น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) เป็นประธานเปิดห้องปฏิบัติการ MUT – Imperial Semiconductor AI & BioSensor Electronics Research Laboratory (SABER Lab) และร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร (MUT) และ Imperial (Imperail College London) ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทยในการยกระดับขีดความสามารถด้านเทคโนโลยีขั้นสูง ต่อยอดงานวิจัยด้านเซมิคอนดักเตอร์ ปัญญาประดิษฐ์ และไบโอเซนเซอร์ พร้อมขับเคลื่อนประเทศสู่การเป็นศูนย์กลางนวัตกรรมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีผู้บริหารระดับสูงจากกระทรวง อว.เข้าร่วม อาทิ ศ.ดร.ศุภชัย ปทุมนากุล ปลัดกระทรวง อว. ดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผอ.สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ(วช.) ดร.พันธุ์เพิ่มศักดิ์ อารุณี ผู้ช่วยปลัดกระทรวง อว. ศ.ดร.สุรินทร์ คำฝอย รอง ผสอวช. พร้อมด้วย รศ.ดร.ภานวีย์ โภไคยอุดม อธิการบดีและคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร โดยมี Provost of Imperial College, Prof. Ian Walmsley Prof. Pantelis Georgiou, Director of Research & SABER Lab Prof. Nigel Brandon, Dean of the Faculty of Engineering และ Prof. Tim Green, Head of Department of Electrical and Electronic Engineering ให้การต้อนรับ
น.ส.ศุภมาส เปิดเผยว่า กระทรวง อว. มุ่งมั่นที่จะเตรียมความพร้อมและพัฒนากำลังคนเพื่อรองรับอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ซึ่งเป็นไปตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล กระทรวง อว.มีแผนงานที่ครอบคลุมทุกระดับ ตั้งแต่บุคลากรในภาคอุตสาหกรรม นักวิจัย ไปจนถึงการผลิตบัณฑิตระดับปริญญาตรี โท และเอก โดยในอีก 5 ปีข้างหน้า กระทรวง อว. ตั้งเป้าผลิตกำลังคนด้านเซมิคอนดักเตอร์และอิเล็กทรอนิกส์ขั้นสูง 80,000 คน, ด้านยานยนต์ไฟฟ้า (EV) 150,000 คน และด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) 50,000 คน พร้อมทั้งสนับสนุนโครงการพัฒนากำลังคนทั้งในระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว เพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเหล่านี้
“การเปิด SABER Lab ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการวิจัยด้าน AI, เซมิคอนดักเตอร์ และไบโอเซนเซอร์อิเล็กทรอนิกส์ ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทย ห้องปฏิบัติการอันทันสมัยแห่งนี้เกิดขึ้นจากความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานครและ Imperial ซึ่งสะท้อนถึงวิสัยทัศน์ร่วมกันในการสร้างสรรค์อนาคตแห่งนวัตกรรม และที่สำคัญคือการบ่มเพาะคนรุ่นใหม่ที่มีทักษะสูงเพื่อเป็นผู้ขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างยั่งยืน ความร่วมมือนี้สอดคล้องกับวาระสำคัญระดับชาติของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการเตรียมความพร้อมกำลังคนสำหรับอนาคต เพื่อสนับสนุนเป้าหมายของเราในด้านเซมิคอนดักเตอร์, ไบโอเซนเซอร์ และ AI ดังที่นายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำว่าการลงทุนในบุคลากรสำหรับภาคส่วนที่มีศักยภาพสูงเหล่านี้มีความจำเป็นอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว เสถียรภาพทางเศรษฐกิจ และการเติบโตอย่างยั่งยืนของประเทศไทย” รมว.อว. กล่าวและว่า
ที่สำคัญ SABER Lab ไม่ได้เป็นเพียงศูนย์วิจัยเท่านั้น แต่ยังเป็นเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาไทยได้ทำงานร่วมกับนักวิจัยชั้นนำระดับโลก ได้เรียนรู้จากประสบการณ์จริง และเข้าถึงโครงสร้างพื้นฐานอันทันสมัย ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยให้ก้าวทันการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีของโลกในศตวรรษที่ 21
“MUT–Imperial SABER Lab เป็นส่วนหนึ่งของการสนับสนุนนโยบายของกระทรวง อว. ในการพัฒนา "ศูนย์พัฒนากำลังคนด้านเซมิคอนดักเตอร์แห่งชาติ" ซึ่งดำเนินการโดย 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าพระนครเหนือ และ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง โดย MUT มีบทบาทสำคัญในการฝึกอบรมเพื่อ Upskill และ Reskill บุคลากร รวมถึงการสร้างเครือข่ายความร่วมมือกับนานาชาติ หนึ่งในความร่วมมือที่สำคัญคือกับ Imperial ซึ่งนำไปสู่การก่อตั้ง SABER Lab แห่งนี้และเพื่อเติมเต็มเป้าหมายการพัฒนากำลังคน ทาง MUT ได้จัดสรรทุนการศึกษาระดับปริญญาเอกจำนวน 5 ทุนต่อปี สำหรับนักศึกษาไทยที่สนใจศึกษาต่อด้านเซมิคอนดักเตอร์ที่ Imperial อย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 5 ปี โดย SABER Lab จะเป็นศูนย์กลางในการสนับสนุนงานวิจัย การพัฒนา และการสร้างเครือข่ายนักวิจัยรุ่นใหม่ของไทยให้ก้าวไกลในระดับสากล” น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมว.อว. กล่าวทิ้งท้าย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี