สอศ.เร่งเชื่อมศูนย์กลางข้อมูลศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวะ และบูรณาการฝึกอบรมทักษะวิชาชีพในเขต EEC กับ กศน.
25 ต.ค.61 ที่โรงแรมโกลเด้น ซิตี้ จ.ระยอง พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานการประชุมสรุปผลการดำเนินงานศูนย์ประสานงานกลางการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา และสรุปแนวทาง การปฏิบัติการบูรณาการ ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) กับ สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ในการฝึกอบรมทักษะอาชีพ ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC)
พล.อ.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า จากนโยบายด้านการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวะ ของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งจัดตั้งศูนย์ประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา ใน 6 ศูนย์ภาค และ 18 ศูนย์กลุ่มจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อรองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ และ10 อุตสาหกรรม โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2561 ได้มีการประกาศจัดตั้งศูนย์ประสานงานกลางการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา ขึ้นเป็นหน่วยงานภายในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ซึ่งตั้งอยู่ ณ บริเวณ ชั้น 1 ของ สอศ. เพื่อเป็นศูนย์กลาง ด้านการบริหารข้อมูล Big Data ทั้งด้านการรวบรวม วิเคราะห์ และสนับสนุนการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาให้เป็นกำลังคนที่มีคุณภาพ และปริมาณที่เพียงพอสอดคล้องกับความต้องการของภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจและบริการ เพื่อสร้างความมั่นใจในการลงทุน การขยายกิจการ รวมถึงในส่วนของนักเรียน นักศึกษา ก็มีข้อมูลความต้องการแรงงาน มีข้อมูลทุน ซึ่งจะลดค่าใช้จ่ายในการเรียนและสมัครงาน รวมไปถึงการพัฒนารูปแบบการเรียนการสอนให้สอดคล้องกับวิทยาการใหม่ๆและจะเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีด้วย
รมช.ศธ.กล่าวต่อว่า งานของศูนย์กลางการประสานงานการผลิตและพัฒนากำลังอาชีวศึกษา มีโครงสร้างประกอบด้วย ฝ่ายข้อมูลกลาง ซึ่งมีการบูรณาการเชื่อมโยงฐานข้อมูล ร่วมกับกระทรวงแรงงาน ทั้งในด้าน Supply และ Demand โดยการจับคู่ข้อมูลผู้ที่จะจบการศึกษาปี 2561 กับข้อมูลของกรมการจัดหางานแบบรายจังหวัด และข้อมูลอาชีพ ที่แรงงานจังหวัดต้องการ มีการสรุปลำดับความต้องการกำลังคน ซึ่ง สอศ.จะนำไปดำเนินการในการจัดการเรียนการสอน และวางแผนการผลิตกำลังคนต่อไป พร้อมทั้งเจรจา จัดทำข้อตกลงความร่วมมือ MOU เพื่อให้นักเรียน นักศึกษา ระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นปีที่ 3 (ปวช.3) และประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ได้รับการฝึกและทดสอบมาตรฐานฝีมือแรงงาน ก่อนจบการศึกษา โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
ทั้งนี้ ฝ่ายส่งเสริมสมรรถนะผู้เรียนเข้าสู่มาตรฐานอาชีพ ซึ่งได้มีการดำเนินการเปิดหลักสูตรใหม่ 12 สาขา ในระดับ ปวช.และหลักสูตร ใหม่ 23 สาขา ในระดับ ปวส.เป็นหลักสูตร S-curve 13 หลักสูตร และการเพิ่มทักษะภาษาอังกฤษให้กับนักเรียน นักศึกษาจำนวน 130,000 คน รวมถึงการจัดลำดับสถานศึกษา พร้อมทั้งแผนพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา และนอกจากนี้ยังมีการบริหารจัดการในเรื่องของการระดมทรัพยากรและความร่วมมือ ทุนการศึกษา เครื่องจักร อุปกรณ์ รวมถึงผู้เชี่ยวชาญ ฝ่ายจัดการศึกษาให้สอดคล้องกับการมีงานทำ โดยมีเป้าหมายในการลงทะเบียนครูพิเศษ จำนวน 500 คน และสนับสนุนการมีงานทำและการมีรายได้ระหว่างเรียนกว่า 778,00 คน รวมไปถึงข้อมูลของการมีงานทำ และการศึกษาต่อ และฝ่ายวิจัยและพัฒนา ในเรื่องของการขับเคลื่อนสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมอาชีวศึกษาเข้าสู่ระบบอุตสาหกรรม และพาณิชยกรรม ซึ่งข้อมูล ณ วันนี้มีมูลค่ากว่า 3 ล้านบาท และมีผลงานสิ่งประดิษฐ์นวัตกรรมที่อยู่ระหว่างการปรับปรุงและจัดส่ง ซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกกว่า 139,000,000 บาท
รมช.ศธ.กล่าวต่อไปว่า ในส่วนขอการบูรณาการแผนปฏิบัติการระหว่าง สอศ. และ กศน. ในการฝึกอบรมทักษะอาชีพในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก มีแนวทางดำเนินการให้สอดคล้องกับการบริหารของ กศน. โดยการร่วมกับ กศน.อำเภอ ซึ่งเป็นหน่วยงานสถานศึกษา โดยจัดกลุ่มเป้าหมายไว้ 2 กลุ่ม คือกลุ่มประชาชนทั่วไปที่เรียน กศน.ระยะสั้น และกลุ่มผู้เรียน กศน. เพื่อเพิ่มวุฒิการศึกษาเป็นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.3) และ มัธยมศึกษาตอนปลาย (ม.6) โดยเพิ่มเติมให้เรียนวิชาชีพและฝึกทักษะอาชีวศึกษา เป็นวิชาเลือกเสรี ซึ่งจะคงตามหลักสูตรของ กศน. เช่นเดิมทั้งในเรื่องหน่วยกิต และการเข้าพบกลุ่มของนักศึกษา ซึ่งคาดว่าจะมีผู้เรียนได้ 10,000 คน ในแต่ละปี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี