5 ก.ค.61 นพ.อุดม คชินทร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการตั้งกระทรวงใหม่ ที่รวมสำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา (สกอ.) กระทรวงวิทยาศาสตร์ (วท.) และสถาบันวิจัยต่างๆ ว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 4 ก.ค.ผ่านมา ครม.ได้อนุมัติรับหลักการการจัดตั้งกระทรวงใหม่ ตามที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) เสนอ แต่ยังไม่มีข้อยุติ 2 ประเด็น คือ 1.ชื่อกระทรวงใหม่ ซึ่งในตอนแรกตั้งไว้ คือ กระทรวงอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม เพื่อให้ครบคลุมศาสตร์วิชาการทั้งหมด โดยที่ประชุม ครม.แย้งว่า อยากให้ใส่วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เข้าไปในชื่อกระทรวงด้วย และเรื่องหน่วยงานวิจัยบางส่วนที่มีปัญหาไม่อยากเข้าร่วมในกระทรวงใหม่ ซึ่งเรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้ตัดสินใจ แต่ขอให้คณะทำงานไปตกลงกันนอกรอบว่าจะใช้ชื่ออะไร และ 2.ให้ตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาที่ยังตกลงกันไม่ได้ เพื่อหาข้อสรุปแล้วนำมาเสนอ ครม.อีกครั้ง
"ผมคิดว่าชื่อกระทรวงอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม เป็นชื่อที่ครอบคลุมและมีจุดเน้น คือ มีนวัตกรรมที่เป็นหน้าที่หลักของอุดมศึกษา และเรื่องอุดมศึกษาก็ลงตัวแล้วมี พ.ร.บ.การอุดมศึกษา ส่วนเรื่องวิจัยและนวัตกรรม ที่ยังไม่ลงตัว ถกเกียงกัน คือ หน่วยงานที่อยู่ใน วท.และหน่วยงานวิจัยที่อยู่นอก วท.โดยที่ประชุม ครม.มี 2 แนวทาง คือ แนวทางที่ 1.นำ วท.และสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ (วช.) สํานักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) รวมอยู่ภายใต้กระทรวงใหม่ โดยต้องแยกภารกิจ วัตถุประสงค์ให้ชัดเจน ไม่ให้การทำงานซ้ำซ้อนกัน ส่วนแนวทางที่ 2 คือ ให้นำหน่วยงานที่ให้ทุนวิจัย อยู่นอกกระทรวงใหม่ จะได้ไม่มีความทับซ้อนในการทำงาน แต่ถ้าแยกออกมาต่างหาก จะทำให้ไม่มีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน เบื้องต้น จึงให้ สวก.และสภานโยบายวิจัยและนวัตกรรมของประเทศ (สวนช.) ออกมาอยู่นอกกระทรวงใหม่ เพราะ สวนช.ควรจะดูนโยบาบ ยุทธศาสตร์และวิจัยทั้งประเทศ จุดนี้ไม่ได้ครอบคลุม แค่กระทรวงใหม่อย่างเดียว ที่ทำการวิจัย มีทั้ง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่ทำงานวิจัยและผลิตนวัตกรรม ซึ่งเรื่องนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะทั้งสองแนวทางนี้ มีทั้งข้อดีข้อเสียต่างกัน" นพ.อุดม กล่าว
นพ.อุดม กล่าวต่อว่า ส่วนรูปแบบการทำงานกระทรวงใหม่ แบ่งเป็น 2 ส่วนหลัก คือ ส่วนอุดมศึกษา ซึ่งกำกับโดย พ.ร.บ.การอุดมศึกษา และมีคณะกรรมการอุดมศึกษา ที่ดูแลสายงานด้านอุดมศึกษาทั้งหมด ส่วนด้านวิจัยและนวัตกรรม กำกับโดย พ.ร.บ.วิจัยและนวัตกรรม ให้มีคณะกรรมการส่งเสริมวิจัยและนวัตกรรม เข้ามาดูแล ส่วน วท. แม้จะนำมารวมกับกระทรวงใหม่ ก็ยังมีอีก 2 หน่วยงานที่อยู่ในสังกัด คือ กรมวิทยาศาสตร์บริการ เบื้องต้นวางแผนให้เป็นองค์การมหาชนภายใน 3 ปี และสำนักงานปรมณูเพื่อสันติ เบื้องต้นคาดว่าให้ย้ายไปสังกัดกระทรวงพลังงาน และจะมีการตั้งหน่วยงานเพิ่มขึ้นมาอีกหน่วยงานหนึ่ง คือ สำนักงานส่งเสริมการวิจัยนวัตกรรมด้านสังคมศาสตร์และมนุษยศาสตร์ ช่วงแรกวางแผนว่าให้เป็นส่วนราชการไว้ก่อน และภายใน 3 ปี ต้องเป็นองค์การมหาชน เพื่อความคล่องตัวในการทำงาน
"กระทรวงอุดมศึกษา วิจัยและนวัตกรรม ครม.อนุมัติในหลักการแล้ว และภาพรวมก็ค่อนข้างจะลงตัว โดยหลักการคาดว่าไม่เกินกลางเดือน ก.ย.นี้ จะเข้าพิจารณาในสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ได้ หากล่าช้ากว่านี้เกรงว่าไม่ทันเวลา และขอยืนยันในการตั้งกระทรวงใหม่ ว่า ต้องมีความคล่องตัว สนับสนุนส่งเสริมอุดมศึกษา วิจัย นวัตกรรม เพื่อให้ประเทศสร้างนวัตกรรมเองได้ สร้างมูลค่าเพิ่ม ลดการนำเข้า และต้องออกแบบจัดภาระหน้าที่ของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงใหม่ให้มีความเชื่อมโยงกันทุกด้าน การทำงานจะมีพลังและไปในทิศทางเดียวกันเพื่อตอบโจทย์ชาติได้" นพ.อุดม กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี