‘กรมการแพทย์’ชู 3 เทคโนโลยีการรักษาฟื้นฟู‘กะโหลกเทียม แขนขาเทียมและตาปลอม’ เพิ่มคุณภาพชีวิต หวังช่วยผู้ป่วยใช้ชีวิตได้ตามปกติ สามารถประกอบอาชีพช่วยเหลือตนเองและครอบครัวได้

นายแพทย์ณัฐพงศ์ วงศ์วิวัฒน์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า กรมการแพทย์เป็นกรมวิชาการของกระทรวงสาธารณสุข มีความพร้อมทั้งองค์ความรู้ เทคโนโลยีขั้นสูงที่ใช้รักษาผู้ป่วย และกำลังคนที่มีความเชี่ยวชาญหลายสาขา มีความมุ่งมั่นพัฒนาการบริหารจัดความเป็นเลิศทางการแพทย์เฉพาะทางระดับตติยภูมิที่ยุ่งยากซับซ้อน ให้ประชาชนทุกกลุ่มเข้าถึงบริการรักษาโรคยุ่งยากซับซ้อนได้อย่างทั่วถึงด้วยมาตรฐานเดียวกัน ในทุกพื้นที่ เพิ่มโอกาสรอดชีวิตและลดความพิการ

เทคโนโลยีและนวัตกรรมที่สำคัญของกรมการแพทย์มีหลากหลาย อาทิ การผ่าตัดกะโหลกเทียมเสมือนจริงด้วยเทคโนโลยีพิมพ์สามมิติ โรงพยาบาลราชวิถี ช่วยย่นระยะเวลาผ่าตัด ลดการเกิดภาวะแทรกซ้อน ไม่ผิดรูปและสวยงาม โดยผู้ป่วยจะรับการตรวจด้วยเครื่องเอกซเรย์คอมพิวเตอร์สามมิติ (3D CT-scan Brain) เพื่อให้ได้ข้อมูลกะโหลกศีรษะผู้ป่วยและใช้โปรแกรม 3D เพื่อประมวลผลและจำลองกะโหลกส่วนที่ขาดหายไปขึ้นมาใหม่ จากนั้นจึงใช้เครื่องพิมพ์ 3D Printer พิมพ์ชิ้นส่วนของกะโหลกออกมาเป็นแม่พิมพ์ที่เสมือนจริง และนำวัสดุที่ใช้สำหรับกะโหลกเทียมมาปั้นบนแม่พิมพ์ เนื่องจากวัสดุที่ออกมาจากเครื่อง 3D Printer เป็นวัสดุที่ยังฝังในตัวคน ทำให้ศีรษะมีความสมมาตร เสมือนจริง โดยสามารถใช้ได้กับผู้ป่วยทุกกองทุน

การผลิตแขนขาเทียม เทคโนโลยีสู่ความเท่าเทียม สถาบันสิรินธรเพื่อการฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์แห่งชาติ โดย3D  PRINTING DESIGN AND LEARNING CENTER ซึ่งล่าสุดเป็นการใช้เทคโนโลยีด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพที่บูรณาการเทคโนโลยีการพิมพ์ 3 มิติเข้ากับงานกายอุปกรณ์ เพื่อผลิตกายอุปกรณ์ แขนขาเทียมที่สามารถปรับเฉพาะบุคคลได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพสูงกว่าวิธีดั้งเดิม ผู้ป่วยสามารถใช้แขน-ขาเทียม ที่ได้รับไปดำเนินชีวิตประจำวัน ประกอบอาชีพและเข้าร่วมกิจกรรมทางสังคมได้เช่นเดียวกับคนปกติ เป็นกำลังสำคัญให้กับครอบครัวและสังคมได้ สามารถใช้ได้กับผู้ป่วยทุกกองทุนเช่นกัน

อีกหนึ่งเทคโนโลยี คือ ตาปลอมเฉพาะบุคคล ศูนย์ตาปลอม โรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) ซึ่งได้ดำเนินการทำตาปลอมเฉพาะบุคคลให้แก่ผู้ป่วยที่สูญเสียการมองเห็น สูญเสียดวงตา เพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ปกติสุข สามารถอยู่ร่วมในสังคมกับผู้อื่นได้อย่างเท่าเทียม ซึ่งดำเนินการผลิตชิ้นงานตาปลอม มาตั้งแต่ ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน  สิ่งที่ต้องคำนึงมากกว่าการรักษาโรคร้ายทางกายคือการรักษาจิตใจคนไข้ให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติสุข ปัจจุบันตาปลอมเฉพาะบุคคล เบิกได้ในสิทธิข้าราชการและสิทธิประกันสังคม โดยสำนักงานประกันสังคมได้พิจารณาอนุมัติให้มีการใช้สิทธิ์ให้เป็นรายปี