‘โคราช’ลุ้น!สุวัจน์เผยยูเนสโกลงพื้นที่ 17 แหล่ง ประเมินชูเป็น‘อุทยานธรณีโลก’
เมื่อเวลา 18.00 น.วันที่ 23 มิถุนายน 2565 ที่อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายกสภามหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา เป็นประธานงานเลี้ยงต้อนรับผู้ประเมินจีโอพาร์คโลก Welcome Reception Party “Khorat The Aspiring UNESCO Global Geopart” โดยมีผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อดิศร เนาวนนท์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา , นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา , นายประเสริฐ บุญชัยสุข นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา , นายเทวัญ ลิตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมหัวหน้าส่วนราชการ ตำรวจ ทหาร ตุลาการอัยการ หอการค้า สภาอุตสาหกรรม พ่อค้าคหบดี นักธุรกิจ นักศึกษาและแขกผู้มีเกียรติให้การต้อนรับผู้ประเมิน
ทั้งนี้ ได้ร่วมกันคล้องพวงมาลัยสักการะอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่ชาวนครราชสีมา เคารพกราบไหว้ พร้อมทั้งชมกำแพงเมืองเก่า ชมการตำหมากถวายคุณย่าโม โดยตัวแทนยูเนสโกยังได้ตำหมากด้วยตัวเอง และชมการร้องรำเพลงของหมอเพลงโคราช พร้อมกับเดินลอดซุ้มประตูเมือง หรือประตูชุมพวง ซึ่งมีความเชื่อว่าหากแขกบ้านแขกเมืองได้ลอดประตูเมืองจะได้กลับมา จ.นครราชสีมา อีก ก่อนนั่งสามล้อปั่นเป็นขบวน 14 คันรอบคูเมืองเข้าสู่เรือนโคราช สถานที่จัดงานเลี้ยงต้อนรับ โดยมีการจัดอาหารเป็นโต๊ะจีนโคราช ประกอบด้วย ไก่ย่างโคราช , หมี่โคราช , ส้มตำไทย , ข้าวเหนียว , ขนมจีนน้ำยากะทิ , น้ำกระเจี๊ยบ , น้ำอัญชัน เป็นต้น
องค์การยูเนสโกได้มอบหมายให้ผู้ประเมินอุทยานธรณีโคราช Dr.Marie Louise Frey ผู้อาวุโสจากสหพันธ์รัฐเยอรมนี และ Ms.Sarah Gamble ผู้ประเมินจากประเทศแคนาดา เป็นผู้ประเมินอุทยานธรณีในประเทศไทย เพื่อขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก โดยกำหนดการประเมินอุทยานธรณีโคราชระหว่างวันที่ 22-26 มิถุนายน 2565 นี้
นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ กล่าวว่า “โคราช จีโอพาร์ค” เป็นเรื่องที่ดีในขณะนี้มีผู้แทนจากยูเนสโก เดินทางมาที่นครราชสีมา เพื่อที่จะมาทำการประเมิน ว่าจะได้รับการพิจารณาโกลบอล จีโอพาร์ค โดยนครราชสีมา มีความพร้อม องค์กรหลัก คือ มหาลัยราชภัฏนครราชสีมา ซึ่งได้ทำเกี่ยวกับจีโอพาร์ค มาตลอด มีการขุดใต้ดินในชั้นดินต่างๆในธรณีวิทยา ในเขต 5 อำเภอ คือ อ.เมือง อ.สูงเนิน อ.ขามทะเลสอ อ.สีคิ้ว อ.เฉลิมพระเกียรติ จะพบซากบรรพชีวินวิทยา และซากดึกดำบรรพ์ พวกฟอสซิล อาทิ ซากไดโนเสาร์ ซากช้างดึกดำบรรพ์ และไม้กลายเป็นหิน ซึ่งมีการร่วมกันอยู่เป็นจำนวนมาก จึงมีการผสมผสานระหว่างซากดึกดำบรรพ์กับธรณีวิทยา กับภูมิศาสตร์ วัฒนธรรมการใช้ชีวิตในชุมชนต่างๆ
นายสุวัจน์ กล่าวว่า เราได้มีการจัดตั้ง “โคราช จีโอพาร์ค” ตั้งแต่ พ.ศ.2558 หลังจากนั้นมีการพัฒนาต่อมาในพื้นที่ใน 5 อำเภอ 17 ชุมชนและ 39 แหล่งของจีโอทัวร์ริซึม เราจะจัดและพัฒนาเป็นอุทยานธรณีโลกเหมือนที่ จ.สตูล โดยสถาบันไม้กลายเป็นหิน เป็นผู้ดำเนินการในเรื่อง “โคราช จีโอพาร์ค” ได้ประสานกับจังหวัดและส่วนราชการ จนคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ให้นำเสนอไปสู่ ยูเนสโก เพื่อยกฐานะเป็น “โกลบอล จีโอพาร์ค” หรือที่เรียกว่า “อุทยานธรณีโลก”ได้หรือไม่ ซึ่งมีความพยายามทำตรงนั้นตั้งแต่ 2558 จนกระทั่งวันนี้ เป็นเวลา 7 ปีเต็มๆ ที่มหาวิทยาลัยและชาวโคราชรอคอย
“วันนี้ เป็นจุดเริ่มต้นเพราะมีคณะได้เดินทางมา 2 ท่านมาประเมิน ใช้เวลาประเมิน 3 วัน เมื่อประเมินเสร็จก็จะนำผลการประเมินไปสู่ที่ประชุมของกรรมการสภาอุทยานธรณีโลก ซึ่งจะจัดเดือน กันยายน โดยการท่องเที่ยวในเชิงธรณีวิทยา เที่ยวในเชิงวัฒนธรรม ผสมผสานการนำ Soft Power มาบวกกับธรณีวิทยา จะช่วยให้มีการจ้างงาน มีอาชีพ และมีรายได้ ลดความเหลื่อมล้ำ กระจายรายได้สู่ท้องถิ่น ซึ่งเรามั่นใจว่าเรามีความพร้อมในทุกๆด้าน” นายสุวัจน์ กล่าว
นายสุวัจน์ กล่าวอีกว่า จ.นครราชสีมา ได้มรดกโลกมาแล้ว 2 มงกุฎ คือ 1.อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 2.ป่าสงวนชีวมณฑล สะแกราช อ.ปักธงชัย โดยอุทยานธรณีโลก หรือ โคราชจีโอพาร์ค ซึ่งอยู่ระหว่างการประเมินของยูเนสโก ถ้าได้ขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานธรณีโลก หมายความว่า จ.นครราชสีมา ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกถึง 3 มงกุฎ ต่อไปจะเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับโลก หลังจากนี้ลุ้นกันให้ดี ถ้า ยูเนสโก ประกาศ “โคราชเป็นอุทยานธรณีโลก” เราจะเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับ จ.นครราชสีมา ว่าในโลกจะมีเพียง 3 ประเทศ คือ 1.ประเทศอิตาลี 2.ประเทศเกาหลี และ 3. จังหวัดนครราชสีมาในประเทศไทย
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ที่พิพิธภัณฑ์อุทยานธรณีโคราช สถาบันวิจัยและพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินและทรัพยากรธรณี บ้านโกรกเดือนห้า ต.สุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา องค์การยูเนสโก มอบหมายให้ผู้ประเมินอาวุโส เดินทางมาประเมินเพื่อรวบรวมข้อมูลและหลักฐานประกอบการรับรองอุทยานธรณีโคราชเพื่อการรับรองให้เป็นอุทยานธรณีโลกของยูเนสโก โดยจะมีการลงพื้นที่ตรวจประเมินภาคสนาม จำนวน 17 แหล่งสำคัญทางธรณีวิทยา ใน 5 อำเภอของนครราชสีมา ได้แก่ 1.สถาบันวิจัยไม้กลายเป็นหิน ช้างดึกดำบรรพ์และไดโนเสาร์ 2.โรงเรียนพันดุง 3.แหล่งผลิตเกลือภูมิปัญญาบ้านพันดุง 4.ชุมชนโพนสูง 5.แหล่งตัดหินสีคิ้ว 6.เขาจันทน์งาม 7.ศูนย์เรียนรู้ กฟผ.
8.อ่างพักน้ำตอนบนลำตะคองสูบกลับ (เขาเควสต้า) 9.ผายายเที่ยง 10.ชุมชนไท-ยวน 11.ชุมชนและปราสาทพนมวัน 12.โรงเรียนท่าช้างราษฎร์บำรุง 13.ไทรงาม ท่าช้าง 14.กลุ่มทอเสื่อบ้านท่าช้าง 15.เรือนรักษ์รถไฟ 16.พระนอนหินทราย17.แหล่งตัดหินบ้านส้มกบงาม
ทั้งนี้ได้มีการนำเสนอข้อมูลการพัฒนา ผลกระทบ ประโยชน์ รวมถึงศักยภาพของชุมชนเพื่อให้เห็นภาพรวมของแหล่งเควสต้าของอุทยานธรณีโคราช ที่มีภูมิประเทศสวยงามโดดเด่นที่เป็นอัตลักษณ์ของอุทยานธรณีโคราช
ด้าน ผศ.ดร.ประเทือง จินตสกุล ผู้อำนวยการอุทยานธรณีโคราช เปิดเผยว่า โคราชจีโอพาร์ค ดินแดนแห่งเควสต้าและฟอสซิส Cuesta & Fossil Land ครอบคลุมพื้นที่ลุ่มน้ำลำตะคองใน 5 อำเภอของนครราชสีมา จำนวน 3,167 ตร.กม. ได้แก่ อ.เมือง สีคิ้ว สูงเนิน ขามทะเลสอ และเฉลิมพระเกียรติ มีแหล่งที่มีความสำคัญระดับนานาชาติระดับชาติและท้องถิ่นในพื้นที่อุทยานธรณีโคราชมากถึง 39 แหล่ง ประกอบด้วย แหล่งธรณี จำนวน 21 แห่ง และเป็นแหล่งธรรมชาติอื่นและแหล่งวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกับแหล่งธรณีวิทยาถึง 18 แห่ง นอกจากนี้อุทยานธรณีโคราชยังมีมรดกที่จับต้องไม่ได้ อาทิ ความเชื่อและภูมิปัญญาท้องถิ่นที่สำคัญอีกมากมาย อุทยานธรณีโคราชตั้งอยู่บนที่ราบสูงโคราชขอบด้านตะวันตกเฉียงใต้ ซึ่งมีแนวเขาเควสตาสองชั้นเป็นแลนด์มาร์คที่โดดเด่นและไม่ซ้ำอุทยานธรณีแห่งใดในเครือข่ายอุทยานธรณีโลก ซึ่งถูกรองรับด้วยแผ่นหินที่มีอายุราว 150 - 90 ล้านปี เรียกว่า กลุ่มหินโคราช ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้เป็นห้องเรียนกลางแจ้งของ นักศึกษาและนักธรณีวิทยา
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี