วันจันทร์ ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ แนะผู้ปกครองให้ตั้งสติและดูแลเบื้องต้นอย่างถูกต้องเมื่อบุตรหลานมีอาการชักร่วมกับไข้ โดยเน้นย้ำว่าอาการชักส่วนใหญ่มักจะหยุดได้เองภายใน 3 - 5 นาที สิ่งสำคัญคือการจัดท่าเด็กให้อยู่ในท่านอน และนำสิ่งของรอบข้างออกเพื่อป้องกันการกระแทก โดยมีข้อห้ามสำคัญคือ "ไม่งัด ไม่ง้าง ไม่ถ่าง ไม่กด"
นายแพทย์ธนินทร์ เวชชาภินันท์ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า สาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของอาการชักร่วมกับไข้ในเด็กคือ ภาวะชักจากไข้ ซึ่งโดยทั่วไปไม่ส่งผลต่อพัฒนาการและการเรียนรู้ อย่างไรก็ตาม แพทย์จำเป็นต้องประเมินอย่างรอบคอบเพื่อให้มั่นใจว่าอาการชักและไข้นั้นไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อในสมอง ซึ่งหากได้รับการรักษาล่าช้าอาจส่งผลเสียต่อเด็กได้ นอกจากนี้ ในบางกรณีอาการชักอาจเกิดจากโรคลมชักบางชนิดในเด็ก แต่เป็นกรณีที่พบน้อยมาก โดยทั่วไปเด็กที่มีอาการชักจากไข้ จะกลายเป็นโรคลมชักในอนาคต แต่พบได้น้อย ข้อแตกต่างของโรคลมชัก คือ อาการชักจะเกิดขึ้นได้โดยไม่เกี่ยวข้องกับไข้และมักจะเกิดซ้ำอย่างน้อยหรือมากกว่า 2 ครั้ง ซึ่งถ้าเป็นโรคลมชัก การรักษาจำเป็นต้องกินยากันชักต่อเนื่อง แต่ถ้าเป็นอาการชักจากไข้สูง อาการชักทุกครั้งจะเกี่ยวข้องกับไข้ ซึ่งไม่ต้องกินยากันชักต่อเนื่อง
นายแพทย์อาคม ชัยวีระวัฒนะ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กรมการแพทย์ กล่าวว่า อาการชักที่เกิดจากไข้สูง โอกาสชักซ้ำพบได้ร้อยละ 30 - 50 ขึ้นกับอายุของอาการชักครั้งแรก แต่สิ่งแรกที่ควรทำคือตั้งสติและดูแลเพื่อป้องกันอันตรายจากอาการชักโดยจัดให้อยู่ในท่านอนตะแคงหรือท่าที่ทางเดินหายใจเปิดโล่ง นำสิ่งของรอบข้างออกเพื่อป้องกันอุบัติเหตุจากการชัก และที่สำคัญคือ ห้าม "งัด ง้าง ถ่าง กด" เพราะอาการชักมักจะหยุดได้เอง หากอาการชักไม่หยุดภายใน 3 - 5 นาที ควรโทรขอความช่วยเหลือจากสายด่วน 1669 เพื่อให้เด็กได้รับการดูแลที่เหมาะสมและยาหยุดชักอย่างทันท่วงที
นายแพทย์กุลเสฏฐ ศักดิ์พิชัยสกุล กุมารแพทย์ประสาทวิทยา สถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี กล่าวเพิ่มเติมว่า วิธีการดูแลเวลาเด็กมีไข้ คือ การให้ยาลดไข้พาราเซตามอลทุก 4 - 6 ชั่วโมง อาจจะร่วมกับการเช็ดตัวลดไข้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 24 ชั่วโมงแรกของการมีไข้ เนื่องจากอาการชักจากไข้ส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 80 เกิดขึ้นในวันแรกที่มีไข้ อาการชักระยะเวลาสั้นๆจะไม่มีผลกระทบต่อพัฒนาการทางสมองหรือสติปัญญา ปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลต่อพัฒนาการคือสาเหตุหลักของอาการชัก อย่างไรก็ตามในกรณีที่เด็กมีอาการชักเป็นเวลานาน อาจส่งผลกระทบต่อสมองและพัฒนาการได้ หากเด็กมีอาการซึมลงร่วมกับมีไข้ ควรรีบพาไปพบแพทย์แม้จะยังไม่มีอาการชักก็ตาม
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี