ลืมไปได้เลยแก้‘ม.112’!คำวินิจฉัย‘ศาลรัฐธรรมนูญ’สะท้อนผลกรรม‘ก้าวไกล’ ร่อแร่หนักเสี่ยงสูงโดน‘ยุบพรรค’ วัดใจสังคมไทย‘ยิ่งตียิ่งโต’?
เป็นที่ชัดเจนแล้วหลัง “ศาลรัฐธรรมนูญ” ขึ้นบัลลังก์อ่านคำวินิจฉัยในคดีที่ “ธีรยุทธ สุวรรณเกษร” อดีตทนายความอดีตพุทธะอิสระ ยื่นคำร้องขอให้ศาลฯพิจารณาวินิจฉัยตาม”รัฐธรรมนูญ มาตรา 49” ว่าการกระทำของ “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” และ “พรรคก้าวไกล” เสนอร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ. … เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ชูเป็น “นโยบายหลัก” ในการ “หาเสียงเลือกตั้ง”
มติเอกฉันท์ 9:0 เสียง
ชี้ว่ามีพฤติการณ์เข้าข่าย “ล้มล้างการปกครองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข” พร้อมสั่งให้ยุติการกระทำแก้ม.112ทันที
นั่นส่งผลให้จากนี้ไป “พิธา แอนด์เดอะพรรคก้าวไกล” จะไม่สามารถ พูด เขียน หรือพิมพ์ ใดๆก็ตามที่เกี่ยวกับการแก้ไขมาตรา112 ซึ่งมีผลผูกพันไม่ให้มีการแก้ไขมาตราดังกล่าวในอนาคตอีกด้วย
สรุปใจความคำวินิจฉัยของศาลฯคร่าวๆ ก็คือ แม้การแก้ไขม.112ที่พรรคก้าวไกลเสนอร่างฯเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯจะไม่ได้รับการบรรจุเห็นชอบ แต่ผู้ร้องได้มาดำเนินการร้องต่อศาลฯว่า ได้เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ “กกต.” ในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง ปี2566 แล้ว
แต่ปัจจุบันยังมีการปรากฏนโยบายและเนื้อหาที่มีทำนองเดียวกับการแก้ไขมาตรา112 บนหน้าเว็บไซต์พรรคก้าวไกล ถือได้ว่ามีพฤติการณ์ที่แสดงออกเพื่อต้องการลดทอนอำนาจพระมหากษัตริย์ลง โดยอาศัยอำนาจผ่านสภาฯ และรูปแบบพรรคอย่างต่อเนื่อง อาจทำให้ประชาชนหลงไปตามความคิดเห็นได้
อีกทั้งยังเป็นการนำสถาบันลงมาเพื่อหวังผลในการเลือกตั้ง ทำให้สถาบันเข้าไปเป็นฝักฝ่ายในการรณรงค์ทางการเมือง อันไม่อยู่ในระบอบประชาธิปไตยฯ มีเจตนาเซาะกร่อนพระมหากษัตริย์ให้อ่อนแอลง นอกจากนี้ยังได้รณรงค์ปลุกเร้ากับกลุ่มการเมืองต่างๆ และพบว่าเกี่ยวกับข้องกับ...
กลุ่มยืนหยุดขัง!!!
นอกจากนี้ยังพบว่ามีสมาชิกพรรคก้าวไกลทั้งอดีต และปัจจุบันเคยจัดชุมนุมยกเลิก “ม.112” มีพฤติการณ์เป็นนายประกัน และมี สส.ในพรรคมีคดีม.112อีกหลายคน รวมถึงกรณีที่นายพิธา ไปติดสติ๊กเกอร์ยกเลิกม.112 พร้อมปราศรัยว่าจะเสนอแก้ไขในสภาฯก่อน หากยังไม่มีการแก้ไข จะสู้ไปด้วยกันกับน้องๆ แสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่จะยกเลิกม.112
ในช่วงท้าย ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ระบุด้วยว่า “คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญย่อมมีผู้ที่เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แต่ขอให้ตระหนักว่า การวิจารณ์คำวินิจฉัยที่กระทำโดยไม่สุจริต และใช้ถ้อยคำหรือมีความหมายหยาบคาย เสียดสี หรืออาฆาตมาดร้าย จะมีความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 38 วรรคท้าย ซึ่งจะมีโทษทั้งตักเตือน จำคุก หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท”
เรียกได้ว่าคำวินิจฉัยของศาลฯ...
ปอกเปลือก...
ให้เห็นถึง “พฤติกรรม-พฤติการณ์” ที่ผ่านมาทั้งหมดของ “ก้าวไกล” และบรรดาสาวกจาก “3นิ้ว” สู่ “ด้อมส้ม” ที่เชื่อมโยงเป็นเนื้อเดียวกันได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะในระหว่างห้วงกลางปี2563-ปัจจุบัน มิหนำซ้ำ ศาลฯท่านยังระบุทิ้งท้ายเป็นการดักคอบรรดา “สายฮาร์ดคอร์” ที่ “หัวร้อน-ไม่พอใจ” กับผลตัดสินครั้งนี้ว่า “ไม่ผิด” ที่จะเห็นต่างได้ แต่ “อย่าละเมิดอำนาจศาลฯ” ด้วยหยาบคาย อาฆาตมาดร้าย พร้อมแจกแจงคุณ-โทษตามตัวบทกฎหมายเสร็จสรรพ
ขั้นตอนต่อไปจากนี้ ขอให้ “จับตา” ไปที่ “กกต.” ในฐานะผู้จัดการเลือกตั้ง ที่ถือเป็น “ไฟต์บังคับ” ที่จะต้องหยิบคำร้องของผู้ร้องฯ (อดีตทนายความอดีตพระพุทธะอิสระ) ขึ้นมาพิจารณาตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2566 เพื่อส่งศาลฯวินิจฉัย...
ยุบพรรคก้าวไกล!!!
เพราะหากกกต.ยังนิ่งเฉยก็อาจจะเจอพิษ “ม.157 ละเว้นปฏิบัติหน้าที่” ได้
ถ้ามองกันตามจริงตรงนี้ก็ถือเป็น “เครื่องหมายคำถาม” ว่าในช่วงที่ก้าวไกลรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งโดยชูแก้มาตรา112 เหตุใด กกต. ถึงยังนิ่งเฉยปล่อยให้เดินหน้ามาจนวันนี้ โดยไม่ยอมทักท้วง ทั้งที่อดีตทนายธีรยุทธ ก็เคยมาร้องต่อ กกต.แล้ว แต่ยังไม่เห็นผลเป็นรูปธรรม จึงต้องมาร้องต่อศาลฯ ส่วนจะมีผู้มาร้องเรียนต่อจากนี้เพิ่มเติมหรือไม่ ในแง่ของกฎหมายก็ถือว่าได้เปิดทางไว้สำหรับบรรดา “นักร้อง” แล้ว ก็ต้องมาว่ากันอีกเป็นกรณีๆไป แว่วๆมาว่า “นักร้องเรืองไกร” ถือมีดยุบพรรครอไว้แล้ว
อีกหนึ่งฟากสำคัญที่ต้องจับตาคือ “คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ” หรือ ป.ป.ช. เนื่องด้วยผลคำวินิจฉัยของศาลฯมีผลผูกพันทุกองค์กร นั่นทำให้ ป.ป.ช.ต้องหยิบมาพิจารณาในซีกของ “จริยธรรมร้ายแรง” ของนักการเมือง ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 219 เพื่อส่งไปยัง “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง” วินิจฉัย ซึ่งมีโทษถึงตัดสิทธิทางการเมือง “ตลอดชีวิต”
งานนี้บรรดา สส. ที่หนุนหลัง-อยู่เบื้องหลัง ม็อบ3นิ้วมาโดยตลอด คงจะร้อนๆหนาวๆไปตามๆกัน และคงจะต้องว่ากันไปเป็นกรณีๆ โดยเฉพาะ “กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล” ถือว่ามีความเสี่ยงสูงมาก เรียกได้ว่า...
เข้าทางปืน!!!
บรรดานักร้องตามซ้ำต่อดาบ2ดาบ3
ถ้าถามกันตรงๆว่าพรรคก้าวไกลจะโดนยุบพรรคหรือไม่ ก็คงจะต้องตอบตรงๆว่า มีความเสี่ยงในระดับสูงถึงสูงมากที่สุดที่จะ “ไม่รอด” จากการถูกยุบพรรค เพราะบรรดานักร้องคงไม่ปล่อยให้รอดตัวไปง่ายๆ อีกทั้งคำวินิจฉัยของศาลฯที่ออกมา บ่งบอกได้หมดแทบทุกอย่างของทุกการกระทำที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ของพรรคก้าวไกล อีกทั้งอย่างที่บอกไป คำวินิจฉัยศาลฯ มีผลผูกพันทุกองค์กร ดังนั้น “กกต. - ป.ป.ช.” หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะวินิจฉัยในเรื่องนี้
ก็คงต้องติดตามกันต่อแบบเข้มๆ
แต่ถ้าถามในอีกมุมว่า ถ้าตีก้าวไกลแบบนี้...
ยิ่งตีจะยิ่งโต!!!
ขึ้นอีกหรือไม่นั้น ก็คงจะต้องขอฝากคำถามตัวโตๆนี้ไปยังประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกคน ว่ามีแนวคิดอย่างไรต่อกรณี “ก้าวไกลล้มล้างการปกครอง” โดยเฉพาะเมื่อเข้าไปอยู่ใน “คูหาเลือกตั้ง” ครั้งต่อไปในอนาคต อีกทั้งกลยุทธ์การเมืองแบบ “ช้อนซื้อตัว” ของบรรดา “พรรคการเมืองเขี้ยวลากดิน” ทั้งหลาย ในกรณีที่พรรคก้าวไกลถูกยุบ
หรือจะมี “ผู้นำทางจิตวิญญาณคนใหม่” กลับมากอบกู้สร้างมุ้งใหม่ขึ้นมาหรือไม่ น่าติดตามอย่างยิ่ง เพราะถ้ามองดูนโยบายเรือธงก้าวไกล เห็นได้ชัดว่ามุ่งแก้แต่ม.112 ในเมื่อถูกสกัดลามไปยังอนาคต สำหรับใครที่คิดตั้งพรรคใหม่แล้วจะมาชูแก้ม.112 จะไม่สามารถทำได้อีกแล้ว
ถามว่าจะใช้นโยบายใดเป็นเรือธง ก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่น่าหาคำถาม จะเปลี่ยนฟากมาชูเรือธงนโยบาย “รื้อ-ล้างระบบทหาร” ระบบอุปถัมภ์ ระบบรัฐราชการ ระบบกระบวนการยุติธรรม ก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ หากทำถูกจุด-ถูกต้อง ก็น่าจะสร้างแรงกระเพื่อมให้ “คัมแบ็ค” กลับมาได้
แต่ลืมไปได้เลยหากคิดจะกลับมา “แก้ ม.112”!!!
#ทีมข่าวการเมืองแนวหน้า
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี