บทวิเคราะห์‘ศึกไทย–กัมพูชา’ ชัยชนะที่ก่อตัวภายนอก แต่ติดหล่มการเมือง-สื่อสารในบ้าน
18 สิงหาคม 2568 เพจเฟซบุ๊ก “ปราชญ์ สามสี” โพสต์บทวิเคราะห์ เรื่อง “บทวิเคราะห์สถานการณ์ไทย–กัมพูชา: ชัยชนะที่ก่อตัวภายนอก แต่ติดหล่มการเมืองและการสื่อสารในบ้าน” ดังนี้...
บทวิเคราะห์สถานการณ์ไทย–กัมพูชา: ชัยชนะที่ก่อตัวภายนอก แต่ติดหล่มการเมืองและการสื่อสารในบ้าน
ความขัดแย้งชายแดนไทย–กัมพูชาที่ปะทุยืดเยื้อพิสูจน์แล้วว่านี่ไม่ใช่แค่เรื่องปืนใหญ่และสนามเพลาะ หากคือสงครามหลายมิติที่ทับซ้อนกัน—ยุทธการทางทหาร เกมการทูต คันเร่งเศรษฐกิจ สงครามข่าวสาร และศีลธรรมบนเวทีโลก ภาพรวมขณะนี้ชี้ชัดว่าไทย “ได้เปรียบภายนอก” แต่ “สะดุดในบ้าน” เพราะช่องว่างการนำทางการเมืองและโครงสร้างการสื่อสารที่ไม่เป็นเอกภาพ
#ภายนอก: แต้มต่อของไทยกำลังก่อตัว
สนามทหาร—ไทยครองจุดยุทธศาสตร์สำคัญกว่าหนึ่งโหล ทำลายคลังอาวุธ ปืนใหญ่ รถถัง และเครื่องยิงจรวดหลายลำกล้องของกัมพูชา มีรายงานการสูญเสียกำลังพลฝ่ายตรงข้ามจำนวนมาก แต้มต่อนี้ต้องรักษาด้วยวินัยทางยุทธวิธีและความระมัดระวังด้านมนุษยธรรม ไม่เปิดช่องให้ถูกย้อนตีความในกรอบสิทธิมนุษยชน
สนามการทูต—ข้อเท็จจริงอยู่ฝั่งไทย “สัจจะมีเพียงหนึ่งเดียว” จึงเป็นอาวุธสำคัญ การเดินเกมควบคู่ทั้งทวิภาคีและพหุภาคี โดยเฉพาะในสหประชาชาติ ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ลดอาการ “สุภาพบุรุษเกินเหตุ” และเร่งเครื่องเชิงรุกให้สอดรับสถานการณ์จริง
สนามเศรษฐกิจ—แรงกดดันตามแนวชายแดนทำให้ไทยเจ็บระยะสั้น แต่ส่งผลลึกกับกัมพูชาที่พึ่งพาการค้ากับไทย–เวียดนาม การไม่เปิดช่องทางส่งผ่านอื่นแทนไทยคือกุญแจ หากยืนระยะได้ เศรษฐกิจจะเป็นดาบเงียบที่กัดกร่อนคู่แข่งอย่างมีประสิทธิภาพ
สงครามข่าวสารและศีลธรรม—ต่างชาติจำนวนมาก “เห็นและเข้าใจ” ว่าไทยยืนอยู่บนข้อเท็จจริง ขณะที่กัมพูชามีภาพลบฝังลึกเรื่องการเพิกเฉยต่อทุ่นระเบิดและอาชญากรรมข้ามชาติ ข่าวท้องถิ่นในหลายประเทศสะท้อนการรับรู้ที่โน้มเอียงเข้าหาไทยด้วยเหตุแห่งศีลธรรม ไม่ใช่เพราะไทยสื่อสารได้ดีกว่า
การเปิดโปงจุดดำมืดของกัมพูชา—การไม่ร่วมมือกำจัดทุ่นระเบิด การปล่อยคอลเซ็นเตอร์สแกมและบ่อนพนัน คือบาดแผลเชิงโครงสร้างที่โลกจับตา การย้ำอย่างต่อเนื่องทำให้ความชอบธรรมของฝั่งโน้นรั่วไหลไม่หยุด
#แต่ในบ้าน: เครื่องนำทางทางการเมืองขัดข้อง
หัวใจของปัญหาอยู่ที่ “รัฐบาลขายความเชื่อมั่น แต่ไม่สร้างระบบรองรับ” ภาระสงครามข้อมูล—ตั้งแต่การตั้ง media pool จนถึงการประสานสื่อระหว่างประเทศ—ถูกโยนไหล่ไปที่กองทัพเป็นหลัก จนกองทัพบกทำงานในสภาพ auto-pilot เสมือน “รัฐบาลเงา” ขับเคลื่อนแทน ขณะที่ฝ่ายการเมืองกลับยืนข้างสนามมากกว่าคุมเกม
ผลคือพลังที่ควรถูกรวมศูนย์กลับแผ่ซ่านเป็นเกลียวคลื่น ข้อเท็จจริงที่เราถือไพ่เหนือกว่าจึงไม่ถูกขยายกำลังไปสู่ผู้ชมโลกอย่างเต็มศักยภาพ ความเงียบเชิงนโยบายและการสื่อสารที่กระจัดกระจายทำให้ประชาชนจำนวนมากไม่ไว้วางใจรัฐบาล มองเห็นแต่ทหารที่ “ทำงานจริง” จนเกิดความรู้สึกว่า “รัฐบาลมีหรือไม่มี ไม่ต่างกัน” — นี่คือรอยร้าวอันตรายในสนามศรัทธา
#ทำไมเรายังแพ้ในเกมการรับรู้บางส่วน ทั้งที่ถือไพ่ข้อเท็จจริง
แม้ไทยได้แรงหนุนจากศีลธรรมและหลักฐาน แต่กัมพูชากลับคล่องตัวกว่าใน “เครื่องจักรสื่อสาร” เพราะโครงสร้างอำนาจรวมศูนย์ ระหว่างผู้นำรัฐบาลกับฝ่ายมั่นคงเป็นเนื้อเดียวกัน จึงเดินเกมได้เร็ว ตรง และเป็นเอกภาพ อีกทั้งรู้จักใช้ ล็อบบี้ยิสต์ต่างชาติ โดยเฉพาะในสหรัฐฯ/ยุโรป ลงทุนเสริม narrative อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ไทย “แทบไม่ถือเครือข่ายล็อบบี้ยิสต์ในมือ” และยังไม่มีศูนย์อธิบายประเทศที่ขับเคลื่อน 24/7
#แสงสว่างจากประชาชนและเครือข่ายสังคม
สิ่งที่น่าสนใจคือ ขณะที่รัฐบาลอ่อนแรง ประชาชนไทยจำนวนมาก รวมถึงชาวต่างประเทศในไทยกลับมีบทบาทสำคัญในการช่วยปิดช่องว่างนี้ อินฟลูเอนเซอร์และประชาชนทั่วไปต่างลุกขึ้นมาสื่อสารแทนรัฐ ถ่ายทอดข้อเท็จจริงในสนามรบและมิติศีลธรรมไปสู่โลกออนไลน์ จนเกิดแรงสะท้อนเชิงบวกในวงกว้าง นี่คือพลังจากสังคมที่ช่วยปิดจุดอ่อนใหญ่ที่สุดของไทยในด้านการสื่อสาร
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะดีที่สุดคือการทำให้การสื่อสารเหล่านี้เดินไปในทิศทางเดียวกัน เพื่อไม่ให้แตกกระจายหรือสะเปะสะปะ ซึ่งอาจจำเป็นต้องอาศัยกองทัพบกเป็นหัวเรือหลักในเวลานี้ในการกำหนดทิศทางและสร้างเอกภาพ เพราะเมื่อกองทัพสื่อสารควบคู่กับพลังภาคประชาชน ความจริงและข้อได้เปรียบทางศีลธรรมของไทยก็จะถูกขยายพลังสู่เวทีโลกได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
#ภาพรวมจุดแข็ง–จุดอ่อน (กล่าวให้ง่าย ตรงไปตรงมา)
จุดแข็ง: ความได้เปรียบทางทหาร, ข้อเท็จจริงและศีลธรรมหนุนหลัง, คันเร่งเศรษฐกิจในมือไทย, สื่อภายในประเทศพร้อมใจ, ช่องโจมตีเชิงศีลธรรมต่อกัมพูชาชัดเจน
จุดอ่อน: การนำทางการเมืองอ่อนแรง, ช่องทางสื่อสารมีน้อยและไม่เป็นเอกภาพ, ขาดเครือข่ายล็อบบี้ยิสต์, ความศรัทธาภายในประเทศสั่นคลอนเพราะรัฐบาลไม่ทำหน้าที่ “วาทยกร”
#บทสรุป: ชัยชนะภายนอกจะยั่งยืน ก็ต่อเมื่อเราชนะในบ้าน
ขณะนี้ไทยกุมไพ่เหนือกว่าในภาคสนาม ข้อเท็จจริง และศีลธรรม แต่จะผนึกชัยให้มั่นคงไม่ได้ หากปล่อยให้การเมืองอ่อนแรงและการสื่อสารไร้เอกภาพต่อไป ทางเดียวคือทำให้รัฐบาลกลับมาทำหน้าที่ “วาทยกร” ที่แท้จริง จัดจังหวะทุกเครื่องดนตรี—ทหาร การทูต เศรษฐกิจ และสื่อ—ให้บรรเลงทำนองเดียวกัน เมื่อวันนั้นมาถึง แต้มต่อภายนอกที่เรามีอยู่แล้ว จะกลายเป็นชัยชนะที่สมบูรณ์ ไม่ใช่เพียงเสียงปรบมือชั่วคราว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี