ดร.วิจักษ์ พงษ์เภตรา นายกสมาคมสินแร่และวัสดุก่อสร้าง เขียนไว้ถึงกรณี “กฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม”ว่า เป็นที่ประจักษ์ว่า กฎหมายปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมที่ประกาศใช้เมื่อปี 2518 จนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 47 ปี ได้กลายเป็นสิ่งที่ล้าสมัยไปแล้;
เพราะการไปจำกัดให้ที่ดินส.ป.ก.ใช้เฉพาะการทำเกษตรกรรมเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ยากไร้นั้นก่อปัญหาและอุปสรรคอย่างมาก มิได้เกิดประโยชน์อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
เนื่องด้วยที่ดิน ส.ป.ก. บางพื้นที่ไม่เอื้อต่อการทำเกษตรกรรมโดยบางพื้นที่หากนำไปทำอย่างอื่นจะเกิดประโยชน์ต่อชุมชนและสาธารณะประโยชน์ในหลายๆด้านและส่งผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ
ด้วยเหตุนี้ทางสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) จึงปรับปรุงแก้ไขกฎหมายดังกล่าวและบัดนี้ร่างกฎหมายได้เสร็จสิ้นแล้ว หลังเปิดรับฟังความเห็นของประชาชนและผู้เกี่ยวข้องตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2564 ถึงต้นปี 2565 ร่างกฎหมายนี้ ชื่อว่า “ร่างพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินและคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม พ.ศ…..”
สาระในร่างกฎหมาย เป็นการยกเครื่องกฎหมายปฏิรูปที่ดินฯ นำไปสู่การพลิกโฉมการปฏิรูปที่ดินครั้งใหญ่ในรอบเกือบครึ่งศตวรรษ นั่นคือ กำหนดขอบเขตการใช้ประโยชน์ที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินให้สอดคล้องกับสภาพของที่ดิน พื้นที่ เศรษฐกิจ และสังคม เพื่อบริหารจัดการการใช้ประโยชน์ที่ดินให้เกิดความคุ้มค่าสูงสุด โดยยังคงหลักการสำคัญในการใช้พื้นที่ประกอบเกษตรกรรม
ทั้งนี้ ที่ดินที่ไม่เอื้อต่อการทำเกษตรกรรม แต่มีคุณค่าในการทำกิจการอื่นที่เกี่ยวเนื่องหรือสนับสนุน เช่น พลังงาน กังหันลม โลจิสติกส์ เหมืองแร่ คมนาคม การศึกษา การท่องเที่ยว เป็นต้น แต่สามารถเชื่อมโยงกับวิถีชีวิตหรือระบบนิเวศน์ของเกษตรกรรม ซึ่งสามารถสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน และฟื้นฟูเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ตั้งแต่ถูกโรคระบาดโควิดซ้ำเติมมาตลอด 2 ปีครึ่ง
สิ่งที่เป็นกังวลของผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ก็คือ เมื่อไหร่ร่างกฎหมายฉบับนี้จะมีผลใช้บังคับ?
ตามขั้นตอน ร่างกฎหมายการปฏิรูปที่ดินฯ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นเจ้าของเรื่อง จะต้องเสนอร่างกฎหมายนี้ไปให้คณะรัฐมนตรีพิจารณา
ทั้งนี้ หากคณะรัฐมนตรีเร่งเครื่องผลักดันอย่างจริงจังให้สมกับความตั้งใจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ถือเป็นนโยบายสำคัญฯที่จะต้องทำให้สำเร็จก็เชื่อว่าจะไม่ใช้เวลานาน เนื่องเพราะร่างกฎหมายนี้เข้าหลักเกณฑ์ตามรัฐธรรมนูญ หมวด 16 ว่าด้วย “การปฏิรูปประเทศ” ด้วยเป็นเครื่องมือขับเคลื่อนเร่งเครื่องเศรษฐกิจประเทศที่สำคัญและส่งผลได้รวดเร็วทันที จึงมีความเป็นไปได้ที่จะสามารถเสนอตรงไปให้รัฐสภาพิจารณาผ่านช่องทางพิเศษนี้ได้เลย
ถ้ารัฐบาลเอาจริงเอาจัง ต้องการจะสร้างผลงานชิ้นโบว์แดง เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจให้ดีขึ้นก็ไม่มีอะไรยุ่งยาก เพราะทุกฝ่ายต่างก็เห็นพ้องในหลักการและเหตุผล สนับสนุนสาระในร่างกฎหมายนี้อยู่แล้ว
ขณะนี้ สภาได้เปิดสมัยประชุมสามัญแล้วตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคมที่ผ่านมา จะไปปิดสมัยประชุมวันที่ 19 กันยายน 2565 รวมเวลาเปิดสมัยประชุม 120 วัน
ยิ่งเสนอเข้ารัฐสภาเร็วเท่าไร กฏหมายก็จะเสร็จเร็วเท่านั้น
แต่ความผันผวนไม่แน่นอนทางการเมืองอาจบังคับให้เกิดการยุบสภาก็เป็นได้ ซึ่งจะกระทบต่อร่างกฎหมายนี้ทันที
แทนที่รัฐบาลจะได้แต้ม ได้รับคำชื่นชมว่าปฎิรูปที่ดินได้สำเร็จ สามารถนำพาเศรษฐกิจไปสู่การพลิกฟื้น ก็จะกลายเป็นเสียโอกาสอย่างน่าเสียดาย
นี่คือ เหตุผลและความจำเป็นที่รัฐบาลควรจะเร่งเสนอร่างกฎหมายปฎิรูปที่ดินฯ ประชาชนทั้งเกษตรนับล้านคน เอกชน กิจการสาธารณะประโยชน์ พลังงาน แร่ธาตุ กำลังรอการพัฒนาการขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่มีมูลค่าไม่น้อยกว่าแสนล้านบาท กระตุ้นเศรษฐกิจจากทรัพยากรแผ่นดินทั้งบนดินและใต้ดิน และการพัฒนาแหล่งน้ำ จาก พ.ร.บ. ฉบับใหม่นี้
ทั้งหมดคือมุมมองของ “นายกสมาคมสินแร่และวัสดุก่อสร้าง” ที่น่าสนใจซึ่งถ่ายทอดออกมาเป็นตัวหนังสือ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี