ผู้ค้าแผงลอย‘โพธิ์สามต้น’นัดทวงคืนทางเท้าขายของ ย้ำเป็น‘อารยขัดขืน’
18 ธ.ค.61 เฟซบุ๊คแฟนเพจ “หาบเร่แผงลอยกทม ทุกฝ่ายอยู่ร่วมกันได้” ซึ่งเป็นเพจของเครือข่ายแผงลอยไทยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน อันเป็นการรวมตัวกันของผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายจัดระเบียบของกรุงเทพมหานคร (กทม.) และรัฐบาลโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ในลักษณะกวาดล้างด้วยการยกเลิกจุดผ่อนผันที่เคยอนุญาตให้ค้าขายได้ ประกาศว่าในเวลา 11.00 น. จะทำอารยขัดขืนด้วยการกลับมาตั้งแผงค้าอีกครั้ง พร้อมออกแถลงการณ์รายละเอียดดังนี้
“จะอดตาย จึงต้องออกมา..นโยบายการจัดระเบียบสังคมของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช) กำหนดนโยบายจัดระเบียบทางเท้า โดยมุ่งเน้นการขับไล่ผู้ค้าออกจากทางเท้าและยกเลิกจุดผ่อนผัน ตั้งแต่ปี 2559 เป็นต้นมาได้ยกเลิกจุดผ่อนผันทั่วกรุงเทพมหานครไปแล้ว 451 จุด ทำให้ผู้ค้ากว่าสองแสนคนและผู้บริโภคที่มีรายได้น้อย อีกกว่าล้านคนได้รับผลกระทบอย่างมาก”
“จุดผ่อนผันที่ถูกยกเลิกนี้รวมถึง จุดผ่อนผันบนทางเท้าขนาด 4.6 เมตร บริเวณตลาดโพธิ์สามต้น (บริเวณถนนอิสรภาพ ซอยอิสรภาพ 23/2 – 29/2) โดยเขตบางกอกใหญ่ ซึ่งเป็นเขตชานเมือง และแผงลอยไม่เคยสร้างปัญหาเรื่องการจราจร ได้มีคำสั่งยกเลิก เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2560 โดยไร้ซึ่งมาตรการเยียวยา และไร้การปรึกษาหารือเพื่อหาทางออกร่วมกัน”
“ผู้ค้าจำนวนกว่า 82 ราย ซึ่งส่วนมากเป็นผู้หญิงมีอายุตั้งแต่ 45-75 ปี และขึ้นทะเบียนเป็นผู้ค้ากับทางสำนักงานเขตบางกอกใหญ่ เพื่อค้าขายบนจุดผ่อนผันนี้มาตั้งแต่ปี 2533 เป็นเวลากว่า 28 ปี ที่ผู้หญิงเหล่านี้ได้มีโอกาสประกอบอาชีพสุตจริต เพื่อหาเลี้ยงตนเองและครอบครัวอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่เป็นภาระแก่รัฐบาลและสังคม แต่ทว่านโยบายกวาดล้างแผงลอยประหนึ่งว่าเป็นอาชญากรของกรุงเทพมหานคร ได้สร้างความเดือดร้อนแก่ผู้ค้าอย่างหนัก ไม่สามารถทำมาหากินเลี้ยงปากเลี้ยงท้องตนเองได้เหมือนเช่นเคย”
“เมื่อไร้หนทาง ผู้ค้าจึงรวมตัวกันเพื่อไปเช่าที่ดินเอกชนขายของ แม้ว่าจะห่างจากจุดเดิมเข้าไปในซอยเพียง 20 เมตร แต่ลูกค้ากลับไม่ตามเข้าไป ผู้ค้าส่วนใหญ่ขายอาหาร ซึ่งเมื่อขายไม่ได้ก็ไม่มีทุนหมุนเวียนในวันต่อไป ต้องไปกู้หนี้นอกระบบมาหมุนเวียนเป็นวัฏจักรเลวร้ายได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก จึงรวมตัวไปร้องเรียนสำนักงานเขตบางกอกใหญ่แต่ก็ไม่ได้รับการเหลียวแลใด ๆ”
“จนเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม 2560 ผู้ค้าได้รวมตัวกับผู้ค้าที่ได้รับความเดือดร้อนจากทั้ง 50 เขต กว่า 2,000 คน ขอเข้าพบผู้ว่าอัศวิน ซึ่งในวันนั้นท่านผู้ว่าฯรับปากฯในห้องประชุมว่าพื้นที่ไหนที่ทางเท้ากว้างกว่า 3 เมตรให้มาคุยกันได้ เราวางใจ เพราะเห็นท่านเป็นพ่อเมือง ซึ่งคงจะรักษาคำพูด แต่เราก็คิดผิด เมื่อการเรียกร้องกับทางกรุงเทพมหานครไม่เป็นผล ต่อมาผู้ค้าจึงรวมตัวกันเป็นเครือข่ายแผงลอยไทยเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน ไปร้องเรียนที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2561”
“รวมทั้งเมื่อวันที่ 18 มีนาคม 61 ได้เข้ารายงานความไม่เป็นธรรมของนโยบายจัดระเบียบต่อสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในงาน สนช.พบประชาชนเขตกรุงเทพใต้ และวันที่ 30 เมษายน 2561 ได้เข้าไปติดตามความคืบหน้าจากคำพูดของผู้ว่า กทม. กับท่านรองฯ สกลธี แต่ท่านกลับปัดความรับผิดชอบให้ บช.น. โดยอ้างว่า บชน เป็นผู้ขอให้มีการยกเลิกหาบเร่แผงลอย น่าเศร้าใจที่ผู้บริหารบ้านเมืองเกี่ยงกันแก้ไขปัญหาและไม่หันมาสนใจปัญหาความเดือดร้อนของคนในระดับรากหญ้า”
“เราไร้ที่พึ่ง เราไร้ซึ่งหนทาง จึงได้พากันเดินจากหน้าตึกสหประชาชาติไปยื่นหนังสือถึงท่านนายกรัฐมนตรีที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล อีกครั้งหนึ่งเมื่อ วันที่ 4 กันยายน 2561 ซึ่งท่านนายกฯได้แต่งตั้งคณะกรรมการบรรเทาผลกระทบจากการจัดระเบียบสังคมเมื่อวันที่ 10 กันยายน ที่ผ่านมา แต่เวลาก็ล่วงเลยมากว่า 3 เดือนแล้ว คณะกรรมการชุดนี้ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นประธานก็ยังไม่มีวี่แววที่จะจัดประชุม”
“ฟางเส้นสุดท้ายของเราคือการที่ กทม. พูดสวนทางกับกระทรวงมหาดไทย โดยประกาศผ่านสื่อว่าจะไม่มีทางให้แผงลอยกลับมาและจะไม่รายงานต่อมหาดไทย ทั้งๆที่มหาดไทยมีจดหมายด่วนที่สุดถึง กทม. ให้บรรเทาความเดือดร้อนและให้จัดประชุมร่วมระหว่างผู้ค้าและสำนักงานเขตทั้ง 50 เขตเพื่อหาทางออกร่วมกันไปก่อนที่คณะกรรมการชุดนี้จะได้ข้อสรุปออกมา ลงวันที่ 12 พฤศจิกายน 61 โดยมีข้อความรั้งท้ายจดหมายให้กรุงเทพมหานคร คำนึงถึงหลักธรรมาภิบาลและการอยู่ร่วมกันอย่างสงบเรียบร้อยของสังคม”
“แม้ว่ากระทรวงมหาดไทยจะยอมรับการมีอยู่และการอยู่ร่วมกันได้ของหาบเร่แผงลอยบนพื้นที่สาธารณะและเข้าใจว่าทุกคนสามารถอยู่บนพื้นที่สาธารณะร่วมกันได้อย่างชัดเจนและไม่เลือกปฏิบัติ แต่ กทม กลับเพิกเฉยและไม่ยอมเข้าใจ เราไม่ได้อยากก่อความไม่สงบ เราไม่ได้อยากสร้างปัญหา เราแค่ต้องการอาชีพ และการอยู่ร่วมกันได้บนกติกาที่กำหนดร่วมกัน ที่ผ่านมาผู้ค้าหลายชีวิตต้องตายไปเพราะความกดดันและความยากไร้ เราต้องขอออกมาวันนี้เพื่อไม่ให้ผู้ค้าอีกหลายสิบชีวิต ณ ที่นี้ต้องอดตาย”
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี