คุณตาวัย 67 ปีชาวตำบลบางเป้า อำเภอกันตัง ตัดสินใจโค่นต้นยางพารากว่า 100 ต้นบนเนื้อที่เกว่า 1 ไร่ทิ้งเพื่อขุดสระปลูกบัวหลวง บัวสาย บัวสีชมพูเก็บดอกขาย ไม่หวั่นแม้เจอปลิงควายในนาบัวแต่ใจสู้เก็บขายสร้างรายได้ดีกว่ายางเยอะ

นายรุ่งโรจน์ เอี่ยวฉาย หรือ โกหลี หรือ ตาหลี อายุ 67 ปี เกษตรกรหมู่ที่ 1 ต.บางเป้า อ.กันตัง จ.ตรัง เคยใช้ที่ดินที่ปลูกบัวอยู่ในขณะนี้ปลูกยางพารากว่า 100 ต้นบนเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ครึ่งมาก่อน แต่ต้นยางพาราไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควร เนื่องจากเป็นที่ราบลุ่ม เวลาฝนตกหนักจะมีน้ำไหลผ่านและมีน้ำท่วมขังตลอดทั้งปี 

คุณตาหลี จึงพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส ด้วยการหันมาโค่นต้นยางพาราทั้งหมดทิ้งเพื่อปลูกบัวหลวง บัวสาย และบัวสีชมพู โดยแบ่งพื้นที่ส่วนหนึ่งในนาบัวเลี้ยงปลาดุกไว้กินไว้ขายได้อีกทางหนึ่งด้วย ซึ่งคุณตาหลี ปลูกบัวมาประมาณ 1 ปีแล้ว ตอนนี้บัวจึงเริ่มขยายพันธุ์และเริ่มออกดอก จนสามารถเก็บขายได้ทุกวันพระหรือทุกสัปดาห์ ราคาดอกละ 5 บาท สร้างรายได้กว่า 500 บาทต่อสัปดาห์ ส่วนวันธรรมดาก็มีลูกค้าสั่งซื้อเข้ามาทุกวัน วันละไม่ต่ำกว่า 100 บาท ซึ่งดีกว่ารายได้จากการทำสวนยางพาราบนเนื้อที่ 1 ไร่ครึ่งเป็นอย่างมาก

ดอกบัวสาย นอกจากจะให้สีสันที่สวยงามแล้ว คุณตาหลี ยังเก็บสายบัวไปทำเป็นอาหารได้อีกด้วย โดยเตรียมจะปลูกบัวสีชมพูเพิ่มเพื่อให้มีบัวหลากสีให้ลูกค้าเลือกซื้อและสร้างสีสันให้กับนาบัวแห่งแรกใน ต.บางเป้า อ.กันตัง ด้วย 

แต่การเก็บดอกบัวของคุณตาหลี ก็มีอุปสรรคอยู่บ้าง โดยเฉพาะในนาบัว ซึ่งปลูกดอกบัวหลวงเอาไว้ มีระดับน้ำลึกไม่เกิน 2 เมตร พบปลิงควายขณะลงเก็บดอกบัวทุกครั้ง แต่คุณตาหลีใจสู้ เก็บดอกบัวไปขายได้ทุกครั้ง ส่วนนาบัวที่ปลูกดอกบัวสาย น้ำลึกประมาณ 4 เมตรและมีปลาธรรมชาติ จึงไม่มีปลิงควาย ซึ่งคุณตาหลีกำลังหาวิธีแปรสภาพปลิงควายเป็นเงิน ส่งขายภาคอีสานอยู่เช่นกัน

คุณตาหลี กล่าวว่า คิดที่จะปลูกบัวเองเพราะใจมันรัก พอเห็นดอกบัวแล้วชอบ และเชื่อว่าถ้าเอาดอกบัวไปถวายหรือไหว้พระจะได้ผลสำเร็จ มีสิ่งที่ดีเกิดขึ้นเลยปลูกบัวและเลี้ยงปลาคู่ไปด้วย โดยพื้นที่ตรงนี้เมื่อก่อนปลูกยางพารา แต่เพราะเป็นที่ลุ่มมีน้ำขังอยู่แล้ว เลยปรับมาปลูกบัว ซึ่งได้ผลดีกว่ายางพารา ส่วนดอกบัวซื้อมาจากเพื่อนที่นำมาขายให้ - 003