“โอทอป เทรดเดอร์ (OTOP TRADER)” คือตัวกลางที่กรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย ดำเนินการสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาหลักของการจำหน่ายสินค้าโครงการหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ One Tambon One Product (OTOP) ซึ่งก็คือเรื่องของช่องทางการตลาด
โดย โอทอป เทรดเดอร์ จะทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมในการจำหน่ายสินค้าโอทอปที่มีคุณภาพ มาตรฐานและศักยภาพทางการตลาด แต่ขาดโอกาสและช่องทางในการจำหน่าย, ดำเนินการกระจายสินค้าโอทอปจากผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ไปยังผู้ซื้อ ทั้งที่อยู่ภายในจังหวัด ระหว่างจังหวัด รวมถึงต่างประเทศ, พัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้าโอทอปให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า และจัดหาแหล่งจำหน่ายสินค้า OTOP ในทุกรูปแบบซึ่งมีสองระดับ คือ ระดับจังหวัด และระดับประเทศ
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ จาก สำนักงานสภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรมแห่งชาติ (สอวช.) นำโดย ดร.สิริพร พิทยโสภณรองผู้อำนวยการ สอวช. เดินทางเข้าพบ นายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์หรือ นายกอุ๊ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านใหม่ อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในฐานะประธานโอทอปเทรดเดอร์ประเทศไทย ณ พุทธอุทยานมหาราชหลวงปู่ทวด จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เพื่อศึกษาดูงาน รับฟัง เรียนรู้รูปแบบบริหารจัดการ และกลไกการดำเนินงาน ที่ประสบความสำเร็จ
นอกจากนี้ นายวัชรพงศ์ ยังได้เชิญ นางยุราวรรณ ขันทอง ประธานโอทอปเทรดเดอร์ จังหวัดอ่างทอง และ นายทินกร บุญเงิน พัฒนาชุมชนจังหวัดอ่างทอง เข้าร่วมให้ข้อเสนอแนะ ในฐานะที่เพิ่งได้รับรางวัลเลิศรัฐ สาขาการบริหารราชการแบบมีส่วนร่วม ผลงานส่งเสริมช่องทางการตลาด 100 ร้าน OTOP ไทยยิ้ม โดยรูปแบบผลิตภัณฑ์ สินค้าราคาถูกชิ้นละ 5 บาท และจัดจำหน่ายในร้านค้าชุมชน ร้านโชห่วยทั่วไปในพื้นที่ ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้กับผู้ประกอบการรายย่อยได้ 2 ล้านบาทต่อปี
ประธานโอทอปเทรดเดอร์ประเทศไทย กล่าวด้วยว่า ในฐานะที่เคยนำโอทอปไทย ไปออกร้านในต่างประเทศบ่อยครั้ง บอกได้เลยว่า สินค้าโอทอปที่ขายดี ไม่จำเป็นต้องมีแพ็กเกจสวยงาม แต่อาจเป็นสินค้าท้องถิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งอาหาร และของเล่นภูมิปัญญาท้องถิ่น เช่น ที่เยอรมนี คนเข้าคิว รอกินผัดไทยและหอยทอดกันยาวเหยียด ขณะที่ญี่ปุ่น สินค้าขายดีกลับกลายเป็น ลูกข่าง ของเล่นเด็กโบราณ ที่คนญี่ปุ่นให้ความสนใจ ดังนั้นสินค้าไทย อาจต้องจัดลำดับให้เข้ากับตลาด เช่น ผ้าไหม ก็ควรจัดอยู่ในสินค้าไฮเอนด์ ที่เป็นของฝากมีราคาเป็นแบรนด์เนมของชาติไทย ส่วนอาหารที่เป็นวัฒนธรรมท้องถิ่น เช่น ขนมถ้วย ขนมครก ต้องกินสดถึงจะอร่อย ก็ต้องมาหากินที่เมืองไทย เป็นมนต์เสน่ห์ของท้องถิ่น
“ตำบลบ้านใหม่ ก็มีละมุดที่รสชาติอร่อยมาก ผมได้ปลุกปั้นสร้างแบรนด์ ละมุด 100 ปีบ้านใหม่ เป็นสินค้าที่ได้รับมาตรฐานและได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GI) นำมาแปรรูปเป็นไอศกรีม จนได้รางวัลผลิตภัณฑ์ชุมชน ระดับประเทศ เป็นเครื่องพิสูจน์ถึงความสำเร็จของกระบวนการแผนงานที่ได้พยายามนำเสนอและผลักดัน เรื่องความคิด 1 ท้องถิ่น1 ทีมโอทอป เพื่อให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ในชุมชนและตัวชาวบ้านในพื้นที่อย่างทั่วถึง” นายวัชรพงศ์ กล่าว
จากนั้น ทีมงาน สอวช. ได้เข้าดูงานที่ ห้อง อย.กลาง ซึ่งนายกอุ๊ ได้อธิบายว่า เป็นความร่วมมือของภาคีเครือข่าย มีสถาบันการศึกษา สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดและทีมโอทอปเทรดเดอร์ประเทศไทย เป็นที่ปรึกษาพี่เลี้ยงในการยกระดับมาตรฐานการผลิตแบบครบวงจร จนกระทั่งถึงการจัดจำหน่าย ถือเป็นต้นแบบแห่งแรกขององค์กรปกครองท้องถิ่นในประเทศไทย ที่สามารถขยายผลจนได้รับรางวัลชนะเลิศระดับประเทศ และเข้ารับรางวัลสุดยอดนวัตกรรมงานพัฒนาชุมชนที่มีความโดดเด่น จากการแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำสร้างโอกาสกระจายรายได้สู่ชุมชนให้กับทุกคนอย่างยั่งยืน ภายใต้ชื่อผลงาน “ศูนย์นวัตกรรมพัฒนามาตรฐานอาหารปลอดภัย” หรือ ห้อง อย.กลาง ที่ช่วยให้ชาวบ้านสามารถผลิตสินค้าที่มีคุณภาพและมีมาตรฐานเป็นที่ยอมรับโดยสามารถขอเลขมาตรฐาน อย.ได้ โดยชาวบ้านไม่ต้องลงทุนในเครื่องจักร อุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพียงนำวัตถุดิบและฝีมือมาทำเท่านั้น
โดย ห้อง อย.กลางถือเป็นต้นแบบแห่งแรกขององค์กรปกครองท้องถิ่นในประเทศไทยที่สามารถขยายผลไปได้ทั่วประเทศ หลายครั้งหน่วยงานต่างๆ มักเอาโครงการมาให้ชาวบ้านทำสุดท้ายเมื่อมีผลผลิตออกมา ก็ไม่รู้จะไปขายที่ไหน บางคนลงทุนทำผลิตภัณฑ์ของตัวเอง หน่วยงานของรัฐออกแบบผลิตภัณฑ์ให้สวยงาม แต่ในกระบวนการผลิต การขอขึ้นทะเบียน อย.และจัดจำหน่ายชาวบ้านต้องไปกู้หนี้ยืมสิน ไม่รู้เมื่อไรจะได้คืนทุน แต่ ห้อง อย.กลาง ถ้ามีสินค้าอยู่แล้ว ก็มาทำมาตรฐาน อย. เพื่อนำผลิตและจำหน่ายได้ โดยชาวบ้านเสียค่าเช่าสถานที่เป็นค่าไฟ ค่าเครื่องจักร วันละ 300 บาท และหากมีออเดอร์เป็นจำนวนมาก ก็สามารถจ้างคนงานมาเองได้
ตัวอย่างความสำเร็จที่ผ่านมาคือ บริษัท PT Max mart ก็ได้ติดต่อมาว่า สนใจซื้อขนมไทยของทางร้าน เพื่อนำไปจำหน่ายในร้านกาแฟพันธุ์ไทยทั่วประเทศ จึงขอมาดูความพร้อมและกำลังการผลิต ซึ่งหลังจากที่ได้มาดูห้อง อย.กลางเขาตัดสินใจเซ็นสัญญาทันที และสั่งออเดอร์ขนม 170,000 ชิ้นซึ่งเท่ากับการขายหน้าร้านและในทุกช่องทางของแม่ค้ารายย่อยถึงเกือบ 2 ปี เป็นการฉลองการสร้าง อย.กลางเสร็จพอดี และยังมีสินค้าชุมชนอีกหลายรายการ รอการขึ้นทะเบียน อย. และผลิตออกจำหน่าย ซึ่งกระบวนการขึ้นทะเบียนจะเร็วมากเนื่องจากผ่านกระบวนการทดสอบที่ อย.กลางแห่งนี้เป็นที่เรียบร้อย ถือเป็นการลดขั้นตอน และปลดล็อกปัญหาให้กับสินค้าชุมชนอย่างแท้จริง
ดร.สิริพร พิทยโสภณ รองผู้อำนวยการ สอวช. กล่าวว่า ในส่วนของ สอวช. เอง ได้ดำเนินโครงการสร้างต้นแบบแนวทางลดความเหลื่อมล้ำด้วยนวัตกรรมภาครัฐ เพื่อให้มีการศึกษารวบรวมข้อมูลวิเคราะห์สภาพปัญหากำหนดแนวทางและจัดทำแผนปฏิบัติการในพื้นที่นำร่องที่เป็นครัวเรือนที่อยู่ต่ำกว่าเกณฑ์ยากจน โดยมีการศึกษาในพื้นที่ ตำบลกุดบาก อำเภอกุดบาก จังหวัดสกลนคร ยกระดับรายได้ สนับสนุนการสร้างอำนาจต่อรองและสร้างช่องทางการตลาดในระดับพื้นที่ให้มีความเข้มแข็งขึ้น ตลอดจนการสร้างแบรนด์ให้กับผลิตภัณฑ์
นอกจากนี้ยังดำเนินการใน 2 พื้นที่ในจังหวัดเชียงรายได้แก่ ตำบลดอยงาม อำเภอพาน ประชาชนในพื้นที่มีการรวมกลุ่มที่เข้มแข็ง สามารถผลิตสินค้าและนำเข้าสู่ช่องทางการตลาดได้ อีกพื้นที่คือ ตำบลหล่ายงาว อำเภอเวียงแก่น สอวช. ได้ทดลองโครงการนำร่อง 3 โครงการ คือ โครงการพัฒนาเทคนิคการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ผ้าและช่องทางการตลาด และโครงการส่งเสริมการเพาะปลูกสมุนไพร
โดย สอวช. จะศึกษากระบวนการและช่วยสร้างเครือข่ายและระบบนิเวศที่สำคัญต่อการพัฒนานวัตกรรมชุมชน ตลอดจนกำหนดบทบาทและออกแบบกลไกและมาตรการสนับสนุนให้ภาคีต่างๆ สามารถทำงานร่วมกันได้ในการยกระดับศักยภาพความเป็นผู้ประกอบการนวัตกรรมให้กับชุมชน ทำให้เศรษฐกิจชุมชนขยายตัวอย่างเข้มแข็ง เป็นแหล่งสร้างงาน สร้างรายได้ โดยเฉพาะกับประชากรกลุ่มฐานรากในชุมชน
“การเดินทางมาศึกษาดูงานในครั้งนี้ ทำให้ได้เรียนรู้ปัจจัยความสำเร็จ ตลอดจนทราบถึงเครือข่ายสนับสนุนที่เกี่ยวข้องว่า ได้ร่วมกันพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อชุมชนได้อย่างไร และได้รับมุมมองใหม่จาก นายกอุ๊ อย่างมาก โดยเฉพาะการจัดตั้ง ห้อง อย.กลางในพื้นที่ ซึ่งเป็นโมเดลที่ดีมาก สอวช. เองก็ต้องนำสิ่งที่ได้เรียนรู้ในการดูงานครั้งนี้ ไปปรับแผนการทำงานกับทางสถาบันการศึกษา และอุทยานวิทยาศาสตร์ทั่วประเทศในการทำงานกับชุมชนที่ต้องยึดชุมชนเป็นฐาน และสนับสนุนต่อยอดในสิ่งที่ชุมชนถนัด และทำได้ดีที่สุด ทั้งนี้ต้องรู้ด้วยว่า ตลาดของพวกเขาอยู่ที่ไหน จากนั้นทางสถาบันการศึกษาจะเป็นพี่เลี้ยง และสนับสนุนการใช้บริการ pilot plant ในมหาวิทยาลัย ตลอดจนการนำผลิตภัณฑ์ชุมชนออกสู่ตลาด” ดร.สิริพร กล่าวในตอนท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี