ผู้ที่ไม่เคยฝึกสติ เมื่อเผชิญกับสิ่งที่ไม่พอใจ ความรู้สึกหงุดหงิดหรือโกรธจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง
ในชีวิตประจำวัน เราต่างต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ท้าทาย อุปสรรคที่ไม่คาดฝัน หรือความขัดแย้งกับผู้คนรอบข้าง ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นเชื้อเพลิงที่สามารถจุดประกายอารมณ์ด้านลบ เช่น ความหงุดหงิดและความโกรธ ให้ลุกโชนขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม มีความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่างคนที่สามารถจัดการกับอารมณ์เหล่านี้ได้อย่างมีวุฒิภาวะ กับผู้ที่ปล่อยให้อารมณ์เหล่านี้ครอบงำจนแสดงออกมาอย่างรุนแรงและขาดการควบคุม บ่อยครั้งที่เราพบว่า ผู้ที่มีแนวโน้มที่จะหงุดหงิดและโกรธง่าย มักเป็นผู้ที่ไม่เคยฝึกฝน "สติ" อย่างจริงจัง
"สติ" ในบริบทนี้ ไม่ได้หมายถึงการนั่งสมาธิในท่าเดิมเป็นเวลานานเท่านั้น แต่เป็นภาวะของการรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันขณะ ทั้งความคิด ความรู้สึก ร่างกาย และสิ่งแวดล้อมรอบตัว โดยไม่ตัดสิน ไม่ปรุงแต่ง และไม่เข้าไปแทรกแซง เพียงแค่สังเกตและเฝ้ามองอย่างเป็นกลาง การฝึกสติอย่างสม่ำเสมอ เปรียบเสมือนการสร้าง "พื้นที่ว่าง" ภายในจิตใจ ทำให้เราสามารถถอยออกมาหนึ่งก้าว มองดูอารมณ์ที่เกิดขึ้นราวกับเป็นผู้สังเกตการณ์ แทนที่จะถูกอารมณ์นั้นฉุดกระชากให้แสดงพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์
สำหรับผู้ที่ไม่เคยฝึกสติ เมื่อเผชิญกับสิ่งที่ไม่พอใจ ความรู้สึกหงุดหงิดหรือโกรธจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและรุนแรง พวกเขาอาจไม่ทันได้ตระหนักถึงสัญญาณเริ่มต้นของอารมณ์ หรืออาจไม่รู้วิธีที่จะจัดการกับความรู้สึกเหล่านั้นอย่างเหมาะสม ผลที่ตามมาคือ การแสดงออกทางอารมณ์ที่ขาดการยับยั้ง เช่น การพูดจาด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียว การแสดงท่าทางไม่พอใจ หรือในบางครั้งอาจนำไปสู่การทะเลาะวิวาทและการใช้ความรุนแรง
เหตุผลที่คนไม่เคยฝึกสติมีแนวโน้มที่จะควบคุมอารมณ์ได้ยากนั้น มีหลายประการ
ประการแรกคือ ขาดความตระหนักรู้ในตนเอง พวกเขาอาจไม่ทันสังเกตว่าร่างกายกำลังตึงเครียด หัวใจเต้นเร็วขึ้น หรือความคิดกำลังวนเวียนอยู่กับเรื่องที่ทำให้ไม่พอใจ เมื่อไม่รู้ตัวถึงสัญญาณเหล่านี้ อารมณ์จึงสะสมจนถึงจุดที่ยากจะควบคุม
ประการที่สองคือ ขาดทักษะในการจัดการกับอารมณ์ การฝึกสติช่วยให้เราเรียนรู้ที่จะยอมรับและอยู่กับอารมณ์ด้านลบโดยไม่พยายามผลักไสหรือกดข่ม ซึ่งมักจะไม่ได้ผลในระยะยาว ตรงกันข้าม การสังเกตอารมณ์อย่างใจเย็นจะช่วยให้เราเข้าใจธรรมชาติของมัน และปล่อยวางได้ง่ายขึ้น ผู้ที่ไม่เคยฝึกสติจึงมักจะจมอยู่กับอารมณ์นั้นนานกว่า และแสดงออกมาโดยอัตโนมัติ
ประการที่สามคือ ความเคยชินในการตอบสนองแบบเดิมๆ เมื่อไม่เคยฝึกการรับรู้และยับยั้งชั่งใจ เรามักจะตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ด้วยรูปแบบพฤติกรรมที่เราคุ้นเคย ซึ่งอาจเป็นการหงุดหงิด โวยวาย หรือแสดงความโกรธ การฝึกสติช่วยให้เราสร้าง "ทางเลือก" ในการตอบสนอง ทำให้เราสามารถเลือกที่จะหยุด คิด และแสดงออกอย่างมีเหตุผลมากขึ้น
การเริ่มต้นฝึกสติไม่ได้ยากอย่างที่คิด อาจเริ่มจากการสังเกตลมหายใจเข้าออก เพียงแค่กำหนดความสนใจไปที่ลมหายใจ โดยไม่ต้องพยายามควบคุม หรืออาจเป็นการฝึกการรับรู้ขณะทำกิจกรรมต่างๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การเดิน การกิน หรือการล้างจาน เมื่อความคิดฟุ้งซ่านหรืออารมณ์เกิดขึ้น เพียงแค่รับรู้และปล่อยให้มันเป็นไปโดยไม่เข้าไปยึดติด
การฝึกสติอย่างต่อเนื่อง แม้จะเป็นเวลาเพียงไม่กี่นาทีต่อวัน ก็สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ให้กับชีวิตของเราได้ มันช่วยให้เรามีความสงบภายในมากขึ้น เข้าใจอารมณ์ของตนเองได้ดีขึ้น และสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างมีสติและวุฒิภาวะมากขึ้น ลดโอกาสในการแสดงอารมณ์หงุดหงิดและโกรธง่าย ซึ่งนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีขึ้น สุขภาพจิตที่ดีขึ้น และชีวิตที่มีความสุขสงบมากขึ้นในที่สุด - 001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี