ถึงแม้ว่า พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ออกมาชี้แจงกรณีไฟไหม้"ศาลาตรีมุข" ที่บริเวณ สามเหลี่ยมมรกต ใกล้ช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี  โดยอ้างถึงข้อมูลเบื้องต้นของกองกำลังสุรนารี ได้รับรายงานจากทหารกัมพูชาเมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า สาเหตุเกิดจากไฟไหม้บ้านเรือนประชาชนของกัมพูชา และเกิดการลุกลามไปยัง"ศาลาตรีมุข"ซึ่งอยู่ในขอบเขตที่ทางฝ่ายกัมพูชาเป็นผู้ดูแล จนทำให้ศาลาฯ ถูกไฟไหม้เสียหายหมด

แต่กระนั้นก็ไม่สามารถสยบกระแสข่าวลือ และข้อสงสัยต่างๆนาๆในฝั่งไทยให้ลดน้อยลงไปได้เลย โดยเฉพาะประเด็นที่ว่า ทหารเขมรเป็นคนเผา???

ร้อนถึง พล.ต.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม ต้องออกมาชี้แจงสำทับอีกรอบว่า ล่าสุดทหารไทย โดยกองทัพภาคที่ 2 และทหารกัมพูชา ได้ลงพื้นที่เกิดเหตุ เพื่อสำรวจความเสียหายและหาสาเหตุเพลิงไหม้ พร้อมพูดคุยกันเพื่อกำชับให้แนวชายแดนมีความเรียบร้อย และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุต่างๆ

“ทุกอย่างจบด้วยการเจรจา ไม่ใช่การใช้กำลัง” โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวย้ำ

ขณะที่ ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้รีบออกมาคลี่คลายสถานการณ์เพื่อลดกระแสไม่ให้บานปลาย    เพราะประเด็นไม่ใช่มีแค่เรื่องไฟไหม้ ศาลาตรีมุข อย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังมีปมร้อนการเผยแพร่คลิปที่ว่าทหารกัมพูชามีการตัดรั้วลวดหนามของไทยและธงชาติไทย ซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นคลิปเก่าหรือคลิปใหม่ จึงเตรียมที่จะพูดคุยกันเรื่องนี้ใน ที่ประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ไทย-กัมพูชา ครั้งที่ 17 ในวันศุกร์ 7 มีนาคมนี้

อย่างไรก็ตาม เพจ run for Heroes เคยเล่าถึงที่ไปที่มาของ ศาลาตรีมุข...สัญลักษณ์แห่งมิตรภาพ 3 ประเทศ แห่งนี้เอาไว้ว่า ศาลาตรีมุข พื้นที่ช่องบก ต.โดมประดิษฐ์ อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี จัดสร้างขึ้นเมื่อปี 2536 สมัย พล.ท.อิสระพงศ์ หนุนภักดี เป็นแม่ทัพภาคที่ 2 บริเวณจุดกึ่งกลางของสามเหลี่ยมมรกตรอยต่อ 3 ประเทศไทย-ลาว-กัมพูชา โดยใช้กำลังทหารทั้ง 3 ประเทศมาช่วยกันสร้าง หันหน้าจั่วของศาลาทั้ง 3 ด้านไปยัง 3 ประเทศ

แต่ละด้านมีสัญญลักษณ์ของแต่ละชาติติดตั้งอยู่ โดยจั่วด้านไทยเป็นรูปพระพุทธรูป จั่วด้านลาวเป็นรูปดอกเซียงเมี่ยงหรือดอกลั่นทม จั่วด้านกัมพูชาเป็นรูปแกะสลักของขอมโบราณ ภายในศาลาประดิษฐานพระพุทธรูป 3 องค์จากแต่ละประเทศไว้ให้ประชาชนทั้ง 3 ประเทศกราบไหว้สักการะบูชา

เนื่องจากศาลาตรีมุขตั้งอยู่กลางป่าลึก ปัจจุบันจึงมีสภาพทรุดโทรมเพราะไม่ได้ซ่อมแซมบูรณะเป็นเวลานาน แต่ก็ยังเป็นสถานที่สำคัญที่ทหารทั้ง 3 ประเทศใช้เป็นที่พบปะพัฒนาสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนบ้านอยู่เสมอ

พื้นที่สามเหลี่ยมมรกตแห่งนี้เคยมีแนวคิดที่จะพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญร่วมกัน 3 ประเทศ สร้างสนามกอล์ฟที่ทั้ง 18 หลุมอยู่ในดินแดน 3 ประเทศ เปิดจุดผ่านแดนให้สามารถทำการค้าร่วมกัน 3 ประเทศ รวมถึงพัฒนาให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชื่อมโยงอีสานใต้-เขมรเหนือ-ลาวใต้ ที่มีธรรมชาติสวยงามเพื่อสร้างเศรษฐกิจการค้าชายแดน

แม้แนวคิดนี้ยังไม่เกิดแต่ก็ยังไม่หายไป วันที่ 12 ม.ค.63 เรามา Run for Heroes เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามแห่งมิตรภาพกันน่ะครับ

#ขอบคุณข้อมูลจาก run for Heroes