ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าธุรกิจการทำซาลาเปาแฟนซีแฮนด์เมด จะเติบโตถึงร้อยละ 50 ในปีที่ผ่านมา โดยขายเฉพาะในประเทศรายได้เกือบครึ่งล้านต่อเดือน ซึ่งนอกจากรูปลักษณ์จะสวยงาม แปลกตาแล้ว ยังมีการใช้ข้าวเบายอดม่วง ซึ่งเป็นข้าวพื้นเมืองของจ.ตรังมาทำแป้งและไส้ซาลาเปา ได้รับเครื่องหมาย GAP เครื่องหมายฮาลาล  และเครื่องหมาย Q จากกรมวิชาการเกษตรด้วย 

ที่บริษัทวาฤวรรณรัตน์ จำกัด เจ้าของแบรนด์ "เบญจเปา" เลขที่ 26/9 หมู่ที่ 6 ต.ควนปริง อ.เมือง จ.ตรัง ซึ่งมีนางจารุวรรณ สถิตยางกูร อายุ 78 ปีและนางสาวสุวรา สถิตยางกูร อายุ 49 ปี ลูกสาวคนโตพร้อมด้วยครอบครัว ได้ช่วยกันคิดค้นสูตรการทำซาลาเปาแฟนซีขึ้นเป็นเจ้าแรกใน จ.ตรัง โดยมีทั้งหมดเกือบ 40 ไส้ ส่งขายให้กับลูกค้าจากทั่วทุกภาคของประเทศ โดยมองว่าซาลาเปาเป็นขนมที่กินได้ทุกเพศทุกวัย ทุกเวลา และเป็นอาหารที่หลายคนชื่นชอบมาก 

ทางร้านจึงผลิตครบทั้งซาลาเปาเจ ซาลาเปาฮาลาล ซาลาเปาทอด และซาลาเปาเนื้อสัตว์ เช่น ไส้ไก่ ไส้หมู ไส้ไก่ไข่เค็ม ไส้กุ้ง และอื่นๆ ราคาขายส่งลูกละ 8 บาท ขายปลีกลูกละ 12 บาท ทำขายมากว่า 15 ปีแล้ว จนสามารถสร้างแบรนด์ของตัวเองได้ และยังต่อยอดด้วยการนำข้าวเบายอดม่วง ซึ่งเป็นข้าวพันธุ์พื้นเมืองของ จ.ตรัง มาทำแป้งซาลาเปาและไส้ซาลาเปา เพื่อตอบโจทย์คนที่แพ้แป้งสาลี ทำจนได้แป้งที่ฟูนุ่ม หอม มัน เนื้อละเอียดและหวานกำลังดี ขายราคาลูกละ 15 บาท 

โดยมีการกวนไส้เองทุกไส้ ไม่ว่าจะเป็นไส้เผือกลูกบัว ไส้งาดำ ไส้สังขยาใบเตย ไส้สังขยามันม่วง ไส้ชาเขียว ไส้ถั่วแดง ไส้ครีมมะพร้าวอ่อน ไส้ชาโคลงาดำ ไส้หมูแดง ไส้หมูสับไข่เค็ม และอื่น ๆ เน้นสีสันที่โดดเด่นน่ารับประทาน และเป็นงานแฮนด์เมด ที่พนักงานจะต้องปั้นไส้ จับจีบซาลาเปาเป็นรูปสัตว์หรือดอกไม้ต่าง ๆ ให้เหมือนจริง และยังทำซาลาเปาเป็นรูปดอกกุหลาบ รูปกระทง รูปดอกไม้ ฟักทองและอื่น ๆ ตามเทศกาล โดยมีราคาขายแค่ลูกละ 10 บาท แถมยังปลอดภัยจากการใช้สารเคมี และใช้สีจากธรรมชาติ จนทำให้ได้รับเครื่องหมาย GAP, เครื่องหมาย Q , มาตรฐานฮาลาล และเครื่องหมายรับรองต่าง ๆ 

ทำให้ยอดขายเพิ่มขึ้นทุกปี ซึ่งปี 2566 มียอดขายซาลาเปาแฟนซีเพิ่มขึ้นถึง 50 % นอกจากจะอร่อย เป็นที่ถูกปากของลูกค้าที่ชอบหวานน้อยแล้ว ยังเป็นราคาที่จับต้องได้ สามารถเลือกรูปแบบของซาลาเปาได้ว่าจะเอาสีโทนไหน รูปอะไร โดยให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ไม่ซ้ำซากจำเจ ทำให้เด็ก ๆ ชื่นชอบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะซาลาเปารูปมังคุด ฟักทอง รูปหมู กระทงทอง ถุงทองและส้ม ซึ่งสามารถเก็บไว้ในช่องฟีตได้นานนับเดือน แต่หากอยู่ในช่องธรรมดาจะเก็บไว้ได้ 2-3 วัน เนื่องจากไม่ใช้สารกันบูด กันเสียและสารเคมีต่าง ๆ แต่อย่างใรน

โดยทางร้านได้ทำซาลาเปาแฟนซี 2 สีในลูกเดียวกัน เพื่อสร้างสีสันความสวยงาม ซึ่งส่งขายออนไลน์ทั่วไทย สร้างรายได้เดือนละ 450,000-500,000 บาท และมีแผนจะส่งออกไปขายยังต่างประเทศในต้นปีหน้าด้วย 

น.ส.สุวรา สถิตยางกูร เจ้าของสูตรซาลาเปาแฟนซีเจ้าแรกใน จ.ตรัง กล่าวว่า ได้ทำซาลาเปานึ่งแช่แข็งและซาลาเปาทอดแช่แข็ง ซึ่งจุดเด่นคือมีหลากหลายไส้ เช่น ซาลาเปานึ่งมีเกือบ 20 ไส้ ซาลาเปาทอดเกือบ 20 ไส้ ซึ่งแต่ละตัวจะตอบโจทย์ทุกเทศกาล ไม่ว่าจะเป็นตรุษจีน กินเจ วาเลนไทม์ โดยมีหลากหลายแบบรองรับทุกเทศกาลที่กล่าวมา โดยมีทั้งไส้คาวและไส้หวาน รองรับลูกค้าทั้งชาวไทยพุทธ อิสลาม เพราะมีห้องแยกการผลิต ซึ่งเป็นเจ้าแรกที่มีซาลาเปาแฟนซีเป็นรูปมังคุด ฟักทอง ส้ม เรือทอง หมั่นโถวดอกกุหลาบ หมั่นโถว 5 สี ถุงทอง ฮ่องเต้ไข่เค็ม 

ส่วนผลิตภัณฑ์ใหม่คือการเอาแป้งข้าวเบายอดม่วงมาทำซาลาเปา ซึ่งจะเป็นไส้สังขยามันม่วง สามารถตอบโจทย์ลูกค้าที่แพ้แป้งสาลี ซึ่งเอาแป้งข้าวเบายอดม่วงที่เป็นสินค้าพื้นเมืองของจ.ตรัง มาทำเป็นซาลาเปาซึ่งยังไม่มีใครทำ ของเราเป็นที่แรก ซึ่งเอาแป้งข้าวเบายอดม่วงมาทำเป็นแป้งและไส้ กลายเป็นไส้สังขยามันม่วง ลูกค้าที่ไม่กินแป้งสาลีก็สามารถกินซาลาเปาของเราได้

รสชาติกลมกล่อม ไม่หวานจนเกินไป ราคาขายแพ็ค 6 ลูกตกลูกละ 8 บาท ขายปลีกลูก 12 บาท ซาลาเปาแฟนซีขายส่งลูกละ 10 บาทขายปลีกลูกละ 15 บาท ผลตอบรับดีมากเพราะมีสินค้าหลากหลายให้กับผู้บริโภค ทำให้ไม่จำเจ เพราะมีแบบไม่ซ้ำกัน จึงไม่เบื่อที่จะมาบริโภคของเรา ซึ่งตลาดโตขึ้นประมาณ 50% จากแรก ๆ ทำซาลาเปาพื้นฐานต่อมาจึงฉีกแนวขึ้นเป็นรูปแบบต่าง ๆ เพื่อให้หลากหลายมากขึ้น  ทำให้มีช้อยให้ลูกค้าได้เลือกมากขึ้น เลยสามารถขยายตลาดได้เพิ่มขึ้น

ส่วนลูกค้ามีทั้งในและต่างจังหวัด จำนวนการผลิตอยู่ที่วันละประมาณ 4,000-5,000 ลูก สร้างรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ประมาณ 400,000-500,000 บาท โดยมีช่องทางติดต่อทางเพจ คือ เบญจเปา และหมายเลขโทรศัพท์ 081-8940561