เปิดช่องทางกฎหมาย แนะญาติเหยื่อ‘แพรวา’ร้อง ยธ. ช่วยสืบทรัพย์บังคับจ่ายเงินเยียวยา
17 กรกฎาคม 2562 นายธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม และโฆษกกระทรวงยุติธรรม โพสต์เฟซบุ๊กแนะนำขั้นตอนทางกฎหมาย กรณีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์รถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซีวิค ที่ขับโดย นส.อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา หรือ “แพรวา” ในขณะนั้น พุ่งชนท้ายรถตู้สาธารณะสีขาว บนทางด่วนดอนเมืองโทลล์เวย์ขาเข้า หน้าสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ เมื่อ 9 ปีก่อน ยังไม่ได้รับการติดต่อจากทางฝั่งคู่กรณี แม้ศาลฎีกาสั่งให้ชดใช้ประมาณ 26 ล้านบาท ว่า ผู้เสียหายหรือโจทก์มีอาการมึนงง เดินไม่เป็นกรณีลูกหนี้ไม่ยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนตามคำพิพากษาจะทำอย่างไร ?
หลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้วให้จำเลยชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ไม่ว่าจะเป็นค่าสินไหมทดแทนในคดีอาญาตามมาตรา ๔๔/๑ ถือเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา หรือคดีแพ่งทั่วไป เมื่อระยะเวลาได้ล่วงเลยกว่า ๓๐ วันไปแล้ว พยายามติดตามทวงถามก็แล้ว ลูกหนี้ทำไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทำหน้ามึน ผู้เสียหายจะต้องดำเนินการ ดังนี้
๑.ต้องไปยื่นคำร้องขอให้ศาลออกหมายบังคับคดี
๒.เมื่อได้หมายบังคับคดีมาแล้ว ผู้เสียหายหรือโจทก์ก็มีอำนาจเข้าไปสืบทรัพย์ว่าจำเลยมีทรัพย์สินอะไรบ้าง ชั้นนี้ยากที่สุด เพราะศักยภาพบุคคลทั่วไปนั้นยากต่อการเข้าถึงข้อมูล ต้องจ้างทนายความครับ ถ้าเป็นคนจนคนด้อยโอกาสสามารถขอเงินค่าจ้างทนายความสืบทรัพย์ได้จากกองทุนยุติธรรมได้ครับ
๓.เมื่อได้บัญชีทรัพย์สินมาแล้วให้ไปยื่นคำขอบังคับคดีต่อเจ้าพนักงานบังคับคดี กรมบังคับคดี เพื่อเข้าสู่กระบวนการบังคับคดี ด้วยการขอให้อายัดทรัพย์ดังกล่าว
๔. เจ้าหน้าที่ก็จะตั้งเรื่องเข้าสู่กระบวนการบังคับคดี ด้วยการยึดทรัพย์ตามบัญชี โดยการแจ้งการยึดทรัพย์ไปยังลูกหนี้ ผู้มีส่วนได้เสีย และผู้เกี่ยวข้องดังกล่าว
๕.เจ้าพนักงานบังคับคดีนำเอาทรัพย์เข้าสู่กระบวนการขายทอดตลาด เพื่อนำทรัพย์ที่ได้ไปเฉลี่ยให้กับผู้เสียหายแล้วแต่กรณี
๖.กรณีที่ทรัพย์ที่ขายมีจำนวนที่ไม่พอตามคำพิพากษา หรือไม่มีทรัพย์ ผู้เสียหายก็ต้องนำคดีไปยื่นฟ้องขอให้จำเลยตกเป็นคนล้มละลายต่อศาลล้มละลายกลางได้ในกรณีที่มีมูลหนี้มากกว่า ๑ ล้านบาท
๗.ศาลก็จะมีคำสั่งให้กรมบังคับคดีรายงานว่าจำเลยมีศักยภาพพอที่จะชดใช้ได้หรือไม่ ถ้าไม่มีและเข้าข่ายมีหนี้สินล้นพ้นตัว ศาลก็จะมีคำพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย
ผลของการเป็นบุคคลล้มละลาย ไม่สนุกครับ เพราะจะทำให้บุคคลนั้น
๑.ไม่สามารถทำนิติกรรมนิติกรรมสัญญาใดๆ ทั้งสิ้นได้ รวมถึงธุรกรรมการเงินต่างๆ
๒.ไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ หรือหากมีความจำเป็นต้องเดินทางไปจริงๆ ก็ต้องขออนุญาตจากพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก่อน หากได้รับอนุญาตให้ออกนอกประเทศจะต้องทำบัญชีรายรับรายจ่ายส่งต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าทุกๆ ๖ เดือน พร้อมทั้งส่งรายได้ตามที่เจ้าพนักงานจะอายัดเข้ากองทรัพย์สินด้วย
การถูกสั่งให้เป็นบุคคลล้มละลายนั้นจะมีระยะเวลา ๓ ปี เมื่อครบกำหนดก็จะถูกปลดจากการเป็นบุคคลล้มละลาย ยกเว้นกรณีที่ไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหนี้ก็อาจจะมีการขยายเวลาเป็น ๕ หรือ ๑๐ ปีก็ได้
โดยเมื่อครบกำหนดระยะเวลา ๓ ปีก็ให้บุคคลล้มละลายติดต่อกับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ทรัพย์ เพื่อขอปลดจากการเป็นบุคคลล้มละลาย หลายคนไม่มีความรู้ก็คิดว่าสบายลั่นลา แต่หาเช่นนั้นไม่ เพราะเมื่อได้ปลดจากการเป็นบุคคลล้มลายแล้วก็จะสามารถทำงานและทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้ตามปกติแล้วก็จริง แต่การภาระชดใช้ตามคำพิพากษาก็ยังคงดำเนินการได้ต่อไปจนกว่าจะหมดอายุความครับ
“คำแนะนำของผมสำหรับจำเลยควรเข้าสู่กระบวนการไกล่เกลี่ยจะดีที่สุดครับ ส่วนผู้เสียหายหรือโจทก์ ถ้าหากเกิดอาการมึนงงเดินไม่เป็น สามารถขอคำแนะนำช่วยเหลือได้ที่สำนักงานยุติธรรมจังหวัดทุกจังหวัด หรือศูนย์บริการร่วมกระทรวงยุติธรรมชั้น ๒ อาคารราชบุรีดิเรกฤทธิ์ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯถนนแจ้งวัฒนะ หรือโทร๑๑๑๑ กด ๗๗ ครับ”
วันเดียวกัน นายธวัชชัย กล่าวว่า ขณะนี้เลยระยะเวลา 30 วันมาแล้ว นับตั้งแต่จากวันที่ศาลแพ่งชั้นฎีกามีคำพิพากษาสั่งให้จำเลยชดใช้ผู้เสียหาย แต่จำเลยไม่ติดต่อดำเนินการชดใช้ ดังนั้นทางผู้เสียหายหรือโจทก์มีหน้าที่ต้องไปยื่นคำฟ้องที่ศาลแพ่งเพื่อขอหมายบังคับคดี และเมื่อได้หมายบังคับคดีแล้ว ผู้เสียหายทั้งหมดก็มีอำนาจที่จะเข้าไปสืบทรัพย์ของจำเลยทุกรายได้ทันทีว่ามีทรัพย์สิน เงินสดทั้งหมดเท่าไร ซึ่งถือเป็นหน้าที่ของผู้เสียหายต้องดำเนินการสืบทรัพย์เอง แต่โดยปกติขั้นตอนนี้จะมีทนายเข้าไปทำหน้าที่ตรงนี้แทนให้ ทั้งนี้ หากเป็นการฟ้องกลุ่มก็ให้คนใดคนหนึ่งไปดำเนินการได้และคนอื่นก็สามารถเข้าชื่อร่วมในภายหลังได้
หลังจากเมื่อสืบทราบจำนวนทรัพย์มีทั้งหมดเท่าไรแล้ว ทางตัวผู้เสียหายต้องนำรายการทรัพย์ที่สืบทราบทั้งหมดไปยื่นต่อกรมบังคับคดีเพื่อขอให้เจ้าหน้าที่บังคับคดีต่อไป จากนั้นเจ้าหน้าที่จะดำเนินการกระบวนการอายัดทรัพย์สินทั้งหมดซึ่งจะไม่สามารถเคลื่อนไหวหรือธุรกรรมทรัพย์ได้เลย ต่อจากนั้นก็จะเข้าสู่กระบวนการนำทรัพย์ขายทอดตลาดและถ้าทรัพย์ของจำเลยทั้ง4รายเพียงพอที่ศาลสั่งให้ชดใช้ก็เป็นอันจบไป แต่ถ้าจำนวนทรัพย์ไม่เพียงพอก็จะไปขั้นตอนการล้มละลายต่อไป ซึ่งกระบวนนี้ตัวผู้เสียหายที่เป็นโจทก์ไปยื่นฟ้องต่อศาลล้มละลายกลาง ทั้งนี้ หากสืบทรัพย์มีรายได้ บ้าน รถ ทรัพย์สิน การทำธุรกรรมแล้ว ถ้ามีจำนวนทรัพย์สินเพียงพอก็ไม่ต้องไปสู่กระบวนการล้มละลาย แต่หากไม่เพียงพอนั้น สำหรับมูลค่าความเสียหายเกิน 1 ล้านบาท สามารถฟ้องล้มละลายได้
ต่อข้อถามที่กังวลว่าจำเลยอาจจะมียักยอก ถ่ายเททรัพย์นั้น รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า เราสามารถสืบค้นกระบวนการทำธุรกรรมย้อนหลังได้หมด ถ้าเป็นการทำที่ไม่สุจริตแล้วพบว่ามีใครเข้ามาผู้เกี่ยวข้องก็เอาผิดตามกฎหมายได้ทั้งหมดเพราะถือว่าเข้าสู่กระบวนการปกปิดทรัพย์สิน
สำหรับกระบวนการล้มละลายมีระยะเวลา 3 ปีและพ้นระยะเวลาดังกล่าวก็ขอปลดจากบุคคลล้มละลายได้ ซึ่งการเป็นบุคคลล้มละลายมีผลกระทบหลายด้าน เช่น ไม่สามารถทำธุรกรรมใดๆได้เลยในช่วง 3 ปี และไม่สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้โดยจะต้องขออนุญาตจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือเจ้าหน้าที่บังคับคดี หากได้รับอนุญาตต้องรายงานบัญชีทรัพย์สินคดีด้วยและหากในระหว่างนี้เกิดรายได้หรือทรัพย์สิน ธุรกรรมต่างๆต้องรายงานให้เจ้าหน้าที่ทราบทุก 6 เดือน ก่อนจะเดินทางต่างประเทศ
อย่างไรก็ตาม เมื่อพ้นระยะ 3 ปีปลดออกจากล้มละลายเฉพาะตัวบุคคล แต่ประมวลวิธีพิจารณากฎหมายแพ่งจะมีอายุความ 10 ปีนับตั้งแต่ศาลฎีกามีคำพิพากษาสิ้นสุด ซึ่งมีผลกระทบต่อจำเลยทั้ง 4คน จะไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินใดๆได้เลย นอกจากนี้ ในระหว่างช่วง 3 ปี หากจำเลยไม่มาพบเจ้าหน้าที่ หรือไม่รายงานทรัพย์สิน รายได้ หรือระหว่างนี้ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขที่บังคับคดีกำหนดไว้ในขั้นตอนหนึ่ง ขั้นตอนใด ก็มีผลให้การปลดออกจากบุคคลล้มละลายขยายระยะเวลาออกไปอีก5-10 ปี
“กระทรวงยุติธรรมอยากเรียกร้องจำเลยให้เข้ามาคุยกัน เพราะอยากให้คำนึงว่าผลเสียหายมากมายทั้งน.ส.แพรวา พ่อ แม่และคนให้ใช้รถในช่วงระยะเวลา 10 ปีข้างหน้าจะอยู่กันยังไง หากคิดว่าไซฟ่อนเงินได้ หลบได้นั้นสามารถตรวจสอบได้ง่ายไม่เหมือนในอดีต ดังนั้น อยากให้เจ้าตัว(จำเลย)มาคุย ซึ่งจะไม่ให้มีการเผชิญหน้ากัน เมื่อได้ข้อมูลครบและเวลาที่เหมะสมจึงให้มาเจอกัน ยืนยันว่ากระทรวงยุติธรรมให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายซึ่งสามารถไกล่เกลี่ยได้ทุกขั้นตอนกระบวนการตั้งแต่ชั้นสืบทรัพย์เสร็จเข้าสู่ขั้นตอนบังคับคดีก่อนที่จะเริ่มมีการทรัพย์สินขายทอดตลาด หรือระหว่างกระบวนการขายทอดตลอด และแม้กระทั่งขายทรัพย์ทอดตลาดเสร็จสิ้นแล้ว ทั้งนี้ คาดว่าจำเลยอาจไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนก่อน ซึ่งไม่อยากสันนิษฐานในเชิงลบว่าไม่มีสามัญสำนึก ความรับผิดชอบตามที่ปรากฏกระจายในโซเชียล” รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าว
รองปลัดกระทรวงยุติธรรม กล่าวว่า ขณะนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและปลัดกระทรวงยุติธรรมได้ประสานไปยังกรมบังคับคดีว่าทันทีที่หมายบังคับคดีมาถึงหรือตัวผู้เสียหายสืบทรัพย์เสร็จแล้วไม่ว่าจะในส่วนใดก็ให้อำนวยความสะดวกดำเนินการด้วยความรวดเร็วอย่างเต็มที่เพื่อรักษาสิทธิ์ของผู้ที่ถูกละเมิด
ทั้งนี้ ถ้าผู้เสียหายรายใดไม่มีความพร้อมไม่สามารถเข้าถึงความเป็นธรรมได้ เนื่องจากด้อยโอกาส เป็นคนยากจน ไม่มีงานทำ ก็สามารถติดต่อศูนย์บริการร่วม ชั้น 2กระทรวงยุติธรรม เพื่อขอความช่วยเหลือจากกองทุนยุติธรรม ซึ่งจะออกค่าทนายความและเงินวางศาลให้ทั้งหมดตั้งแต่ชั้นการสืบทรัพย์จนกระทั่งยื่นฟ้องจำเลยล้มละลาย ทั้งนี้ แนะนำว่าหากเป็นการฟ้องแบบกลุ่มนั้นให้ผู้เสียหายคนใดคนหนึ่งไปยื่นบังคับคดี จากนั้นผู้เสียหายที่เหลือก็ยื่นร้องสอดเพิ่ม โดยในส่วนผู้ที่ด้อยโอกาสอยากให้มาติดต่อขอความช่วยเหลือจากกระทรวงฯโดยเร็ว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี