมด้วยกาย หรือด้วยใจ จริงอยู่กายวาจา เป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ใจสำคัญกว่า ทั้งสองนั้นอีก เหมือนที่พระพุทธองค์ตรัสว่า "ธรรมทั้งหลายมีใจเป็นใหญ่ มีใจเป็นหัวหน้า สำเร็จลงด้วย ถ้าใจดี ก็ดี ถ้าใจชั่ว ก็ชั่ว จะทำจะพูดอะไรถ้าใจมันดี การกระทำ การพูดก็ดี เหมือนเกวียนติดตามรอยเท้าโคฉะนั้น"

การมองแต่ภายนอกนั้น เป็นนิสัยของชาวโลกที่ติดกันมาเป็น ตลาช้านาน แต่หลวงปู่เจี๊ยะท่านก็มีธรรมของท่าน ท่านจึงไม่มีมายา จะแสดงอะไรหลอกๆ เหมือนโลกทั้งหลายที่เขาทำกัน ความจริง เป็นอย่างไร จึงเป็นธรรมชาติที่จริงอย่างนั้นออกมา ไม่มีการเสแสร้ง แกล้งทำ คิดๆ ไปก็น่าปวดหัว เพราะว่าการทำอย่างท่านนั้น ยากกว่า ทำอย่างอื่นเสียอีก เพราะท่านก็รู้ว่าคนทั้งหลายไม่ชอบแบบนั้น ท่านก็ไม่มีเปลี่ยนแปลง เพื่อให้คนมานับถือตน เพราะเพียงแต่ ท่านอยู่เฉยๆ พูดแต่เพียงว่าเป็นลูกศิษย์ท่านพระอาจารย์มั่น 

คำพูดเพียงเท่านี้ก็หาอยู่หากินกันไปจนตาย เพราะวิธีการ แบบนี้มีพระนำไปใช้กันเยอะ แต่ท่านไม่ใช่พระแบบเอาครูบาอาจารย์ มาขายเลหลัง เพราะคุณธรรมที่มีอยู่ภายในท่านนั้น ไม่มีสูงต่ำกับ อะไร ท่านจึงสบายๆ ของท่าน

*เปลือกนอกอาจารย์เจี๊ยะ

ก่อนที่พวกพระ0ะไปกับหลวงปู่เจี๊ยะนั้น พระวัดเขาผู้ใหญ่ๆ และพระอื่นๆ ก็มากระซิบบอกพวกพระว่า “ตายนะ ตายแน่ๆ นะ พวกคุณรู้หรือยัง ว่า การไปอยู่กับครูอาจารย์แบบ นี้จะเป็นเช่นไร เดี๋ยวพวกท่าน จะโดนไล่หนีหมดหรอก” ท่าน เป็นพระที่ไม่มีใครใกล้ชิด พวกพระที่นั่งคิดปรึกษากัน “ตายแน่ๆ คราวนี้แล้วพวกเรา ทำอย่างไรล่ะ?” ตอนนั้นมีแต่พระใหม่ๆ บวชได้คนละ ๓-๔ พรรษ เมื่อเป็นเช่นนี้ พระที่จะอยู่กับท่าน ต่างองค์ก็ต่างกลัวเพราะคน เข้า พวกพระปอดแหกแล้ว

“พระอาจารย์เจี๊ยะมากนะ” นี้เป็นภาษาที่โลกตั้งให้ท่าน ถ้าเป็นภาษาทางธรรมท่านเรียกว่า “ตรงเผง” คือท่านไห อ้อมค้อมอาจหาญในคำพูด ไม่เกรงกลัวใคร อันนี้แหละที่บุคคลอื่น ทำไม่ได้

วันที่พวกพระติดตามไปวัดเขาแก้วกับท่าน พระอุปัชฌาย์ของ ทั้งหลายเหล่านั้น ถึงกับต้องเขียนจดหมายฝากไปให้หลวงปู่เจี๊ยะ ความในหนังสือนั้นเขียนว่า "ถ้าหากว่า พระอาจารย์เจี๊ยะดุด่าว่ากล่าวสัทธิวิหาริกของผม ไม่สามารถทนได้ ผมจะเรียกพระผมคืน" นี่ท่านเขียนถึงขนาดนั้น - ที่สุดพวกพระ ๔-๕ รูป ก็เหลือที่กล้าไปจำพรรษากับหลวงปู่เจี๊ยะ วัดเขาแก้วจันทบุรีเพียง ๓ รูป จวนใกล้จะอธิษฐานเข้าพรรษาแล้ว วันหนึ่งมีโยมมาบอกท่าน "หลวงปู่ขาว อนาลโย" ป่วยหนัก

ท่านจึงมาบอกกับพวกพระว่า “ผมอยู่กับพวกท่านไม่ได้แล้ว ผมจะขึ้นไปอยู่กับปู่ขาวที่ถ้ำกลองเพล เพราะปู่ขาวป่วยหนัก ท่านพูดสั้นๆ แบบไม่ไยดีพวกพระที่ติดตามมาเลย

พระองค์หนึ่งในจำนวนพระหลายรูปนั้นพูดขึ้น “ตายแล้วทีนี้ แล้วที่มาด้วยกันหลายๆ รูปก็แสดงความเห็นด้วย “แล้วพวกเราจะ อยู่ยังไง จะเข้าพรรษาแล้วไม่กี่วัน” ต่างองค์ต่างก็ปรึกษากันด้วย

“พวกผมตั้งใจมาอบรมกับท่านอาจารย์ มากับท่านอาจารย์ก็ อุปสรรคมากอยู่แล้ว แล้วจะมาให้พวกผมอยู่กันตามลำพัง แล้วจะให้ จากผมปฏิบัติยังไง”

ท่านตอบแบบที่เราได้ยินและร่ำลือทันทีว่า “เฮ้ย! ไม่เกี่ยว - หลวงปู่ขาวป่วยหนักพวกท่านอยู่วัดกันเลย” ท่านพูดห้วนๆ ตรงๆ ฟังแล้วเข้าใจแต่ไม่สบายใจ เหมือนมีอะไรมากอยู่ที่อกเพราะ ไม่รู้จะทำอย่างไร เอาซะแล้วสิ กรรม...กรรมแท้ๆ พระองค์หนึ่งรำพึง เป็นเพราะเราไม่เชื่อพระผู้ใหญ่แท้ๆ ที่ติดสอยห้อยตามท่านมา เอาพวก เรามาแล้วท่านก็มาทิ้ง

เพราะตอนนั้นพวกพระไม่ทราบว่า ท่านเคารพรักหลวงปู่ขาว ขนาดไหน ท่านรักและเคารพหลวงปู่ขาวมาก เพราะหลวงปู่ขาวสอบ ให้ท่านพิจารณาคิดค้นทางด้านร่างกายด้วยปัญญา และหลวงปู่ขาว นี่เอง เป็นพระที่ท่านให้ใจแบบหมอบราบ ถึงกับพูดว่า ท่านพระ อาจารย์มั่นบอกว่า "หลวงปู่ขาวนี่แหละเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่ง"

พอถึงวันเข้าพรรษาพวกพระก็อยู่กันแบบว้าเหว่ มีพระ พรรษา ๓ องค์ หลวงพ่อแก่ๆ อีกองค์หนึ่งซึ่งอยู่เดิม และสามเณร เป็นหลานหลวงปู่เจี๊ยะ รวมแล้วเป็น ๕ องค์ จำพรรษาที่วัดเขาแก้ว

ส่วนหลวงปู่เจี๊ยะ ท่านไปจำพรรษาที่วัดถ้ำกลองเพล เพื่ออุปัฏฐากหลวงปู่ขาว อนาลโย แต่ก่อนไปหลวงปู่เจี๊ยะก็ได้บอก สาเหตุ ที่ท่านต้องไปให้พระเหล่านั้นใจชื้นขึ้นมาบ้างว่า... หมู่เอ๋ย...สาเหตุที่ผมเคารพรักหลวงปู่ขาวมาก ก็เพราะ พระอาจารย์มั่นเองเป็นผู้รับรอง จึงขอเล่าย้อนอดีตให้พวกท่าน เรื่องที่ท่านอาจารย์มั่นชมเชยหลวงปู่ขาวมากนั้น ผมได้ฟังมากับ “ท่านขาวเป็นพระสำคัญมากนะ หมดกิเลสแล้วนะเจี๊ยะ ให้จับตา ให้ดีจะเป็นที่พึ่งได้"

เมื่อตนได้ยินท่านพระอาจารย์มั่นพูดดังนั้น ตนก็อึดฮัดขึ้นมา อยากเจออยากพบอยากเห็น เพราะปกติแล้วท่านพระอาจารย์ ท่านไม่ขึ้นชมใครง่ายๆ แสดงว่าพระรูปนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน ต้อง อะไรที่เราจะสามารถค้นคว้าเอาจากท่านได้ และสิ่งนั้นคือธรรม

*ในบารมีพระอาจารย์มั่น

ที่วัดถ้ำกลองเพล นี้ มีถ้ำเรียกว่า “ถ้ำกลองเพล” ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัดมีตำนานเล่ากันว่า ในถ้ำนั้นมีกลองเพลใหญ่ประจำถ้ำหนึ่งลูก มีขนาดใหญ่โตมาก ส่วนจะมีมาแต่สมัยใดนั้น ไม่มีใครทราบ คงจะมีมานานนับร้อยปีขึ้นไป จนกลองเพลนั้นมีความคร่ำคร่า ผุพัง แตกกระจัดกระจายเป็นชิ้นใหญ่ ชิ้นน้อย โดยไม่มีผู้ใดทำลาย พวกนายพรานเที่ยวล่าเนื้อเวลามาพักนอนในถ้ำ ยังได้อาศัยเศษไม้ที่แตกกระจัดกระจายจากกลองเพลมาหุงต้มรับประทานกัน ชาวบ้านใกล้เคียงบริเวณนั้นจึงได้พากันให้ชื่อนามถ้ำนั้นว่า ถ้ำกลองเพล

ครั้นต่อมามีพระธุดงค์กรรมฐานไปเที่ยวบำเพ็ญธรรมและพักในถ้ำนั้นบ่อย ๆ จนถ้ำนั้นกลายเป็นวัดคือที่อยู่ของพระขึ้นมา จึงพากันให้นามว่า “วัดถ้ำกลองเพล” จวบจนทุกวันนี้ 

บริเวณถ้ำกลองเพลในปัจจุบันนี้ ประกอบด้วยป่าไม้ที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ เพิงหิน เพิงผา ที่รูปร่างประหลาดและสวยงามมีอาณาเขตกว้างขวางนับร้อยไร่ ตั้งอยู่บนเทือกเขาภูพาน จึงมีทัศนียภาพที่งดงามมาก

ในอดีตจังหวัดหนองบัวลำภู เคยเป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดอุดรธานี ในเอกสารเก่าจึงอ้างอิงว่า เป็นจังหวัดอุดรธานี แต่ในปัจจุบันได้ยกฐานะเป็นจังหวัดหนองบัวลำภู แล้ว เป็นหนึ่งในสามจังหวัดที่แยกตัวออกมาจาก จ.อุดรธานี เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๓๖ พร้อมกับจังหวัดอำนาจเจริญ และจังหวัดสระแก้ว

หลวงปู่เจี๊ยะท่านเคารพรักองค์ พระอาจารย์ขาว อนาลโย อย่างสูงยิ่งอีกองค์ เนื่องจากพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต เคยกล่าวชมพระอาจารย์ขาวไว้ว่า “เออ!...หมู่เอ๊ย! ให้รู้จักท่านขาวไว้ด้วยเน้อ เธอได้พิจารณาของเธอแล้วมาเล่าให้เราฟัง ท่านขาวเป็นพระสำคัญให้จับตาดูให้ดี” ดังนั้น ท่านหลวงปู่เจี๊ยะจึงเชื่อแน่ว่า พระอาจารย์ขาวเป็นองค์สำคัญอีกองค์ 

อีกทั้งพระอาจารย์มั่นได้ฝากฝังท่านไว้กับพระอาจารย์ขาวเพราะกลัวว่ากิริยาแบบหลวงปู่เจี๊ยะไปอยู่กับใคร ใครจะไม่เข้าใจท่าน พระอาจารย์มั่นจึงฝากท่านให้หลวงปู่ขาว

ในขณะที่ท่านได้จำพรรษากับหลวงปู่ขาวที่ถ้ำกลองเพล มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนนั้นได้ไปอาสาหลวงปู่ขาวทำอ่างเก็บน้ำ คนอื่นทำงานกลางวันงานไม่เสร็จ หลวงปู่เจี๊ยะจึงลงมาทำในตอนกลางคืนซึ่งเป็นเวลาภาวนาของพระส่งเสียงรบกวนไปทั่ววัด ท่านใช้ฆ้อนปอนด์สะกัดหิน ทุบหิน เสียงดัง เพ้ง...เพ้ง...เพ้ง...

หลวงปู่ขาวท่านได้ยินก็ถามพระว่า “นั่นเสียงใครทำอะไร เสียงดังลั่น” “เสียงท่านอาจารย์เจี๊ยะสกัดหิน” พระท่านกราบเรียน “ไปเรียกมาซิ ทำงานอะไรไม่รู้จักเวล่ำเวลา” องค์หลวงปู่ท่านบ่นๆ

เมื่อหลวงปู่เจี๊ยะเข้ามาถึงหลวงปู่ขาวท่านจึงพูดขึ้นว่า“ท่านเจี้ยะ ถ้าท่านอาจารย์ใหญ่มั่นไม่ฝากท่านไว้กับผม ผมไล่ท่านหนีแล้วนะ”ด้วยคำพูดเพียงเท่านี้ ก็ทำให้เราตื้นตันใจถึงท่านพระอาจารย์มั่นยิ่งนัก

สาเหตุที่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำทั้งกลางวันทั้งกลางคืนนั้นเพราะต้องการให้งานเสร็จโดยเร็วเพราะว่ายิ่งยืดเยื้อยิ่งจะก่อความรำคาญแก่พระเณรไปนานรีบๆ ทำรีบเสร็จน่าจะดีกว่าปล่อยให้คาราคาซังแต่เมื่อหลวงปู่ขาวท่านเตือนอย่างนั้นหลวงปู่เจี๊ยะท่านก็นั่งนิ่งรับโทษ ไม่ได้โต้ตอบแต่ประการใด

...........................

ตามรอยพระอริยะเจ้า! "หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท" พระผู้เป็นดั่งผ้าขื้ริ้วห่อทอง คัดลอกจากหนังสือ "ตามรอยพระอริยเจ้าหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี" ท่านคือสมณะสงฆ์สายป่าผู้เป็นผ้าขี้ริ้วห่อทองของแม่ทัพกรรมฐานแห่งสยาม : ดำรงธรรม เรียบเรียง

(ติดตามตอนต่อไป) - 003

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • \'หลวงปู่จันทร์ศรี\'เรียนรู้วิธี \'หยุดคิด\' ตั้งสติพิจารณากายจาก \'พระอาจารย์มั่น\' 'หลวงปู่จันทร์ศรี'เรียนรู้วิธี 'หยุดคิด' ตั้งสติพิจารณากายจาก 'พระอาจารย์มั่น'
  • \'หวย\'เป็นเรื่องของโชค คนที่มีโชคเป็นพื้นฐานต้องเป็นคนทำทานมาก่อน:โอวาทธรรม \'ท่านพ่อลี\' 'หวย'เป็นเรื่องของโชค คนที่มีโชคเป็นพื้นฐานต้องเป็นคนทำทานมาก่อน:โอวาทธรรม 'ท่านพ่อลี'
  • \'ความอ่อนน้อมถ่อมตน\' เป็น \'คาถาศักดิ์สิทธิ์สู่สัมมาทิฐิ\' 'ความอ่อนน้อมถ่อมตน' เป็น 'คาถาศักดิ์สิทธิ์สู่สัมมาทิฐิ'
  • ผลักดันอุบลราชธานีเป็น \'เมืองกัมมัฏฐานโลก\' ชู \'ธรรมะ\' นำการพัฒนาสู่สันติสุขยั่งยืน ผลักดันอุบลราชธานีเป็น 'เมืองกัมมัฏฐานโลก' ชู 'ธรรมะ' นำการพัฒนาสู่สันติสุขยั่งยืน
  • แก่นแท้ของการทำบุญอยู่ที่\'ใจ\'ไม่ใช่จำนวนเงิน ทำบาทเดียวก็ได้อานิสงส์มหาศาล แก่นแท้ของการทำบุญอยู่ที่'ใจ'ไม่ใช่จำนวนเงิน ทำบาทเดียวก็ได้อานิสงส์มหาศาล
  • \'ถ้าอยากเห็นธรรมประเสริฐ\' จงพยายามตักตวงแต่บัดนี้ด้วยความเข้มข้นทางความเพียร 'ถ้าอยากเห็นธรรมประเสริฐ' จงพยายามตักตวงแต่บัดนี้ด้วยความเข้มข้นทางความเพียร
  •  

Breaking News

เรียลไทม์! รายงานเหตุสู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา 9 จุดสำคัญ

ชาวบุรีรัมย์ผวา!! เร่งอพยพ หลัง'เขมร'ระดมยิงกระสุนปืนใหญ่ตกใส่แล้วกว่า 50 ลูก

ประณามไทย! วุฒิสภากัมพูชาออกแถลงการณ์ 6 ข้อ วอนนานาชาติช่วย

‘จักรภพ’ย้ำไทยยังไม่สูญเสียดินแดน แจงปมวิวาทะ‘น็อต วรฤทธิ์’

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved