วันอาทิตย์ ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ข่าว Like สาระ
สกู๊ปพิเศษ : สสส.สานพลังภาคีเครือข่าย รณรงค์ต้านยาเสพติด

สกู๊ปพิเศษ : สสส.สานพลังภาคีเครือข่าย รณรงค์ต้านยาเสพติด

วันอาทิตย์ ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2568, 02.00 น.
Tag : ต่อต้านยาเสพติด สกู๊ปพิเศษ สสส.
  •  

ไม่จำเป็นต้องนับเราผ่าน “วันต่อต้านยาเสพติดโลก” มาแล้วกี่ปี เพราะทุกวันนี้ “ยาเสพติด” ยังเป็นปัญหาคุกคามประเทศไทยอย่างหนัก ซึ่งล่าสุด มูลนิธิศูนย์วิชาการสารเสพติด มูลนิธิเด็กเยาวชนและครอบครัว มูลนิธิอาสาสมัครเพื่อสังคม เครือข่ายองค์กรงดเหล้า มูลนิธิหญิงชายก้าวไกล ร่วมกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จัดเสวนา “บทเรียนชุมชน-คนชนะใจ สู้ภัยยาเสพติด” เนื่องในวันต่อต้านยาเสพติดโลก ซึ่งตรงกับวันที่ 26 มิถุนายน ของทุกปี

ดร.นพ.ไพโรจน์ เสาน่วม รองผู้จัดการกองทุน สสส. ได้เปิดเผยสถิติว่า จากงานวิจัยประมาณการจำนวนประชากรผู้ใช้สารเสพติดของไทย ปี 2568 โดยศูนย์วิทยาการสารเสพติด คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล พบคนไทยใช้กระท่อม 1.9 ล้านคน ใช้สารเสพติด 1.6 ล้านคน ใช้กัญชา 1.5 ล้านคน ใช้ยาบ้า 1.5 ล้านคน มีผู้ที่ควรเข้ารับการบำบัด 330,000 คน และมีปัญหาสุขภาพจิต 220,000 คน


ที่น่าห่วงข้อมูลในปี 2567 พบมีผู้ใช้สารผสม 21,000 คน เป็นกลุ่มใหม่ที่มีความเสี่ยงสูงที่ต้องได้รับการบำบัดรักษาเฉพาะเจาะจง เพราะมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับภาวะแทรกซ้อนทางสุขภาพที่รุนแรง และยากต่อการจัดการผลกระทบจากสารเสพติดหลายชนิดที่ทำปฏิกิริยาต่อกัน

“สสส. ขอสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของคนตัวเล็กๆ ที่พยายามเปลี่ยนแปลงตัวเอง เพื่อคนอื่นและสังคมให้ปลอดภัยจากปัญหายาเสพติด การลุกขึ้นสู้ของชุมชน โดยมีองค์กรภาคีเครือข่ายเป็นกลไกเชื่อมประสานให้คนที่เคยก้าวพลาดผิดให้ลุกขึ้นมาสื่อสารกับสังคมไทย ส่งต่อพลังและแบ่งปันบทเรียนชีวิตสร้างความเข้าใจ กระตุ้นสังคมให้ร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด ไม่ให้เกิดผู้เสพรายใหม่ เพื่อนำไปสู่ครอบครัวและสังคมที่ปลอดภัย และสร้างพื้นที่แห่งโอกาสที่ยอมรับ” รองผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าว

สอดคล้องกับ นายวัชรพงศ์ พุ่มชื่น มูลนิธิศูนย์วิชาการสารเสพติด ที่ระบุว่า วันนี้ไทยเราเผชิญกับสถานการณ์วิกฤตสารเสพติดและพืชเสพติด ทั้งใบกระท่อม และกัญชา จึงมีข้อเสนอที่เร่งด่วน ขอให้รัฐสภา และรัฐบาล พิจารณา ร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ที่เสนอโดยเครือข่ายภาคประชาสังคม เครือข่ายเยาวชน นักวิชาการและประชาชน ร่วมลงชื่อ 20,283 รายชื่อ เพื่อให้กัญชา กัญชง ใช้เฉพาะประโยชน์ทางการแพทย์ ยุติภาวะเสรีกัญชา ฟื้นภาพลักษณ์ที่ดีของไทย และปกป้องเด็ก เยาวชน กลุ่มเปราะบางให้มีอนาคตและสุขภาพที่ดี

ส่วนการแก้ไขในระยะยาวคือ 1.ให้ความสำคัญการป้องกัน เฝ้าระวัง และสร้างนิเวศที่ดี เพื่อป้องกันผู้เสพรายใหม่ โดยชุมชนสามารถสร้างสรรค์การทำงานตามบริบทและต้นทุนที่มี 2.ขอให้หน่วยงานภาครัฐ และรัฐบาล สนับสนุนการทำงานของประชาชน ชุมชนในทุกมิติ ช่วยเสริมพลังประชาชน ชุมชนท้องถิ่น ที่มีใจอาสาทำงานเพื่อสังคม เพื่อกระจายทุน ทรัพยากร องค์ความรู้ และอำนาจ ส่งเสริมให้มีส่วนร่วมช่วยป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติด

ฟังข้อมูลจากนักวิชาการแล้ว อีกด้านหนึ่งคือคนในพื้นที่ ที่เคยเข้าสู่วงจรของยาเสพติดที่มาบอกเล่าประสบการณ์ในเวทีเดียวกันนี้อย่าง นายไสว อยู่หลาย แกนนำเครือข่ายต.หนองโสน อ.เมือง จ.เพชรบุรี เล่าว่า ตนอยู่ในวงจรยาเสพติด กว่า 10 ปี ผันชีวิตมาเป็นแกนนำเฝ้าระวังและปกป้องเด็ก เยาวชนจากยาเสพติดในพื้นที่ โดยร่วมกับนายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองโสน กำนันตำบล ผู้ใหญ่บ้าน และหน่วยงานสุขภาพ รพ.สต.หนองโสน อสม. และได้รับการสนับสนุนจาก สสส. ร่วมกันสร้างชุมชนให้ปลอดภัยจากยาเสพติด ในตำบลมีคนพร้อมปรับเปลี่ยนตัวเอง 52 คน เฉพาะในหมู่บ้านมี 20 คน ที่เปิดใจเดินเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูโดยสมัครใจ ซึ่งผลการทำงานดีทำให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) เขต 5 ราชบุรี จะนำบทเรียนไปขยายผลสู่พื้นที่อื่น

ขณะที่ นายเอ (นามสมมุติ) เยาวชนจากศูนย์ฝึกและอบรมเด็กและเยาวชน (ชาย) บ้านกาญจนาภิเษก เล่าว่า ตนอยู่กับครอบครัว ที่พ่อติดหนี้การพนัน ต้องเอาบ้านไปจำนองมาใช้หนี้ และต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดเพื่อหาเงินมาใช้หนี้ ส่วนพี่ก็ไปอยู่กับญาติ ส่วนตนอยู่กับน้าจนอายุ 13 ปี ก็เริ่มเข้าร้านเกมกับเพื่อนๆ มีรุ่นพี่พาเข้าวงจรส่งยาเสพติด ทำง่าย ได้เงินง่าย แต่ไม่ได้เสพ เพราะเคยเห็นคนเสพยาแล้วคลั่งจึงกลัว ทำได้ 4 ปี ก็ถูกตำรวจจับตอนอายุ 17 ปี เข้าสู่สถานพินิจ และส่งมาอยู่ที่บ้านกาญจนาฯ ซึ่งการอยู่ที่นี่ได้ทำกิจกรรมหลากหลาย มีการอบรม ฝึกให้คิด มีทักษะชีวิต ทำกิจกรรมจิตอาสา ดูหนังวิเคราะห์ข่าว ได้เล่นดนตรี ทำให้รู้ว่า ตัวเองชอบเล่นดนตรีมาก และมีความใฝ่ฝัน อยากเป็นนักดนตรี นักแต่งเพลง จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอีก ขอฝากถึงเพื่อนๆ น้องๆ ว่าอย่าไปเข้าใกล้ยาเสพติดเลย ไม่มีอะไรดีกับชีวิต มีแต่เสียกับเสีย

ด้าน นายอัสรี พิกุลจร เยาวชนนักวิ่งเพื่อสุขภาพและฟื้นฟูตัวเอง จ.ปัตตานี ก็แชร์ประสบการณ์ว่า ตนเริ่มสูบบุหรี่ ลองยาเสพติด 4 x 100 ทดลองกัญชา ตั้งแต่ชั้นม.4 จนเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ติดเพื่อน ขาดเรียนบ่อยจนต้องออกจากมหาวิทยาลัย พอออกมาทำงานเจอเพื่อน ก็เริ่มกลับเข้าสู่วงจรการเสพหนักขึ้นอีก และเริ่มเสพยาบ้า ที่บ้านส่งไปบำบัดที่โรงเรียนปอเนาะ จ.กระบี่ แต่ก็กลับเข้าวงจรเสพเหมือนเดิม สุดท้ายพ่อป่วยและเสียชีวิตจากโรคหัวใจตีบที่น่าจะมีสาเหตุมาจากบุหรี่ ส่วนตนต้องถอนฟันหลายซี่เพราะผลจากยาเสพติด มีปัญหาไตเสื่อม จึงตั้งใจเลิกอย่างจริงจัง ครอบครัวพาออกจากสภาพแวดล้อมเดิมๆ ใช้เวลา 3 เดือน กินอาหารดี ออกกำลังกาย ทำให้การทำงานของไตดีขึ้น สุขภาพดีขึ้น ปัจจุบันเข้าสู่วงการนักวิ่งได้เหรียญรางวัล และได้ก่อตั้งทีมชื่อว่า “มาวิ่งกันปะนาเระ” รวมคนก้าวพ้นปัญหายาเสพติด และรณรงค์ร่วมกับ สสส. ป้องกันไม่ให้คนเป็นเหยื่อยาเสพติด

สุดท้ายมาที่ นายจักรพงษ์ เสือผ่อง ชุมชนวัดสวัสดิ์วารีศรีมาราม เขตดุสิต กรุงเทพฯ บอกผ่านเวทีนี้ว่า ตนอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีการใช้ยาเสพติด จึงได้ลองเสพและค้าไปด้วยตั้งแต่อายุ 16 ปี ตนเคยมีแฟน มีลูกด้วยกัน 1 คน แต่เลิกกันไป ส่วนลูกส่งไปอยู่กับญาติ ต่อมามีแฟนคนที่ 2 และมีลูกด้วยกันอีก มีติดคุกบ้างแต่ไม่เชื่อ แฟนก็เตือน แต่ไม่ฟัง จึงทะเลาะกันบ้าง แต่ที่ตัดสินใจเลิกยาเสพติดเพราะลูกๆ เริ่มโต ไม่อยากให้ลูกอายที่มีพ่อแบบตน และโชคดีที่แฟนไม่ทิ้งไปไหน อดทนประคับประคอง รวมถึงผู้ใหญ่ในชุมชนช่วยเหลือ ให้โอกาสจนสุดท้ายเลิกยาได้ ผันตัวมาเป็นจิตอาสาคอยตักเตือน ให้ความรู้กับคนในชุมชนถึงอันตรายจากสารเสพติด ใครที่ติดยาเสพติดก็ชวนเข้าสู่การบำบัด ทั้งการเสพและขายเป็นวงจรที่อุบาทว์ที่สุด อยากให้กำลังใจคนที่เคยพลาด ต้องสร้างสิ่งยึดเหนี่ยวทางใจจึงจะเลิกได้สำเร็จ

อนึ่ง ล่าสุดสำหรับข้อเรียกร้องเกี่ยวกับพืชเสพติดอย่าง “กัญชา” ปรากฏว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ได้มีการลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่องสมุนไพรควบคุม(กัญชา) พ.ศ.2568 เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน ที่ผ่านมา โดยเป็นการ “ควบคุมช่อดอกกัญชา” ซึ่งเป็นส่วนที่มีสารเมา หรือสารทีเอชซี (THC) ปริมาณสูง ทั้งนี้เพื่อป้องกันไปใช้ในทางที่ผิดวัตถุประสงค์ของการใช้ประโยชน์จากสมุนไพรดังกล่าว

สาระหลักของประกาศดังกล่าวคือผู้ที่จะศึกษาวิจัยส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปสมุนไพรควบคุม เพื่อการค้า จะต้องขออนุญาต ต้องจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มา คือต้องเป็นกัญชาที่ได้จากการปลูกและการเก็บเกี่ยวที่ดี ตรวจสอบได้ ตลอดจนการนำไปใช้ และจำนวนที่เก็บไว้ ณ สถานประกอบการ และรายงานต่ออธิบดีกรมการแพทย์แผนไทยในฐานะนายทะเบียน

“ห้ามจำหน่ายสมุนไพรควบคุมเพื่อการสูบในสถานที่ประกอบการ เว้นแต่การจำหน่ายโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ และหมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีนตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ และผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรมตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพทันตกรรม ที่ใช้ในการรักษาผู้ป่วยของตน” ข้อนี้คือไฮไลท์ เพราะเป็นการปิดช่องการสูบเพื่อสันทนาการได้

นอกจากนี้ ประกาศดังกล่าวยังห้ามขายผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ห้ามโฆษณาสมุนไพรควบคุมทุกช่องทางเพื่อการค้า และห้ามขายในวัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา, หอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก, สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • สกู๊ปพิเศษ : จุดพลังเยาวชนอาเซียน ดึง AI เปิดค่าย ‘AYC 2025’ แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมสู่โลกอนาคตที่ยั่งยืน สกู๊ปพิเศษ : จุดพลังเยาวชนอาเซียน ดึง AI เปิดค่าย ‘AYC 2025’ แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมสู่โลกอนาคตที่ยั่งยืน
  • สกู๊ปพิเศษ : รู้ทันอนาคต! เตรียมเปิด ‘FUTURIUM’ ศูนย์เรียนรู้นวัตกรรมแห่งอนาคต - ทดสอบด้านอาชีพ สกู๊ปพิเศษ : รู้ทันอนาคต! เตรียมเปิด ‘FUTURIUM’ ศูนย์เรียนรู้นวัตกรรมแห่งอนาคต - ทดสอบด้านอาชีพ
  • สกู๊ปพิเศษ : กาง 9 มาตรการ ‘รับมือฝน’ ปี 2568 ‘เฝ้าระวัง-คุมเข้ม’ พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซาก สกู๊ปพิเศษ : กาง 9 มาตรการ ‘รับมือฝน’ ปี 2568 ‘เฝ้าระวัง-คุมเข้ม’ พื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมซ้ำซาก
  • ยกโมเดล‘หาดบางแสน’ปลอดเหล้า-บุหรี่ สู่การสร้างเครือข่ายตะวันออกบอกรักทะเล ยกโมเดล‘หาดบางแสน’ปลอดเหล้า-บุหรี่ สู่การสร้างเครือข่ายตะวันออกบอกรักทะเล
  • สกู๊ปพิเศษ : กินเที่ยวสุดฟิน@ตะวันออก สัมผัสเสน่ห์การกิน ‘ฉะเชิงเทรา – ชลบุรี’ สกู๊ปพิเศษ : กินเที่ยวสุดฟิน@ตะวันออก สัมผัสเสน่ห์การกิน ‘ฉะเชิงเทรา – ชลบุรี’
  • สกู๊ปพิเศษ : ชู‘เทศบาลเมืองมหาสารคาม’ ต้นแบบควบคุมยาสูบยั่งยืน สกู๊ปพิเศษ : ชู‘เทศบาลเมืองมหาสารคาม’ ต้นแบบควบคุมยาสูบยั่งยืน
  •  

Breaking News

ภูมิใจไทยจี้รบ.ใช้สภาฯแก้ปัญหาขัดแย้งไทย-เขมร

เป้าหมายชัดเจน! ปลัด มท.ย้ำการให้สัญชาติตามมติ ครม.

รมต.กัมพูชาลั่น ขอประชาชนเชื่อมั่น'ฮุน มาเนต'แก้ปัญหาชายแดน

‘เพื่อไทย’ไม่ตกใจ! ผลโพล‘นายกฯ’คะแนนร่วง บอก ตจว.เข้าใจคลิปคุยฮุนเซน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved