'หมอสุรัตน์'วิเคราะห์เทคนิค'หมอบี' ทำให้คนเชื่อว่าทายแม่น

'หมอสุรัตน์'วิเคราะห์เทคนิค'หมอบี' ทำให้คนเชื่อว่าทายแม่น

วันพฤหัสบดี ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2568, 17.52 น.

28 สิงหาคม 2568 ผศ. นพ.สุรัตน์ ตันประเวช แพทย์เชี่ยวชาญด้านสมองและระบบประสาท เปิดเผยผ่านเพจเฟซบุ๊ก สาระสมองกับ อจ.หมอสุรัตน์ วิเคราะห์เทคนิคของ หมอบี ทูตสื่อวิญญาณ โดยระบุว่า

ดูหมอบี หลายเทป ทั้งใหม่เก่า ทั้งทายว่าเห็นผี ระลึกชาติ จนถึงสัมภาษณ์คุณหนุ่ม หรือ แก้ตัวกับนักข่าว
เค้ามีเทคนิคของ ที่ใช้คือ “ถามนำ” (leading questions) ก่อน [นอกจากการมีการหาข้อมูลคู่สนทนา] เพื่อทำให้คู่สนทนาหรือผู้ถูกถามเหมือนกับถูกชี้ทางให้ตอบไปตามกรอบที่เขาปูไว้ ตัวอย่างเช่น ถ้าอยากให้คนพูดเรื่อง “แม่บ้าน” ก็อาจถามว่า

• “ที่บ้านมีใครทำกับข้าวให้ใช่ไหมครับ?”
• “ผู้หญิงที่บ้านชอบทำกับข้าวหรือเปล่า?”
จนอีกฝ่ายตอบว่า “ใช่ครับ แม่ทำ” แล้วก็จับประเด็นตรงนั้นมาใช้ต่อ
เออ มัน ฉลาดวุ้ย คนถูกถาม ก็จะแบบ รู้จริงด้วย แม่นวุ้ย
เวลาถูกไล่ถามในคดี ก็ ใช้แบบนี้
พอเอามาใช้ในบริบท คดีหรือการถูกซักถาม เทคนิคนี้จะกลายเป็น การย้อนกลับไปใช้คำถามนำแทนการตอบตรง ๆ
• แทนที่จะตอบแบบเปิดเผย → ใช้ถามนำคืนเพื่อตั้งกรอบ
• เปลี่ยนบทบาทจาก “ผู้ถูกซักถาม” ไปเป็น “ผู้ควบคุมบทสนทนา”
• คนฟังจะเผลอหลุดเข้ามาเล่นในกรอบที่เขาตั้งไว้เอง

เช่น
ถ้าโดนถามว่า
• “คุณรู้เห็นกับเหตุการณ์นี้ไหม?”
แทนที่จะตอบว่า “รู้” หรือ “ไม่รู้” → ใช้ถามนำกลับ เช่น
• “คุณหมายถึงวันที่มีคนนั้นอยู่ด้วยใช่ไหมครับ?”
• “ที่ว่ารู้เห็น หมายถึงเห็นด้วยตาเอง หรือหมายถึงได้ยินจากคนอื่น?”
ตรงนี้ทำให้คู่ถามต้อง “ปรับความหมาย” และอธิบายเพิ่ม → กลายเป็นว่า คนถามต้องตามเกมของเขา

เทคนิคนี้ ฉลาด เพราะปรับเกมส์
• เทคนิค “ถามนำก่อน” คือ ควบคุมทิศทางการสนทนา
• ช่วยลดแรงกดดันเวลาโดนไล่ถามตรง ๆ
• เป็นการ ซื้อเวลา และ เลี่ยงคำตอบที่เสียเปรียบ
• ใช้ได้ทั้งกับการสื่อวิญญาณ (สร้างบรรยากาศให้คู่สนทนา “ตกลงไปในกรอบ”) และการถูกซักถามจริง (กันตัวเองจากการถูกต้อนให้จนมุมเร็วเกินไป)
มันมีวิจัย ว่าคำถามนำแบบนี้ เปลี่ยนความทรงจำไปในทิศทางที่คนถามกลับต้องการได้
leading question ที่เปลี่ยนความทรงจำ (memory distortion) เป็นหนึ่งในหัวข้อที่ดังที่สุดใน cognitive psychology และ forensic psychology
มันมีกลไกว่า ทำไมคำถามนำเปลี่ยนความทรงจำได้ เรียก Misinformation Effect
เพราะคนเรามี “ช่องโหว่” ของความจำ คือ post-event information (ข้อมูลที่ได้รับหลังเหตุการณ์) สามารถ “เขียนทับ” ความทรงจำจริง
ถ้าได้รับคำถามนำหรือข้อมูลเสริมแบบชี้นำ → สมองจะ integrate เข้ากับ memory เดิม จนกลายเป็น “ความทรงจำใหม่”
อีกกลไกนึงเรียก Source Monitoring Error
คือ คนไม่สามารถแยกได้ชัดเจนว่า “ข้อมูลนี้มาจากการเห็นเอง หรือมาจากคำถาม/คำบอกเล่า” → ทำให้เชื่อมั่นว่าคือความจำของตนเอง
หมอดู หมอเดา นักหลอกล่อ ต้มตุ๋น หรือ เทคนิคที่ใช้ของพวก ทนายความ ก็ ใช้อันนี้แหละครับ

[ขอเติมนะ บางคนบอก แม้น แม่น สิ่งลี้ลับ ไม่เคยเจอ ไม่ขอ comment นะ เรา ดู เท่าที่เราสังเกตเห็น จริง ไม่จริง ไม่รู้ ]

- อจ สุรัตน์


โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top