สะเทือนใจทาสแมว กล้องวงจรปิดวัดท่าพญา จังหวัดตรัง บันทึกภาพขณะสองผัวเมีย ขับรถยนต์กระบะ แอบนำแมวแม่ลูกอ่อน 1 ตัว พร้อมกับลูกอีก 6 ตัวในสภาพผอมเห็นกระดูก ใส่กระสอบมาทิ้งวัด ทำให้ภาระต้องตกอยู่กับทางวัดที่ต้องดูแลหมา-แมวที่มีอยู่แล้วกว่า 40 ตัว พระวอนเลิกได้เลิก หากรักต้องรักแน่แท้อย่ารักแค่สวยงาม ขณะเดียวกันญาติโยมที่แอบนำมาทิ้งออกมาแสดงตัวและรีบมารับกลับคืนไปแล้ว หลังจากทางวัดโพสต์คลิปลงเฟสบุ๊ก 

วันนี้ (29 เม.ย.67) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กล้องวงจรปิดภายในวัดท่าพญา หมู่ 4 ต.ท่าพญา อ.ปะเหลียน จ.ตรัง บันทึกภาพช่วงเวลาประมาณ 18.25 น.วันที่ 26 เม.ย.ที่ผ่านมา ได้มีรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีขาว สี่ประตู มาจอดบนถนนด้านข้างวัด และเป็นหลังกุฏิของพระสงฆ์ โดยมีผู้ชายเป็นคนขับ ขณะเดียวกันคนนั่งข้างคนขับ ซึ่งเป็นผู้หญิง คาดว่าทั้งคู่เป็นสองสามีภรรยา โดยผู้หญิงที่นั่งข้างได้เปิดประตูรถ มองซ้ายขวา ก่อนจะเดินลงมาจากรถ และนำกระสอบสีขาวซึ่งด้านในบรรจุเป็นแมวทั้งหมด 7 ตัว มาเททิ้งไว้บนพื้นดินภายในวัด หลังกุฏิพระสงฆ์ ก่อนจะนำกระสอบขึ้นรถและขับออกไปด้านหลังวัดในทันที

เรื่องราวดังกล่าวผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามพระชาตรี กตกิจโจ หรือหลวงเบี้ยว พระลูกวัดวัดท่าพญา เล่าให้ฟังว่า พระที่วัดมีอยู่ 6 รูป สามเณรอีก 6 รูป วันนั้นได้มีญาติโยมแอบนำแมวมาทิ้ง เป็นแม่แมว สีขาว จำนวน 1 ตัว และลูกแมว สีดำ อีก 6 ตัว รวมทั้งหมด 7 ตัว คาดว่าลูกน่าจะเพิ่งคลอดได้เพียงแค่ไม่กี่วัน โชคดีมากที่สุนัขตัวใหญ่ไม่มากัดลูกแมว ซึ่งจุดที่มาทิ้งเป็นด้านหลังกุฏิของอาตมาเอง หลังจากนำมาทิ้งก็ได้ยินเสียงลูกแมวและแม่แมวร้อง จึงเดินตามเสียงไป 

ปรากฏว่าเมื่อแมวทั้งหมดเห็นอาตมาก็รีบวิ่งเข้ามาหา และวิ่งตามมาในทันที ซึ่งก็เป็นปกติของสัตว์ทุกตัวที่หิวเมื่อเจอคนก็จะเข้ามาหาคน เมื่อเห็นถึงก็คิดเลยว่าน่าจะมีญาติโยมนำมาทิ้งอีกแล้ว เราในคราบของการเป็นพระก็ไม่สามารถที่จะนำไปทิ้งหรือโยนภาระต่อให้ใครได้ ก็ได้นำมาให้ข้าว อาหารและน้ำที่หน้ากุฏิ โดยแมวทั้งหมดมีสภาพที่ผอมมากจนเห็นกระดูกโครง

ยอมรับว่าต้องเลี้ยงตามมีตามเกิด ทางวัดไม่ได้มีความพร้อมที่จะเลี้ยงมากขนาดนั้น รวมสุนัขและแมวที่มีญาติโยมแอบนำมาทิ้งภายในวัดมีประมาณ 30-40 ตัว ซึ่งจะอยู่กระจัดกระจายทั่ววัด ซึ่งเมื่อนำมาทิ้งแล้วทางพระก็ต้องหาเลี้ยง ส่วนใหญ่จะเป็นพระที่ซื้ออาหารและจัดหาข้าวให้กิน เพราะการบิณฑบาตก็จะไม่ค่อยจะคล่องตัวกับสภาวะปัจจุบันเช่นนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะให้กินอาหารเม็ด เฉลี่ยตกเดือนละ 1-2 กระสอบใหญ่

อยากจะฝากบอกถึงญาติโยมที่นำสัตว์เลี้ยงมาทิ้ง หากเลิกได้ก็ควรเลิก เพราะวัดก็ไม่ค่อยจะคล่องตัว เห็นใจพระ เห็นใจเจ้าอาวาสกันบ้าง ถ้าต่างคนต่างนำมาทิ้งทางวัดก็ลำบาก โยมอ่ะรักสัตว์ โยมก็ต้องรักให้แน่แท้ แน่จริง ไม่ใช่ว่ารักแค่เห็นว่าสวยงาม แล้วนำมาเลี้ยง แต่เมื่อกลายเป็นภาระก็ไม่อยากเลี้ยง และอีกช่วงหนึ่งที่มีญาติโยมแอบนำมาทิ้งเยอะ คือช่วงที่มีงานบำเพ็ญกุศลศพภายในวัด สุนัขและแมวจะเพิ่มขึ้นเป็นประจำ เพราะคนมาร่วมงานศพเยอะ ญาติโยมบางรายก็จะอาศัยจังหวะนี้นำมาทิ้ง โดยที่พระไม่เห็นและจะปะปนกลมกลืนไปกับคนที่มาร่วมงานศพ อีกทั้งสุนัขและแมวก็ไม่ได้ฉีดยา ไม่ได้ควบคุมการกำเนิด จะให้พระดำเนินการก็ยาก จนที่ผ่านมาก็เคยไปกัดญาติโยมมาแล้ว ก็ถือเป็นการโยนภาระมาให้พระ

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากทางวัดได้เปิดเผยภาพจากกล้องวงจรปิด และมีการโพสต์เผยแพร่ลงเฟสบุ๊กของทางวัด ทางบุคคลที่ปรากฏอยู่ในภาพกล้องวงจรปิดได้ออกมาคอมเมนต์แสดงตัว ข้อความเช่น “ให้หมาแมว ได้พลอยกินข้าววัดยังได้บุญกว่าพระบางรูปที่ไม่เคร่งครัด” , “แมวผมเอง ผมพร้อมไปเอากลับ ถ้าแมวเบียดเบียนศาสนาจนบาปมาถึงผม” , “ขอบคุณครับที่สอนให้รู้ว่าบาป” รวมทั้งยังได้ไปตอบคอมเมนต์ในลักษณะด่าทอ กับผู้คนที่เข้ามาแสดงความคิดเห็น ทำให้ทางวัดต้องชี้แจงว่า “ทางวัดไม่ได้ติดขัดเรื่องเลี้ยงหมาเลี้ยงแมว ซึ่งในเดือนนี้ 3 รอบแล้ว 2 รอบก่อนพระไม่เห็น หมากัดตายทั้งแม่และลูก รอบนี้เจอน้องผอมเหลือแต่กระดูก ทำให้ล่าสุดภายหลังจากนั้นในช่วงบ่ายวันนี้ (29 เม.ย.) ทางผู้ที่แอบนำแมวทั้ง 7 ตัวมาปล่อย ได้เข้ามารับแมวทั้งหมดกลับคืนไปแล้ว

อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติม จากข้อมูลของกระทรวงยุติธรรม ที่เคยมีการเปิดเผยว่า การนำสัตว์เลี้ยงมาปล่อยทิ้งไว้ที่วัด เข้าข่ายผิดกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 มาตรา 23 ที่กำหนดห้ามมิให้เจ้าของสัตว์ปล่อย ละทิ้ง หรือกระทำการใดๆ ให้สัตว์พ้นจากการดูแลของตนโดยไม่มีเหตุอันสมควร หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 40,000 บาท ตามาตรา 32 แห่งพระราชบัญญัติดังกล่าว - 003