สกู๊ปพิเศษ : สืบสานประเพณีไทย ‘ลอยกระทงปี2568’ ทั่วไทยสงบ สุขใจ ปลอดจากปัจจัยเสี่ยง

สกู๊ปพิเศษ : สืบสานประเพณีไทย ‘ลอยกระทงปี2568’ ทั่วไทยสงบ สุขใจ ปลอดจากปัจจัยเสี่ยง

วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568, 06.00 น.

เป็นการสืบสานประเพณีไทย “ลอยกระทงปี 2568” เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้อย่างสวยงาม สงบ แทบจะทุกพื้นที่ของประเทศไทย ดังที่ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับ มูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม เครือข่ายงดเหล้า และภาคีเครือข่ายได้ร่วมกันรณรงค์ให้จัดงานประเพณีที่ปลอดภัยสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย ซึ่งจะเป็นอย่างนั้นได้ สิ่งสำคัญคือต้อง “ปลอดเหล้า บุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้า และยาเสพติด” ทั้งยังได้โหมรณรงค์ก่อนถึงวันลอยกระทงจริงๆ ในแคมเปญ “ลอยกระทงสร้างสุข ปลอดเหล้าปลอดภัย ไร้ควันบุหรี่(ไฟฟ้า) น้อมถวายความอาลัย สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สู่สวรรคาลัย”

มีข้อมูลสำคัญ ซึ่งแนวหน้าได้มีการติดตามจากการแถลงข่าวของทาง สสส. พร้อมด้วยเครือข่ายฯ ในช่วงก่อนหน้านี้ เห็นว่าเหมาะที่จะหยิบมาสื่อสารอีกครั้ง โดยในวันนั้น นายวิเชษฐ์ พิชัยรัตน์ กรรมการกองทุน สสส. และกรรมการบริหารแผนคณะที่ 1 สสส. ได้เปิดเผยว่า สสส. ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม เครือข่ายงดเหล้า กทม. และภาคี รณรงค์งานลอยกระทงต่อเนื่องเป็นปีที่ 18 มีพื้นที่ จัดงานกว่า 100 แห่งทั่วประเทศ ดังนั้น จึงมีการเก็บสำรวจนักท่องเที่ยวเรื่อยมา โดยในงานลอยกระทงปี 2567 ก็ได้สำรวจใน 11 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ สุโขทัย เชียงใหม่ ตาก ร้อยเอ็ด อุดรธานี เลย หนองบัวลำภู กาฬสินธุ์ สกลนคร สมุทรสงคราม กลุ่มตัวอย่าง 3,600 คน พบว่า 86.7% เห็นด้วย กับการจัดงานลอยกระทงแบบปลอดเหล้า และ 56.9% เห็นว่าการดื่มแอลกอฮอล์เป็นเรื่องไม่ปกติ และ 80.6% อยากให้มีการตรวจบังคับใช้กฎหมายควบคุมเหล้าอย่างต่อเนื่อง


นอกจากนี้ ผลการสำรวจมีส่วนร่วมในการจัดงาน (องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หน่วยราชการ และภาคเอกชน) ใน 11 จังหวัดเช่นกันจำนวน 1,100 ชุด พบว่า 80.6% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่า การจัดงานแบบปลอดเหล้าส่งผลดี ทำให้การทะเลาะวิวาทลดลง และ 83.6% ทำให้อุบัติเหตุลดลง 83.6% ขณะที่การสำรวจเด็กเยาวชนที่ร่วมรณรงค์และร่วมกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ ในงานลอยกระทง จำนวน 1,100 ชุดใน 11 จังหวัดเช่นกัน พบว่า 75.5% ของผู้ตอบแบบสอบถามเห็นว่าไม่ควรขายและดื่มเหล้าในงาน และ 74.9% เห็นว่าไม่ควรปล่อยให้ธุรกิจน้ำเมาเข้าไปโฆษณาประชาสัมพันธ์ในพื้นที่ที่มีเด็กเยาวชนอยู่ในงาน

“เจ้าภาพจัดงานลอยกระทงในแต่ละพื้นที่ควรคงมาตรการควบคุมและลดปัจจัยเสี่ยง โดยปีนี้จะขยายประเด็นไปสู่เรื่องบุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อผู้มาร่วมงานและเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่เด็กเยาวชน รวมทั้งยังใช้เป็นโอกาสในการน้อมส่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สู่สวรรคาลัย โดยคงไว้ซึ่งประเพณีวัฒนธรรมที่งดงาม” นายวิเชษฐ์ ระบุ

ด้าน นายวิษณุ ศรีทะวงศ์ ประธานมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคมย้ำว่า งานลอยกระทงปีนี้เชื่อว่าจะเป็นช่วงเวลาที่คนไทยทั่วประเทศจะได้ร่วมกันน้อมถวายความอาลัยแด่ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สู่สวรรคาลัย ในรูปแบบที่เรียบง่ายและเหมาะสม เช่นเดียวกับช่วงปีที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คนไทยแสดงออกถึงความจงรักภักดีและทำความดีเพื่อถวายเป็นพระราชกุศล โดยเสนอแนวทางการจัดงานที่ส่งเสริมการเปลี่ยนแปลงเชิงค่านิยมและยกระดับธรรมเนียมปฏิบัติที่ดีของสังคมไทยไว้ 3 มาตรการ

1.สร้างค่านิยมที่ดี สื่อสารเรื่องคุณค่าความหมายที่แท้จริง แก่นแท้ของงานประเพณีลอยกระทง วิถีชีวิตที่แนบอิงกับธรรมชาติสายน้ำและศาสนธรรม

2. ควบคุมปัจจัยเสี่ยงไม่ให้ส่งผลกระทบต่อคนส่วนใหญ่ อาทิ ไม่ขายการดื่มแอลกอฮอล์ในพื้นที่จัดงาน ไม่ขายและปล่อยโคมลอย ควบคุมท่าน้ำที่ไม่ปลอดภัยป้องกันเหตุคนจมน้ำ ควบคุมประทักษ์ยักษ์ และควบคุมบุหรี่-บุหรี่ไฟฟ้า ป้องกันกลิ่นเหม็นสร้างความรำคาญ

และ 3.สร้างนวัตกรรม หรือสร้างจุดขายใหม่ด้านการท่องเที่ยว ต่อยอดทุนทางประเพณีวัฒนธรรมไปสู่ลูกหลาน อาทิ การประกวดกระทง-โคมไฟประดับให้เด็กเยาวชนเข้ามามีส่วนร่วมให้มากขึ้น มีกิจกรรมการแสดงวัฒนธรรมร่วมสมัย มีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทดลองร่วมสนุก

พระครูสุมณฑ์ธรรมธาดา เจ้าอาวาสวัดคลองกระจง และประธานประชาคมงดเหล้าจังหวัดสุโขทัย เปิดเผยว่า จังหวัดสุโขทัยได้จัดงานลอยกระทงในรูปแบบ “ปลอดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์” มาอย่างต่อเนื่องยาวนาน จนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของคนสุโขทัย โดยก่อนปี 2550 การจัดงานเคยได้รับการสนับสนุนจากธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงชุมชนรอบพื้นที่จัดงานที่มีการจำหน่ายสุราพื้นบ้าน ส่งผลให้นักท่องเที่ยวรู้สึกไม่ปลอดภัยและลดความสนใจในการมาเที่ยว เนื่องจากมีความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ การทะเลาะวิวาท และการคุกคามทางเพศ

ต่อมาด้วยความร่วมมือของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) และมูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม ได้มีการจัดเวทีประชาคมเพื่อทบทวนคุณค่าของประเพณีลอยกระทง และเสนอแนวคิด “งานประเพณีปลอดเหล้า” จนได้รับการสนับสนุนจากภาคส่วนต่างๆ โดยเฉพาะหลังเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นถูกทำร้ายในพื้นที่ ทำให้ผู้ประกอบการสุราและภาคชุมชนเห็นพ้องต้องกันที่จะงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงงานประเพณี จากความร่วมมือดังกล่าว จังหวัดสุโขทัยได้รับรางวัล “Gold Prize” จาก International Festivals & Events Association (IFEA) Asia Chapter ประเทศเกาหลีใต้ ในหมวด “Night Time Economy & Tourism: Cultural Historical Festival” ประจำปี พ.ศ. 2566 ซึ่งสะท้อนถึงความยั่งยืนของการจัดงานและเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมที่สำคัญของประเทศ

สำหรับงานลอยกระทงจังหวัดสุโขทัยในปี พ.ศ. 2568 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 27 ตุลาคม - 5 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา ภายใต้แนวคิดการนำเสนอศิลปวัฒนธรรมไทยอย่างวิจิตร โดยในปีนี้ยังมีการจัดกิจกรรมจุดตะคันทุกวันเวลา 21.21 น. เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระพันปีหลวง

ขณะที่ นายณพล ชยานนท์ภักดี นายกเทศมนตรีเมืองตาก เล่าว่า ย้อนกลับไปเมื่อราวๆ ปี 2550 ธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เคยเข้ามาสนับสนุนการจัดงานลอยกระทงสายของจังหวัดตาก หลังจากยุติการสนับสนุนในจังหวัดสุโขทัย ทำให้ในช่วงนั้นมีลานเบียร์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จำหน่ายอย่างแพร่หลาย ต่อมา เมื่อมีการประกาศใช้ พระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 เทศบาลจึงถือโอกาสเริ่มต้นรณรงค์จัดงานลอยกระทงสายในรูปแบบ “ปลอดเหล้า ปลอดภัย” อย่างจริงจัง เน้นให้คนที่มาร่วมงานได้ทำบุญ ซึ่งเป็นวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวตาก เริ่มจากกิจกรรม “ทอดผ้าป่าน้ำ” เพื่อความเป็นสิริมงคล ควบคู่กับการรักษาศีล 5 และมีสติ เพื่อให้จิตใจสงบระลึกถึงบุญและพระแม่คงคาได้อย่างแท้จริง

“การจัดงานลอยกระทงสายของจังหวัดตากจึงสอดแทรกค่านิยมนี้ไว้ เพื่อให้ประชาชนตระหนักว่าการลอยกระทงคือการทำบุญก่อนแล้วจึงลอยกระทง” นายณพล กล่าว

สำหรับประเพณีลอยกระทงสายปี 2568 เมื่อวันที่ 2 - 5 พฤศจิกายน ภายใต้แนวคิด “1,000 ประทีป 1,000 ดวงใจ ถวายความอาลัยต่อพระพันปีหลวง” ในงานงดจัดคอนเสิร์ตและการแสดงที่เสียงดัง แต่ยังคงมีการเปิดเพลงเบาๆ เพื่อสร้างบรรยากาศแห่งความสงบ และคงไว้ซึ่งความเคารพในพระราชพิธีสำคัญ และที่ขาดไม่ได้คือ “พิธีทอดผ้าป่าน้ำ” ก่อนการลอยกระทง ซึ่งเป็นเอกลักษณ์สำคัญของชาวตาก

นางเสาวคนธ์ ศรีบุญเรือง เครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ กล่าวว่า เครือข่ายชุมชนเมืองรักษ์เชียงใหม่ เกิดจากการรวมตัวของชาวบ้านในเขตเมืองเก่าที่เคยได้รับผลกระทบจากการจัดงานลอยกระทงในอดีต เช่น เสียงดังเกินควร โคมลอยตกใส่บ้าน และความแออัดของนักท่องเที่ยว จึงร่วมกันริเริ่มแนวคิดในการจัดงานลอยกระทงตามแบบประเพณีดั้งเดิมของชาวล้านนาที่เน้นความเรียบง่ายและสงบ โดยการ “จุดผางปะตี๊ด” เพื่อบูชาพระรัตนตรัยและขอขมาพระแม่คงคา

จากแนวคิดนี้ ได้พัฒนามาเป็นกิจกรรม “ต๋ามผางปะตี๊ด ส่องฟ้า ฮักษาเมือง” ซึ่งดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 14 การจัดงานได้รับความร่วมมืออย่างอบอุ่นจากคนในชุมชนและสถาบันการศึกษารอบคูเมืองเชียงใหม่กว่า 18 แห่ง ทั้งยังมีการจัดกิจกรรม “ฟ้อนห่มเมือง” เพื่อเปิดโอกาสให้คนทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็ก เยาวชน ไปจนถึงผู้สูงอายุ ได้ร่วมฟ้อนรำถวายเมืองล้านนา อันเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีและการมีส่วนร่วมของชุมชน

ปัจจุบันเครือข่ายมีช่างฟ้อนมากกว่า 1,000 คน โดยระหว่างการฝึกซ้อมได้สอดแทรกแนวคิดเรื่อง “สุขภาวะ” เช่น การงดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การดูแลสุขภาพ และการเป็นเจ้าบ้านที่ดี ซึ่งส่งผลให้ผู้เข้าร่วมจำนวนมากตั้งใจไม่ดื่มสุราในช่วงงานประเพณี เพื่อสะท้อนภาพลักษณ์ของงานบุญที่งดงามและปลอดภัย

พญ.ดวงพร ปิณจีเสคิกุล ผู้อำนวยการสำนักอนามัย กทม. กล่าวว่า ปีนี้ กทม. เปิดสวนสาธารณะ 33 แห่งถึงเวลาเที่ยงคืน เพื่อให้ประชาชนร่วมสืบสานประเพณีลอยกระทง เน้นเรื่องความปลอดภัยในพื้นที่จัดงาน โดยขอความร่วมมือและเชิญชวนประชาชนร่วมลอยกระทง 1 ครอบครัว 1 กระทงมาด้วยกันลอยด้วยกัน งดใช้กระทงขนมปังเพื่ออนุรักษ์สิ่งแวลดล้อม และห้ามจุด ปล่อยและจำหน่ายโคมลอย บั้งไฟ โคมไฟ โคมควัน ประทัด พลุ

ที่สำคัญคือกทม. ได้ร่วมสนับสนุนนโยบายในการควบคุมปัจจัยเสี่ยงในพื้นที่สาธารณะ ร่วมกับ สสส. มูลนิธิเครือข่ายพลังสังคม และเครือข่ายงดเหล้ามาโดยตลอด โดยให้พื้นที่สาธารณะ
สวนสาธารณะทุกแห่งเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัย “ปลอดแอลกอฮอล์ บุหรี่และบุหรี่ไฟฟ้า” มีการรณรงค์สร้างการรับรู้ให้ผู้ประกอบการ ร้านค้า
ผู้จัดงาน ให้ความร่วมมือเรื่องการดูแลความปลอดภัยของประชาชน และปฏิบัติตามกฎหมายควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และควบคุมผลิตภัณฑ์ยาสูบ งดจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ และห้ามสูบบุหรี่ บุหรี่ไฟฟ้าภายในพื้นที่จัดงาน ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้เกิดค่านิยมที่ดี ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมด้านสุขภาพ และส่งเสริมความปลอดภัยในพื้นที่สาธารณะของประชาชน รวมถึงสืบทอดคุณค่าของประเพณีลอยกระทงให้ดีงามต่อไป

เป็นเสียงสะท้อน และเป็นตัวอย่างของการจัดงานลอยกระทง ได้ตรงกับวัตถุประสงค์ของประเพณีอันทรงคุณค่า

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top