วันพฤหัสบดี ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2566
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
งานวิจัยชี้ 'ขับจี้ท้าย' พฤติกรรมเลวร้ายบนท้องถนน

งานวิจัยชี้ 'ขับจี้ท้าย' พฤติกรรมเลวร้ายบนท้องถนน

วันศุกร์ ที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2566, 15.47 น.
Tag : ขับรถจี้ท้าย จี้ท้าย ThaiRAP แนวหน้าออนไลน์
  •  

งานวิจัยชี้ ‘จี้ท้าย’ พฤติกรรมขับขี่อันตราย เสี่ยงอุบัติเหตุ แนะให้ความรู้คู่เข้มบังคับใช้กฎหมาย

3 ก.พ. 2566 เฟซบุ๊กแฟนเพจ  “ThaiRAP”  หรือ Thailand Road Assessment Programme ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่างคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กับองค์กร International Road Assessment Programme (iRAP) ที่มีภารกิจวิเคราะห์และประเมินผลถนนในประเทศต่างๆ ทั่วโลก โดยประเมินความเสี่ยงของผู้ใช้ทางทั้งหมด 4 กลุ่ม คือคนเดินเท้า รถยนต์ มอเตอร์ไซค์และจักรยาน จัดอันดับจาก 1 ดาวคือเสี่ยงมากที่สุด ไปถึง 5 ดาวคือเสี่ยงน้อยที่สุด เผยแพร่บทความ “โปรดเว้นระยะห่าง ขับรถจี้ท้าย พฤติกรรมอันตรายที่ควรหยุดทำ” เนื้อหาดังนี้


“ผู้ขับรถหลายคนเคยมีประสบการณ์ถูกรถยนต์ที่ขับตามมาจี้ท้ายรถของเรา นอกจากจะสร้างความเครียดที่จะต้องมาพะวงรถยนต์ด้านหลังแล้ว ยังทำให้เราต้องขับรถเร็วขึ้นด้วยจากการพยามยามทิ้งระยะห่าง พฤติกรรมเหล่านี้เป็นอันตรายต่อการขับขี่บนท้องถนนทั้งคนที่ขับจี้ท้ายและคนที่ถูกขับจี้ท้ายด้วยเช่นกัน งานวิจัยจากรัฐควีนแลนด์ ประเทศออสเตรเลียได้ศึกษาถึงพฤติกรรมและความอันตรายของผู้ที่ชอบขับรถจี้ท้าย รวมถึงแนวการแก้ไขพฤติกรรมดังกล่าว ทาง ThaiRAP จึงขอสรุปข้อมูลจากงานวิจัยดังกล่าวไว้ดังนี้

โดนจี้ท้าย ประสบการณ์เลวร้ายบนท้องถนน งานวิจัยนี้ได้สำรวจผู้ใช้ถนน 887 คน โดยร้อยละ 98 เคยมีประสบการณ์การโดนขับรถจี้ท้าย ซึ่งเป็นประสบการณ์แย่ๆ ซึ่งสร้างความเครียดอย่างมากให้แก่ผู้ขับรถ จากสถิติอุบัติเหตุรุนแรงมากกว่า 7,000 ครั้ง (ค.ศ. 2019 – 2020) จะมีสาเหตุมาจากการขับรถจี้ท้าย ซึ่งขัดแย้งกับสถิติผู้ขับขี่ที่โดนใบสั่งเรื่องการขับรถจี้ท้ายที่มีเพียง 3,000 กว่าเคส จึงสะท้อนถึงปัญหาการขับจี้ท้ายยังไม่ได้รับการแก้ไขที่ดีนัก

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ขับจี้ท้าย จากการศึกษาปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อพฤติกรรมดังกล่าว คือ 1) ไม่รับรู้ถึงอันตรายที่อาจเกิด 2) ไม่ได้รับใบสั่งเมื่อมีพฤติกรรมเสี่ยง 3) เห็นว่าคนรอบตัวเคยโดนจี้ท้าย และ 4) คิดว่าเป็นพฤติกรรมที่ทำได้โดยไม่ถูกจับ ดังนั้นแนวทางการแก้ไขปัญหาที่มีประสิทธิภาพคือ การให้ความรู้ถึงอันตรายของการขับรถจี้ท้าย และความรู้ด้านกฎหมายต่อความผิดในการขับรถจี้ท้าย 

สำหรับประเทศไทยมีกฎหมายพระราชบัญญัติการจราจรทางบก พ.ศ. 2522 มาตรา 40 ระบุว่า "ผู้ขับขี่ต้องขับรถให้ห่างคันหน้าพอสมควรในระยะที่หยุดรถได้โดยปลอดภัยเมื่อจำเป็นต้องหยุดรถ" เว้นระยะอย่างไรให้ปลอดภัย บางครั้งเองผู้ขับขี่บางคนอาจไม่ทราบว่าตัวเองกำลังขับรถจี้ท้ายรถคันอื่นจากความเคยชินในการขับขี่ ทาง ThaiRAP จึงขอวิธีในการเว้นระยะห่างอย่างปลอดภัยตามมาตรฐานสากล (NSW Government) ไว้ดังนี้ 

• ห่างครึ่งหนึ่ง เพื่อลดความเสี่ยง ตามมาตรฐานสากล (NSW Government) หากเรากำลังขับที่ความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ให้เราเว้นระยะจากคันหน้า 80/2 = 40 เมตร แต่ถ้าสภาพถนนไม่ดี ยางล้อเสื่อม หรือมีฝนตกหนัก ควรเพิ่มระยะห่างเป็นสองเท่า

• ห่าง 3 วินาที เพื่อความปลอดภัย ลองใช้วิธีสังเกตจากเสาไฟฟ้า ต้นไม้ หรือหลักกิโลเมตร เป็นตัวช่วยในการกะเวลา เช่น เมื่อรถคันหน้าผ่านต้นไม้ แล้วเราที่ขับตามมาถึงต้นไม้ต้นเดียวกันในช่วงเวลาไม่น้อยกว่า 3 วินาที จะช่วยให้เรามั่นใจได้ในระดับนึงว่าปลอดภัยจากการชนท้าย

เพื่อการเดินทางที่ปลอดภัย ThaiRAP จึงอยากสนับสนุนให้มีการจัดการพฤติกรรมการขับรถจี้ท้าย ทั้งด้านการให้ความรู้และการบังคับใช้กฎหมาย และฝากถึงทุกคนให้เลี่ยงพฤติกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุต่อตัวท่าน และเพื่อนร่วมทางบนท้องถนน โดยการขับขี่ที่ดี มีน้ำใจ ไม่ประมาทจะช่วยถนนปลอดภัยแก่ผู้ใช้ทางทุกคน”

-009

ขอบคุณ : ThaiRAP
ขอบคุณ : ThaiRAP
ขอบคุณ : ThaiRAP
ขอบคุณ : ThaiRAP
ขอบคุณ : ThaiRAP
ขอบคุณ : ThaiRAP
ขอบคุณ : ThaiRAP
ขอบคุณ : ThaiRAP

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ‘ห้ามยืนบนรถสองแถว’ ปลอดภัยแต่ไม่สอดคล้องวิถีสังคมไทย ‘ห้ามยืนบนรถสองแถว’ ปลอดภัยแต่ไม่สอดคล้องวิถีสังคมไทย
  • นทท.สาวรัสเซียประทับใจ ตร.ไทย ตามคืนต่างหูเพชรคืนมาได้ นทท.สาวรัสเซียประทับใจ ตร.ไทย ตามคืนต่างหูเพชรคืนมาได้
  • กางข้อกฎหมาย‘เปิดเพลงเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้าน’เอาผิดอะไรได้บ้าง กางข้อกฎหมาย‘เปิดเพลงเสียงดังรบกวนเพื่อนบ้าน’เอาผิดอะไรได้บ้าง
  • ข่าวฉาว‘ชู้สาว’เรื่องโปรด‘ชาวโซเชียล’ เม้าท์มอยล้ำเส้นสิทธิ์..ระวังผิดฎหมาย ข่าวฉาว‘ชู้สาว’เรื่องโปรด‘ชาวโซเชียล’ เม้าท์มอยล้ำเส้นสิทธิ์..ระวังผิดฎหมาย
  • เศร้า!! โลมาเกยตื้นตายบนชายหาดตะโล๊ะกาโปร์ จ.ปัตตานี เศร้า!! โลมาเกยตื้นตายบนชายหาดตะโล๊ะกาโปร์ จ.ปัตตานี
  • สุดประทับใจ!! เปิดภาพต้นเมเปิลที่ \'พระองค์ภา\' ทรงปลูกเปลี่ยนเป็นสีแดงสดทั้งต้น สุดประทับใจ!! เปิดภาพต้นเมเปิลที่ 'พระองค์ภา' ทรงปลูกเปลี่ยนเป็นสีแดงสดทั้งต้น
  •  

Breaking News

ด่วน! สิ้น 'ถนอม สามโทน' เจ้าของเพลงฮิต'เจ้าภาพจงเจริญ' เสียชีวิตแล้ว

ยังลุกลาม! ไฟป่าเขาแหลม หวั่นลมโหมไปทางเขาตะแบก สัตว์ป่าเริ่มหนีตาย

เกาะติด! รายงานสถานการณ์ผู้ติดเชื้อไวรัส COVID-19 ทั่วโลก

กรมอุตุฯเตือน 45 จังหวัด ระวังลมแรง-พายุฤดูร้อน 'ภาคเหนือ'ฝุ่นละออง-หมอกควันสะสมมาก

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายประพันธ์ สุขทะใจ ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved