ม็อบแผงลอย"สีลม"บุกศาลาว่าการ กทม. จี้ถามผู้ว่าฯจัดระเบียบแล้วทำไมยังถูกไล่ ย้ำเช่าที่เอกชนแบกต้นทุนไม่ไหว
เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เสาชิงช้า กลุ่มผู้ค้าหาบเร่แผงลอย รวมตัวชุมนุมประท้วงเรียกร้องความเป็นธรรม หลังจัดระเบียบตนเองจนไม่กีดขวางทางเท้าแล้วแต่ก็ยังถูกไล่รื้อไม่อนุญาตให้ทำการค้า โดย นายณัฎฐ์ดนัย กุลธัชยศอนันต์ ตัวแทนผู้ค้าย่านสีลม (ฝั่งถนนขาออก) กล่าวว่า ตามนโยบายที่ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.เคยหาเสียงไว้ ว่าจะไม่มีการขับไล่ผู้ค้าหากสามารถจัดระเบียบได้ ภายใต้เงื่อนไขไม่กีดขวางทางเดินเท้า ไม่กีดขวางการจราจร และไม่สกปรก
ซึ่งต่อมากลุ่มผู้ค้าได้ประชุมร่วมกับสำนักงานเขตบางรัก ได้รับคำแนะนำให้ลดขนาดแผงค้าให้เล็กลง จากเดิมที่เคยตั้งแผงขนาด 2x2 เมตร ให้เหลือลึก 1 เมตร กว้าง 1.5 เมตร และต่อมาทางเขตขอให้ลดลงอีกเหลือขนาด 60x60 เซนติเมตร หรือ 2 บล็อก โดยทางผู้ค้าก็ให้ความร่วมมือมาโดยตลอด กระทั่งวันที่ 10 ม.ค. 2566 นายชาตรี วัฒนเขจร รองปลัด กทม. ลงตรวจพื้นที่ ยังชมว่าจัดระเบียบแล้วดูดี ทำให้พวกตนมีความหวังว่าจะได้ขาย
แต่แล้วในวันที่ 12 ม.ค. 2566 เมื่อ นายจักกพันธุ์ ผิวงาม รองผู้ว่าฯ กทม. ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลเรื่องหาบเร่แผงลอย ลงตรวจพื้นที่ กลับบอกว่าไม่อนุญาตให้ทำการค้าและไม่ได้ให้เหตุผลว่าเพราะอะไร ทำให้พวกตนเกิดคำถามว่าแล้วที่ผ่านมาให้ผู้ค้าจัดระเบียบด้วยการปรับขนาดแผงไปเพื่ออะไร โดยหาก กทม. ประกาศตั้งแต่ต้นว่าจะไม่ให้ขาย ไม่ใช่บอกว่าให้ขายได้แต่ต้องจัดระเบียบ พวกตนคงจะต่อสู้ในอีกรูปแบบหนึ่ง ส่วนแนวคิดเรื่องการจัดหาพื้นที่เอกชนทดแทนการใช้พื้นที่ทางเท้า เช่น ตลาดพัฒน์พงษ์ ตนยืนยันว่าผู้ค้าไม่สามารถแบกรับค่าใช้จ่ายได้
"ถามว่าเข้าไปในพัฒน์พงษ์ ถ้าทุกคนมีศักยภาพเขาเข้าไปแล้ว หนึ่งคือไม่มีศักยภาพ แล้วเขตต่อรองให้แล้ว 150 บาท ต่อวันต่อเมตร เมตรเดียวขายของไม่ได้ พื้นที่ว่างๆ ไม่ได้มีอะไรให้ ยังไม่รวมค่าไฟ ค่าฝาก ให้เวลาแค่ 2 เดือน คุณก็พิจารณาเอาว่าจะอยู่ได้หรือไม่ได้ มันเหมือนส่งผู้ค้าไปทดลอง เอาเงินไปให้ที่เอกชนแค่ชั่วคราว แล้วหลังจากนั้นพวกเราถ้าอยู่ไม่ได้กันจะทำอย่างไร นี่เป็นที่มาของผู้ค้าทั้งหมด เราไม่ได้รับความชัดเจนหรือว่าไม่ไดรับความยุติธรรมเลยกับนโยบายของผู้ว่าฯ กทม." นายณัฎฐ์ดนัย กล่าว
นายณัฎฐ์ดนัย กล่าวต่อไปว่า สำหรับที่ตลาดของเอกชนซึ่ง กทม. ประสานให้นั้น 2 เดือนแรกวันละ 150 บาทต่อเมตร แต่หลังจากพ้น 2 เดือนไปแล้ว ค่าเช่าจะเก็บเต็มอัตราคือวันละ 500 บาทต่อเมตร โดยยังไม่รวมค่าไฟฟ้า ค่าฝากสิ่งของ และค่าทำความสะอาด เฉลี่ยแล้วผู้ค้าจะมีต้นทุนค่าเช่าวันละ 1,000 บาท ในขณะที่ผู้ค้าขายของเหลือเงินกลับบ้านเป็นกำไรเพียง 500-600 บาทต่อวัน ทั้งนี้ ปัจจุบันเหลือผู้ค้าไม่มากแล้ว เพียง 30-40 รายเท่านั้น ไม่ได้มากมายเหมือนในอดีตที่มีถึง 600 ราย และตั้งคำถามด้วยว่าเหตุใดห้ามตั้งแผงลอยแต่ไม่ห้ามร้านค้าในอาคารรุกล้ำทางเท้าบ้าง
ด้าน นายสมศักดิ์ ศรีทรัพย์ ตัวแทนผู้ค้าย่านสีลม (ฝั่งถนนขาเข้า) กล่าวว่า ผู้ค้าฝั่งขาออกก็ถูกทางเขตแนะนำให้จัดระเบียบเช่นกัน ทั้งการลดขนาดแผง หรือหากเป็นรถเข็นก็ต้องมีผ้าคลุมและลดขนาดตัวรถลง ซึ่งผู้ค้าก็ให้ความร่วมมือ โดยการประชุมครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในวันที่ 13 ม.ค. 2566 ที่โรงเรียนวัดหัวลำโพง กลับได้รับคำแนะนำให้ย้ายเข้าตลาดเอกชนย่านพัฒน์พงษ์ ทั้งที่ผู้ค้ามีรายได้เหลือเพียง 300 บาทต่อวันเท่านั้น ซึ่งฝั่งขาเข้ามีผู้ค้าประมาณ 50 ราย
พร้อมกับยืนยันด้วยว่า พื้นที่เอกชนที่ กทม. ประสานให้ย้ายไปไม่เหมาะสม ทั้งต้นทุนค่าเช่าแพงและมีผู้ซื้อน้อย ตนเคยถามแล้ว เต็นท์ของเอกชนเต็นท์บริเวณกลางซอยเกือบออกไปทางฝั่ง ถ.สาทร ขายได้จากเช้าถึงเที่ยง เสียค่าเช่าเดือนละหลักหมื่นบาท ส่วนบริเวณหน้าวัดแขกสีลมก็ไกลและไม่มีคนเดินเพราะตนขายในช่วงเย็น ล่าสุดจะให้ไปที่ตลาดพัฒน์พงษ์ ถามว่าค่าเช่าวันละ 500 บาท ค่าไฟฟ้าดวงละ 5 บาท ค่าฝากถังเดือนละ 600 บาท ค่าแม่บ้านทำความสะอาดอีกต่างหาก พวกตนขายของได้กำไรเพียงวันละ 300-400 บาท จะแบกต้นทุนไหวหรือ
ส่วนกรณีเพจเฟซบุ๊กบางเพจที่ตระเวนถ่ายรูปจุดที่มีผู้ค้าหาบเร่แผงลอยใน กทม. ทั้งถนนสายหลัก สายรองและตามตรอกซอกซอย ก่อนนำไปโพสต์พร้อมเขียนบรรยายในเชิงโจมตีว่าหาบเร่แผงลอยเป็นสิ่งเลวร้าย รวมถึงไล่ร้องเรียนไปทาง กทม. ให้เข้ามาจัดการไม่ว่าจะเป็นในยุคผู้ว่าฯ คนใดก็ตาม ตนมองว่าคนกลุ่มนั้นมีอคติกับผู้ค้าอยู่แล้ว แต่ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับความเข้าใจของผู้ว่าฯ กทม. ด้วย เพราะไม่ว่าจะเป็นผู้ค้าหรือผู้ว่าฯ กทม. ล้วนมีทั้งคนรักและคนเกลียด แม้กระทั่งผู้ว่าฯ คนปัจจุบันท่านก็ไม่ได้ชนะเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงแบบ 100 เปอร์เซ็นต์
"นี่มาจากการเลือกตั้ง ผู้ว่าฯ แต่งตั้งอย่างอัศวินเอาทหาร-ตำรวจไปลง เราก็ยังอยู่ได้ เขาให้เราขยับแผงเราก็ขยับ ตอนที่ยังไม่จัดระเบียบมันมีทั้ง 2 ฝั่ง พออัศวิน พอ คสช. เข้ามาจัดระเบียบเราก็อยู่แบบแอบๆ ก็อยู่ได้ แล้วประชุมก็ประชุมครั้งเดียว นี่ 3 เดือนประชุมบ้าง จัดระเบียบทุกวัน ประชุมวันเว้นวัน ประชุมแล้วพูดไม่รู้เรื่อง พูดบอกให้ขายนะไม่ได้ห้ามขาย แต่ให้รู้นะว่าทุกวันนี้เขาพัฒนาไปถึงไหนแล้ว ผมขายของผมก็ขายตรงที่มีคนเดิน ให้ผมไปอยู่ในเต็นท์" นายสมศักดิ์ ระบุ
นายสมศักดิ์ ยังกล่าวอีกว่า นายชัชชาติ ผู้ว่าฯ กทม. คนปัจจุบัน มีนโยบายไม่ชัดเจน คือตอนพูดบอกว่าจัดระเบียบให้อยู่ร่วมกันได้ทั้งผู้ใช้ทางเท้าและผู้ค้าแผงลอย แต่การปฏิบัติกลับเป็นอีกอย่างหนึ่งโดยมีการระดมกำลังเจ้าหน้าที่เทศกิจเข้าควบคุมพื้นที่ไม่ให้ทำการค้าอีกทั้งไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ทั้งที่เอาจริงๆ แล้ว ผู้บริหาร กทม. และสภา กทม. มีช่องทางตามกฎหมาย อนุญาตให้ตั้งจุดผ่อนผันโดยกำหนดเงื่อนไขการจัดระเบียบได้อยู่แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ที่กลุ่มผู้ค้าเริ่มรวมตัวหน้าศาลาว่าการ กทม. มีการสลับกันขึ้นมากล่าวระบายความรู้สึกอัดอั้นคับแค้นใจ พร้อมแสดงจุดยืนว่าต้องการทำการค้าในพื้นที่เดิมไม่ย้ายไปไหนเพราะแสดงให้เห็นแล้วว่าสามารถจัดระเบียบได้ไม่จำเป็นต้องสั่งห้าม โดยในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน ตัวแทนกลุ่มผู้ค้าจะเข้าหารือกับผู้บริหารสำนักงานเขตบางรัก เจ้าของพื้นที่ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในช่วงเย็นนี้
ชมคลิปการชุมนุมได้ที่นี่ : https://www.youtube.com/watch?v=asnl4BUQL6c
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี