สสส.สนับสนุนโรงเรียน 42 แห่ง และชุมชน 20 แห่งใน 5 จังหวัด ขับเคลื่อนระบบอาหารตลอดห่วงโซ่ในโรงเรียนและชุมชน เน้นย้ำกระบวนการตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำและปลายน้ำ ส่งเสริมการเข้าถึงอาหารเพื่อสุขภาวะของเด็ก เยาวชน และคนในพื้นที่
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) ร่วมกับ สมาคมการค้าธุรกิจอาหาร จัดเวทีสรุปผลการดำเนินงาน ถอดบทเรียนการดำเนินโครงการขับเคลื่อนระบบอาหารตลอดห่วงโซ่ในโรงเรียนและชุมชน พร้อมทั้งมอบเกียรติบัตรให้กับตัวแทนโรงเรียนและชุมชนต้นแบบ
ดร.ณัจยา แก้วนุ้ย
ดร.ณัจยา แก้วนุ้ย ผู้จัดการโครงการขับเคลื่อนระบบอาหารตลอดห่วงโซ่อาหารในโรงเรียนและชุมชน กล่าวว่า การขับเคลื่อนโครงการฯ มีพื้นที่ดำเนินงานใน 5 จังหวัด ได้แก่ สงขลา ปทุมธานี สุพรรณบุรี เพชรบุรีและพัทลุง เพื่อส่งเสริมความรอบรู้ ด้านอาหารเพื่อสุขภาวะ(Food Literacy) ภายใต้ระบบอาหารที่ยั่งยืน พัฒนาต้นแบบระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ ส่งเสริมการเข้าถึงอาหารเพื่อสุขภาวะของประชาชนในชุมชน พัฒนาและขับเคลื่อนข้อเสนอนโยบายสาธารณะด้านระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในโรงเรียนและชุมชน พัฒนาฐานข้อมูลและแผนภาพเพื่อใช้ขับเคลื่อนและบูรณาการทำงานในกลุ่มเป้าหมาย
ทั้งนี้ เพื่อสร้างความมั่นคงทางอาหารในโรงเรียนและชุมชน เด็ก นักเรียน คนในชุมชนได้รับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพและปลอดภัย ส่งเสริมตลาดสีเขียวหรือตลาดแบ่งปัน ส่งเสริมสนับสนุนให้มีทักษะในการเพาะปลูกพืชผักปลอดภัยเข้าสู่ครัวอาหารกลางวัน ส่งเสริมการเพิ่มสัดส่วนการบริโภคอาหารสมดุลภายใต้ระบบอาหารที่ยั่งยืน
“ผลจากการดำเนินงานได้เกิดพื้นที่สำเร็จเป็นรูปธรรมต้นแบบการขับเคลื่อนระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่จำนวน 62 แห่ง แยกเป็นโรงเรียนจำนวน 42 แห่ง และชุมชนจำนวน 20 แห่ง ซึ่งพื้นที่ต้นแบบทั้งหมดจะเป็นฟันเฟืองที่สำคัญในการขับเคลื่อนขยายพื้นที่ในจังหวัดนั้น ให้โรงเรียนหรือชุมชนที่สนใจได้มาศึกษาแนวทางการดำเนินงาน ท้ายสุดแล้วประเทศไทยก็จะมีความยั่งยืนในเรื่องระบบห่วงโซ่อาหาร” ดร.ณัจยา กล่าว
เพชรบุรี เป็นหนึ่งใน 5 จังหวัดที่เป็นต้นแบบการขับเคลื่อนระบบอาหารเพื่อสุขภาวะตลอดห่วงโซ่ในโรงเรียนและชุมชน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากนโยบายจากส่วนจังหวัดที่ได้มุ่งเน้นการส่งเสริมและสนับสนุนแนวทางการทำเกษตรปลอดภัยมาอย่างต่อเนื่อง
นายภัคพัส ส่งวัฒนายุทธ
นายภัคพัส ส่งวัฒนายุทธ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี กล่าวว่า โครงการขับเคลื่อนระบบอาหารตลอดห่วงโซ่ในโรงเรียนและชุมชน ถือเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อเด็ก เยาวชน และคนในชุมชน ในเรื่องของระบบอาหารในพื้นที่ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ คือมีพัฒนาผลผลิตให้มีคุณภาพ ไม่ใช้สารเคมี มีกระบวนการเก็บเกี่ยว บรรจุภัณฑ์ การแปรรูปที่เหมาะสมปลอดภัย เพื่อให้เด็ก เยาวชน และคนในชุมชนได้รับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพและปลอดภัย
นอกจากนี้ยังช่วยส่งเสริมให้เกิดตลาดสีเขียว หรือตลาดแบ่งปันในพื้นที่ เกิดการตื่นตัวในการส่งเสริมให้เด็กเยาวชน และคนในชุมชน หันมาปลูกผักเพื่อการบริโภค และจำหน่าย ลดรายจ่ายในครัวเรือน
ทั้งนี้ จ.เพชรบุรี ได้มีการส่งเสริมให้ชาวบ้านและชุมชนผลิตพืชผักอาหารที่ปลอดภัยมาโดยต่อเนื่องอย่างแล้ว โครงการขับเคลื่อนระบบอาหารฯ จึงเข้ามาช่วยส่งเสริมให้แนวคิดการผลิตพืชผักปลอดภัยในพื้นที่ จ.เพชรบุรี เข้มแข็งมากยิ่งขึ้น
ดร.สง่า ดามาพงษ์
ด้าน ดร.สง่า ดามาพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิ สสส. และผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการ ได้ให้ความเห็นถึงแนวทางกระบวนการส่งเสริมอาหารสุขภาวะ ว่า การทำให้อาหารมีความปลอดภัยอย่างมั่นคง ยั่งยืน มีคุณค่าโภชนาการที่เพียงพอ จะต้องทำให้ครบทั้งห่วงโซ่ คือ ต้นน้ำ การมาซึ่งอาหารที่เพาะปลูก กลางน้ำ คือการนำอาหารมาแปรรูป และปลายน้ำ คือผู้บริโภค
หากเกษตรกรหรือต้นน้ำไม่มีความรู้ทางการเกษตร ผลิตอาหารที่ไม่ปลอดภัย คุณค่าโภชนาการก็น้อย แต่ถ้าเกษตรกรมีการผลิตที่ถูกต้องผลผลิตที่ดีก็จะถึงมือผู้บริโภค กลางน้ำ ถ้าแปรรูป นำมาประกอบอาหารไม่ดี อาหารนั้นก็จะกลายเป็นสารพิษทันที เกิดการปรุง หวาน มันเค็ม ส่งต่อการเกิดโรค NCDs และท้ายสุดปลายน้ำ สิ่งที่เราเน้นย้ำมาโดยตลอด คือการให้ความสำคัญการบริโภคเพื่อสุขภาวะ การให้ความรู้ด้านการบริโภคจึงเป็นสิ่งสำคัญ มีความมั่นคง มีค่าโภชนาการ มีความเพียงพอ ต้องทำให้ครบทั้งห่วงโซ่ คือ ต้นน้ำ การมาซึ่งอาหารที่เพาะปลูก เอาอาหารมาแปรรูป พร้อมที่จะกินหรือ ผู้บริโภค
ดร.สง่า ยังกล่าวถึงเหตุผลที่ สสส. มุ่งเป้าหมายที่เด็ก ว่า เด็กคือวัยกำลังเจริญเติบโต ต้องได้รับอาหารที่ดีมีประโยชน์และปลอดภัย เพื่อให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ การปลูกฝังให้เด็กมีทักษะการเกษตร ทั้งการกิน การปลูกจะเกิดทักษะติดตัวไปเมื่อเขาเติบโต การเกษตรในโรงเรียนก็เป็นเรื่องสำคัญ เพราะประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ถ้าคนไทยไม่มีความรู้ด้านเกษตรคือหายนะ นั่นคือเหตุผลของการปลูกฝังให้มีอาหารที่มีประโยชน์บนโต๊ะ
“การขับเคลื่อนระบบอาหารให้เกิดความยั่งยืนได้นั้น ต้องเริ่มจากการมีส่วนร่วมของคนในชุมชน ให้ทุกคนรู้สึกว่ามีความเป็นเจ้าของร่วมกัน ไม่ใช่ของคนใดคนหนึ่ง หรือ
แค่ใครได้ผลประโยชน์ นำทุนเดิมในชุมชนมาใช้ให้มากที่สุดทั้งทรัพยากรธรรมชาติและบุคคล เมื่อทุกคนให้เห็นประโยชน์ว่าลูกหลานเขาได้อะไรจากโครงการนี้เขาก็จะทำต่อไปอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน แน่นอนว่าการขับเคลื่อนโครงการฯ จะไม่สำเร็จผลหากขาดแม่งานในแต่ละพื้นที่ที่ต้องใช้สรรพกำลังในการลงมือทำ เพื่อให้น้องๆ และคนในชุมชน ได้มีสุขภาวะดี” ดร.สง่า กล่าว
นางสุธาสินี ดังแก้วสี ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนบ้านนากัน อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา กล่าวว่า อย่างแรกที่เราคือ เข้าไปดูอาหารกลางวัน ว่าแต่ละเมนูมีกระบวนการได้มาอย่างไร จากนั้นเอาคนในชุมชนมาร่วมพูดคุย ว่า อาหารกลางวันที่เด็กๆ ได้รับในแต่ละวันท่านพอใจกันหรือยัง ถ้าเราจะทำให้ดีกว่านี้จะสนับสนุนหรือไม่ เมื่อทุกคนเห็นชอบ เราจึงดึงเครือข่ายทุกภาคส่วนมาร่วมกันทำงานมีการส่งเสริมการปลูกผักในโรงเรียน ขณะที่วัตถุดิบอื่นก็นำมาจากชุมชนที่ต้องเป็นอาหารที่ปลอดภัย ปัจจุบันพืชผักที่ใช้ในอาหารกลางวันจะใช้จากที่ปลูกภายในโรงเรียนทั้งหมด
สิ่งที่ทำให้ประสบผลสำเร็จคือ คนในชุมชนมีความเป็นเจ้าของร่วมกันในโครงการ และทุกปีชมรมศิษย์เก่าจะช่วยกันระดมทุนเพื่อสนับสนุนกิจกรรมของโรงเรียนเสมอมา
ขณะที่โรงเรียนบ้านม่วง อ.สะเดา นำโครงการเข้าสู่หลักสูตร เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องยั่งยืน ไม่ว่าจะมีการเปลี่ยนผู้บริหารอย่างไร แต่วัตถุประสงค์นี้ยังอยู่ไม่ได้หายไปด้วย
นางวิภารัตน์ เอี่ยววัฒนา ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านม่วง กล่าวว่า ที่ผ่านมาหลายๆ โครงการที่ดี ต้องล้มหายไป เพราะเมื่อมีการเปลี่ยนผู้บริหาร นโยบายก็เปลี่ยนไป
ทำให้ไม่มีความต่อเนื่อง แต่สำหรับโครงการนี้ เราตั้งเป้าให้เกิดความต่อเนื่องและยั่งยืน ด้วยการนำเข้าบรรจุในหลักสูตรการเรียน และแผนบริบททั้งหมดของโรงเรียน เราไม่บังคับครูทำแต่ทุกคนสมัครใจร่วมกันทำ สร้างความตระหนักดึงคนในชุมชนเข้าร่วม เช่นเดียวกับภาคีเครือข่ายต่างๆ ที่เข้ามาสนับสนุน เช่น รพ.สต. อบต. สำนักงานเกษตรจังหวัด เป็นต้น หรือการเข้าร่วมกับโครงการต่างๆ ที่สอดคล้องกัน เช่น โครงการเด็กใต้ไม่กินหวาน บ้านม่วงอ่อนหวาน อาหารปลอดภัย ส่ง
ผลให้ภาวะทุพโภชนาการลดลงต่อเนื่อง เด็กๆ มีสุขภาวะที่ดีย่อมส่งผลการเรียนที่ดี ดังเห็นได้จาก ค่า ONET เพิ่มขึ้น 3 ปีต่อเนื่อง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี