สถานการณ์ชายแดนบุรีรัมย์ยังคงตึงเครียดต่อเนื่อง ประชาชนจากอำเภอบ้านกรวดและละหานทรายอพยพเข้าศูนย์พักพิงอย่างต่อเนื่อง ขณะที่วัดแห่งหนึ่งในอำเภอบ้านกรวด พระสงฆ์ 5 รูปตัดสินใจปักหลักจำพรรษาพร้อมชาวบ้านบางส่วนที่ยังคงอยู่เป็นกำลังใจให้ พระลูกวัดวอนคู่ขัดแย้งโปรดงดเว้นพื้นที่วัดจากความขัดแย้งเพื่อรักษาหลักธรรมทางพุทธศาสนาและสันติภาพ

วันที่ 26 กรกฎาคม 2568 รายงานข่าวล่าสุดจากจังหวัดบุรีรัมย์ระบุว่า สถานการณ์การอพยพของประชาชนที่อาศัยอยู่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด และอำเภอละหานทราย ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยประชาชนจำนวนมากได้เดินทางมายังศูนย์พักพิงที่จัดเตรียมไว้ในอำเภอนางรอง เพื่อความปลอดภัย

ผู้พักพิงรายหนึ่งจากตำบลหนองแวง อำเภอละหานทราย เล่าว่า ในตอนแรกตนและครอบครัวยังไม่คิดที่จะอพยพ เนื่องจากยังไม่มีการยิงปะทะเข้ามาในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ได้แจ้งเตือนว่าสถานการณ์ไม่แน่นอน จึงตัดสินใจพาครอบครัวเดินทางมายังศูนย์พักพิงในที่สุด

จากการลงพื้นที่สำรวจแนวเขตชายแดนในเขตอำเภอบ้านกรวด พบว่าประชาชนส่วนใหญ่อพยพออกมาเกือบ 100 เปอร์เซ็นต์ เหลือเพียงเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบที่ยังคงออกลาดตระเวนในพื้นที่ แต่ปรากฏว่ามีวัดแห่งหนึ่งในอำเภอบ้านกรวด ที่ยังคงมีพระภิกษุสงฆ์จำนวน 5 รูปจำพรรษาอยู่ พร้อมกับชาวบ้านประมาณ 10 คนที่ตัดสินใจพักพิงภายในวัด เมื่อสอบถามชาวบ้านทราบว่า กลุ่มชาวบ้านเหล่านี้ต้องการเป็นเพื่อนและให้กำลังใจพระภิกษุที่ยังคงปักหลักอยู่ในวัด

พระสมัย ยสปาโล อายุ 68 ปี พระลูกวัดรูปหนึ่ง กล่าวว่า ในช่วงเข้าพรรษานี้ ท่านและพระภิกษุรูปอื่นๆ ทั้ง 5 รูปตัดสินใจที่จะไม่ย้ายไปไหน เนื่องจากเป็นช่วงเวลาสำคัญทางศาสนา ประกอบกับยังไม่มีการยิงปืนเข้ามาตกในบริเวณวัด

พระสมัยยังกล่าวด้วยน้ำเสียงขอร้องว่า "อยากจะฝากไปถึงทุกฝ่าย ขอให้เว้นพื้นที่วัดเอาไว้ด้วย ไม่ต้องยิงมา เพราะพระไม่รู้เรื่องราว อีกทั้งคนไทยกับคนกัมพูชาต่างก็นับถือศาสนาพุทธเหมือนกัน ถ้าเว้นวัดเอาไว้ก็จะถือเป็นบุญกุศลร่วมกัน"