วันอังคาร ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
ห่วงใช้เกินขนาด  สธ.เปิดคอร์สอบรม‘กัญชา’  อย่าเชื่อรักษาได้39โรค

ห่วงใช้เกินขนาด สธ.เปิดคอร์สอบรม‘กัญชา’ อย่าเชื่อรักษาได้39โรค

วันศุกร์ ที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2562, 06.00 น.
Tag :
  •  

ห่วงใช้เกินขนาด

สธ.เปิดคอร์สอบรม‘กัญชา’

อย่าเชื่อรักษาได้39โรค

ไม่ใช่ยาครอบจักรวาล

บุคลากรทางการแพทย์จองคอร์สอบรมใช้กัญชารักษาโรคแน่น เต็มยาวถึงรุ่น 4 อธิบดีกรมการแพทย์ย้ำกลางวอร์รูมห่วงการสั่งจ่าย การใช้รักษาเกินขนาด ส่งผลข้างเคียงพร้อมกำชับใช้รักษาแบบประคับประคอง ใน4กลุ่มโรคหลัก ไม่ใช่ยาครอบจักรวาล อย่าเชื่อข้อมูลที่แชร์ผ่านไลน์รักษาได้ 39 โรค

เมื่อวันที่ 23พฤษภาคม ที่โรงแรมรามาการ์เดนส์ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เป็นประธานเปิดอบรมการใช้สารสกัดจากกัญชาทางการแพทย์สำหรับบุคคลากรทางการแพทย์ รุ่นที่2 โดยมีแพทย์แผนไทย แพทย์แผนไทยประยุกต์ เภสัชกร หมอพื้นบ้านเข้าร่วมอบรม 300คน


โดย นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า การจัดอบรมการใช้สารสกัดจากกัญชาทางการแพทย์สำหรับบุคคลากรทางการแพทย์ รุ่นที่ 2 ในที่ประชุมคณะกรรมการหลักสูตรมีมติให้ปรับสูตรเพิ่มเติม โดยให้วิทยากรบรรยายถึงปริมาณการใช้สารสกัดจากกัญชาในแต่ละกลุ่มโรคให้ชัดเจน เช่น ลมชักในเด็กต้องให้บุคลากรแพทย์ทราบขนาดยาที่ต้องใช้ให้ชัดเจน รวมถึงการเฝ้าระวังและติดตามอาการข้างเคียง

“ซึ่งหลังอบรมทุกรุ่น คณะกรรมการพิจารณาและรับรองหลักสูตรการใช้กัญชาทางการแพทย์ จะมีการติดตามผลอบรม พร้อมรับฟังความเห็นจากผู้เข้าอบรม โดยเบื้องต้นรุ่นที่ผ่านมาอยากให้ปรับเวลาบรรยายในส่วนเนื้อหาของปลูกกัญชาน้อยลง ซึ่งรุ่นต่อไปจะมีการปรับเวลาอบรมในหัวข้อดังกล่าว สำหรับรุ่นที่ 2 พบผลตอบรับเกินความคาดหาย โดยพบว่ามีผู้เข้ามาลงทะเบียนเต็มจำนวนในเวลาเพียง 30 นาที ส่วนอีก 4 รุ่นที่เหลือ ล่าสุด ยังได้รับรายงานว่ามีผู้ลงทะเบียนเต็มจำนวนทั้งหมดแล้ว” อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว

นพ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ กรมการแพทย์จะเสนอนพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สธ.เปิดหลักสูตรอบรมเป็นกรณีพิเศษให้บุคลากรสำนักงานปลัด สธ. แบ่งเป็น รุ่นที่ 1 หลักสูตรอบรมสำหรับแพทย์ เภสัชกร ของโรงพยาบาลศูนย์และโรงพยาบาลทั่วไปทุกแห่งช่วงกลางเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อให้ดูแลผู้ป่วยได้ทั่วถึง รับจำนวน 250 คน รุ่นที่ 2 หลักสูตรอบรมสำหรับทีมดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้ายหรือระยะประคับประคอง (Palliative Care) ซึ่งมีอยู่ในโรงพยาบาลทั่วประเทศ และทำงานเป็นเครือข่าย ระหว่างวันที่ 30-31 กรกฎาคม 180 คน โดยการอบรมทั้ง 2 รุ่น สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) และองค์กรเภสัชกรรม (อภ.) จะเป็นผู้สนับสนุนจัดการอบรม และรุ่นที่ 3 หลักสูตรอบรมสำหรับผู้บริหารโรงพยาบาลศูนย์ โรงพยาบาลทั่วไป สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) และนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัด (นพ.สสจ.) ซึ่งจะเป็นการอบรมเชิงบริหาร อยู่ระหว่างกำหนดวันเวลาที่ชัดเจน โดยการจัดอบรมทั้งหมดเพื่อให้ครอบคลุมระดับผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงาน คาดว่าผู้ที่ผ่านการอบรมจะเพียงพอและครอบคลุมทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างพิจารณาให้จัดหลักสูตรอบรมผ่านระบบออนไลน์อีกด้วย

อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวอีกว่า กรมการแพทย์ยังพยายามเน้นผู้เข้ารับการอบรม โดยจัดทำโมเดลพัฒนา เช่น สารสกัดกัญชาที่มีประโยชน์ใช้กับลมชักควรใช้อย่างไร หากโรงพยาบาลจะมีคลินิกใช้รักษาลมชักในเด็กบางชนิดต้องจัดคลินิกอย่างไร

“ย้ำว่าสารสกัดกัญชาไม่ใช่ทางเลือกแรกในการรักษา ปัจจุบันอยู่ระหว่างจัดรูปแบบคลินิกในสถาบันประสาท กรมการแพทย์ เช่นเดียวกับสถาบันมะเร็ง ที่อยู่ระหว่างเตรียมโครงร่างเพื่อศึกษาวิจัยนำสารสกัดกัญชามาใช้กับผู้ป่วยอาเจียน คลื่นไส้ จากอาการมะเร็งและไม่สามารถรักษาด้วยวิธีอื่นได้แล้ว รวมถึงสถาบันผิวหนัง โรงเรียนแพทย์ สถาบันการศึกษาและโรงพยาบาลเอกชน กรมการแพทย์ยินดีศึกษาวิจัยร่วมกัน” นพ.สมศักดิ์ กล่าว

ภายหลังอบรมแพทย์ กับเภสัชกร รุ่น 2 นพ.สมศักดิ์พทย์ให้สัมภาษณ์อีกครั้งว่า ได้เน้นย้ำเรื่องสั่งจ่ายและการใช้กัญชาทางการแพทย์ หลังเกิดปัญหาคนทดลองใช้กัญชาจนเกิดอาการวูบ หัวใจเต้นเร็ว จึงอยากทำความเข้าใจกับประชาชน ผู้ที่ใช้ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ที่ให้การรักษาอยู่ร่วมด้วย เนื่องจากองค์ความรู้ของการใช้กัญชา ยังไม่แน่ชัดถึงความเหมาะสมในการใช้ ทำให้บางคนมีผลข้างเคียงจากฤทธิ์ของกัญชา เพราะกัญชายังจัดเป็นยาเสพติดประเภท 5 อยู่

ทั้งนี้ ในการอบรมใช้กัญชาทางการแพทย์ เน้นดูแล 4 กลุ่มโรค ได้แก่ ลมชักในเด็ก แก้อาการคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด บรรเทาอาการปวด กรณีไม่สามารถใช้ยาแก้ปวดอื่นได้ และปอกประสาทเสื่อมแข็งเท่านั้น ไม่ใช่รักษาได้ทุกโรค เพราะกัญชาไม่ใช่ยาครอบจักรวาล และไม่ได้รักษาได้ถึง 39 โรค อย่างที่มีการแชร์และส่งต่อในไลน์

“การอบรมเรื่องกัญชาของกรมการแพทย์ เน้นแนวทางรักษาแบบประคับประคอง ส่วนในอนาคตกรมฯจะพัฒนาการรักษาโรคมะเร็ง ในโรงพยาบาลสังกัดกรมการแพทย์ ให้รักษาแบบบูรณาการ รักษามะเร็งแบบครบวงจร ควบคู่กับยาสมุนไพรด้วย เพื่อเปิดกว้าง ลดปัญหาคนไข้แบบใช้สมุนไพร แล้วไม่กล้า ปรึกษาแพทย์ เมื่อทราบประวัติคนไข้ชัดเจนแล้วแพทย์จะชี้แนะว่าอะไรใช้รักษาได้หรือไม่ได้ เช่น โรคที่ยังรักษาได้ตามแผนปัจจุบัน ไม่อยากให้หยุดรักษา หรือหันมาใช้แพทย์ทางเลือก เช่น มะเร็ง ระยะเริ่มต้น แต่กลับใช้กัญชารักษาแทน’ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว

ด้านนพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถานบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติ บรมราชชนนีกล่าวว่า กัญชา ยังเป็นยาเสพติดประเภท 5 ย่อมมีฤทธิ์กดและกระตุ้นประสาท ทำให้ผู้ได้รับกัญชา มีตั้งแต่ นอนหลับสลบไสล ตื่นตัว กังวล หัวใจเต้นเร็ว มีอาการทั้งทางกายและใจครบ การใช้น้ำมันกัญชาเพื่อหยดรักษาขณะนี้ ควรทำภายใต้กรอบการดูแลของแพทย์ ไม่ใช่ทดลองใช้เอง เพราะฤทธิ์ของกัญชาในแต่ละคน การแสดงอาการแตกต่างกัน บางคนอาจไม่มีอาการมาก บางคนรุนแรง เมื่อมีอาการเกิดขึ้นแล้ว ใจสั่น หวิว วูบ ควรรีบพบแพทย์ และต้องแจ้งแพทย์ด้วยว่า เพิ่งใช้กัญชา เพื่อให้ถอนพิษกัญชาได้อย่างรวดเร็ว

ขณะที่นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่าจากข้อมูลที่มีผู้มาแจ้งครอบครองกัญชาขณะนี้มีประมาณ 2.2 หมื่นราย ในจำนวนนี้มี 2.1 หมื่นรายที่แจ้งว่าเป็นผู้ป่วย หรือคิดเป็นร้อยละ 90 แต่ในจำนวนที่แจ้งว่าเป็นผู้ป่วยนั้น เราคิดว่าเป็นโรคที่จำเป็นต้องใช้กัญชาจริงมีไม่ถึง 100 ราย แต่ถ้ารวมกับผู้ป่วยกลุ่มอื่นที่อนุญาตมีประมาณ 2,000-3,000 คน ซึ่งคนกลุ่มเหล่านี้ยังถือครองน้ำมันกัญชากันอยู่ประมาณ 3 เดือน อาจมีบางส่วนที่มีน้ำมันกัญชาไม่พอ ก็วางระบบให้เข้าไปปรึกษาแพทย์ในพื้นที่ นอกจากนี้ คนที่ติดกัญชาเราก็ถือว่าเป็นผู้ป่วยที่ต้องรักษาเช่นกัน

ดังนั้น ขณะนี้ อย.หามาตรการจัดหาน้ำมันกัญชามาใช้ในระยะรอยต่อ ที่ประเทศไทยยังไม่สามารถผลิตน้ำมันกัญชาได้เอง หรือมีไม่เพียงพอ ซึ่งมีหลายมาตรการ แต่การนำเข้าน้ำมันกัญชาจากเมืองนอกนั้นไม่ใช่มาตรการแรกที่จะทำ โดยมาตรการแรกที่ทำคือ นำเอากัญชาของกลางจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งชาติ (ป.ป.ส.)ประมาณ 30 ตัน ที่ยังไม่ได้คัดเกรด ส่งไปตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ว่าปนเปื้อนโลหะหนัก หรือยาฆ่าแมลงหรือไม่ หากไม่มี หรืออยู่ในระดับที่รับได้ก็จะให้หน่วยงานที่มีความสามารถนำไปสกัดออกมาใช้ และยังมีรายงานจากต่างจังหวัดว่า มีน้ำมันกัญชาของกลางอีกจำนวนหนึ่งอยู่ แต่ต้องตรวจสอบความปลอดภัยก่อน ดังนั้น ทั้งสองมาตรการอยู่ระหว่างตรวจสอบ จะรู้ผลภายในเดือนพฤษภาคม ถ้าทั้งสองส่วนใช้ได้ ก็น่าจะนำน้ำมันกัญชาที่ได้จากในประเทศเพียงพอ ไม่ต้องนำเข้า แต่ถ้ารอบนี้ตรวจแล้วมีสารปนเปื้อนก็อาจพิจารณาให้อย. หรือสภากาชาดไทยนำเข้าระยะสั้นช่วงรอยต่อ คาดว่าภายในปีนี้ไทยสามารถผลิตได้เองพอใช้ในประเทศ” นพ.สุรโชค กล่าว

วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงาน บรรยากาศที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี หลังมีข่าวใช้น้ำมันกัญชารักษาผู้ป่วย โดย นพ.ประเสริฐ มงคลศิริ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล เป็นผู้ตรวจรักษาและสั่งจ่ายน้ำมันกัญชา ปรากฏว่ามีประชาชนจากทั่วประเทศ เดินทางเพิ่มอีกเท่าตัว โดยมารอลงทะเบียนตั้งแต่เช้า เพื่อเข้ารับการตรวจรักษา จากเดิมเฉลี่ยวันละกว่า 100 ราย โดยผู้ป่วยที่มาเข้ารับรักษาวันนี้ ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยกลางคน และผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันสูง เบาหวาน ไขมันในเลือดสูง โรคเก๊าท์ และหอบหืด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • จวกนายกฯเชื่องช้าแก้ปัญหาสารพิษปนเปื้อนน้ำกก-สาย-รวก-โขง มัวแต่ตั้งรับ จวกนายกฯเชื่องช้าแก้ปัญหาสารพิษปนเปื้อนน้ำกก-สาย-รวก-โขง มัวแต่ตั้งรับ
  • ไทยพร้อมแล้ว! จัดประชุม AI นานาชาติของ UNESCO ไทยพร้อมแล้ว! จัดประชุม AI นานาชาติของ UNESCO
  • ‘สมศักดิ์’ยืนยัน สธ.พร้อมรับมือ‘โควิด-19’ ชี้การแพร่ระบาดมีแนวโน้มลดลง ‘สมศักดิ์’ยืนยัน สธ.พร้อมรับมือ‘โควิด-19’ ชี้การแพร่ระบาดมีแนวโน้มลดลง
  • ยังน่าห่วง! โควิด-19 พุ่งต่อเนื่อง ยอดผู้ติดเชื้อ-เสียชีวิต ทำลายสถิติรายสัปดาห์ของปีนี้อีก ยังน่าห่วง! โควิด-19 พุ่งต่อเนื่อง ยอดผู้ติดเชื้อ-เสียชีวิต ทำลายสถิติรายสัปดาห์ของปีนี้อีก
  • ส่องสถานการณ์‘สิงห์อมควัน’ในไทย ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ผิดกฎหมายแต่ขายเกลื่อน ‘บุหรี่มวน’ลดลง-ภาคใต้สูบมากสุด ส่องสถานการณ์‘สิงห์อมควัน’ในไทย ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ผิดกฎหมายแต่ขายเกลื่อน ‘บุหรี่มวน’ลดลง-ภาคใต้สูบมากสุด
  • ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 มิถุนายน 2568 ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 มิถุนายน 2568
  •  

Breaking News

'รมว.ยุติธรรม'เปิดห้องแล็บโชว์สื่อฯ ชู'สถาบันนิติวิทยาศาสตร์'ศูนย์กลางตรวจยาเสพติดทันสมัยที่สุดในอาเซียน

เคลียร์ชัด!!! ‘ตาเมือนธม’ขึ้นทะเบียนก่อน‘กัมพูชา’เป็นเอกราช

‘ป.สามสี’ชักธงรบ! ‘ช่องบก’ตัวจุดชนวน ‘ศักดิ์ศรีไทย’ที่จะถอยไม่ได้

'แพทย์รามาธิบดี รุ่น 18' แนบ 55 รายชื่อ ประกาศหนุนมติ'แพทยสภา'

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved