สพฐ.ฟันวินัยร้ายแรงแก๊งหลอกลวงช่วยเหลือการสอบครูสังกัดสพฐ.พื้นที่สพป.สุริทร์เขต2
เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2562 นายพีระ รัตนวิจิตร รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (รองเลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า ตามที่ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้นำหลักฐาน เป็นภาพถ่ายของข้าราชการครู พร้อมแผ่นดีวีดี คลิปเสียง และบัญชีการโอนเงิน ของกลุ่มผู้
กระทำการส่อทุจริตคอรัปชั่น หลอกลวงผู้ปกครองเด็กว่าสามารถขายข้อสอบให้บุตรหลานสอบเป็นข้าราชการครูผู้ช่วย สังกัด สพฐ.ได้ ในราคารายละ 650,000 บาท โดยอ้างว่าซื้อข้อสอบมาจากเลขาธิการ กพฐ.เป็นเงิน 100 ล้านบาท จึงมายื่นร้องเรียนต่อ นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ให้ตรวจสอบ เมื่อวันที่ 17 ก.ย.ที่ผ่านมา หลังจากนั้น นายสุเทพ ชิตยวงษ์ เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ทราบเรื่องนี้แล้ว จึงแต่งตั้งให้ตนเป็นประธานคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง จากนั้นตนและคณะได้ลงพื้นที่สืบสวนข้อเท็จจริงจากข้อมูลหลักฐานและจากบุคคลที่อยู่ในภาพแล้ว พบว่าเรื่องดังกล่าวมีมูลความจริง
นายพีระ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคม 2561 ในพื้นที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา (สพป.) สุรินทร์ เขต 2 ซึ่งจะใช้นามสมมติของคนที่อยู่ในขบวนการหลอกลวงช่วยเหลือการสอบครู สังกัด สพฐ.ว่าชื่อ นายน้ำ , ครู ม.และครู ด.โดยครู ม.ให้ข้อมูลว่า นายน้ำ อ้างว่ารู้จักกับนายใหญ่ที่อยู่ในกระทรวงศึกษาธิการ สามารถนำข้อสอบออกมาได้ แต่ยังไม่รู้ว่านายใหญ่คนนั้นเป็นใคร ส่วนนายน้ำ ตนเห็นเพียงภาพถ่าย ยังติดตามตัวไม่ได้ แต่ดูแล้วไม่ใช่ข้าราชการใน จ.สุรินทร์ เพราะไม่มีใครรู้จัก
โดยครู ม.และนายน้ำ จะร่วมมือกัน นายน้ำจะบอกว่ารู้จักผู้ใหญ่ใน ศธ.ถ้าจ่ายเงินรายละ 6.5 แสนบาท ก็จะเข้ารับราชการได้ ไม่ต้องอ่านหนังสือ ไม่มีการติว ขอให้เข้ามาสอบให้ครบกระบวนการ ผู้ใหญ่ก็จะช่วยให้เข้ารับราชการได้ โดยมีนายหน้า ชื่อ ครู ด.เป็นธุระติดต่อ และครู ด.ก็จะมีเครือข่ายนายหน้าอีกทอดหนึ่งกระจายไปอีกหลายคน ซึ่งมีทั้งข้าราชการครูที่เกษียณไปแล้ว และเป็นข้าราชการในสังกัด สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) คนกลุ่มนี้จะพยามหาเด็กที่จบแล้วและยังไม่มีงานทำ หรือกลุ่มลูกจ้าง พนักงานราชการ โดยให้ข้อมูลว่า ครู ด.รู้จักผู้ใหญ่ในกระทรวงศึกษาฯ สามารถทำให้เข้ารับราชการได้ แต่ต้องจ่ายค่ามัดจำ 5 หมื่นบาท โดยเงิน 5 หมื่นบาทนี้ จะถูกแบ่งเป็นค่าจ้างให้กับผู้ประสานงานที่เป็นครู และผู้ที่เกษียณฯ แล้ว รายละ 1 หมื่นบาท ซึ่งเหตุการณ์นี้ เป็นลักษณะคล้ายๆ ตกเบ็ด ถ้าใครสอบได้ก็ตามน้ำ ทำเหมือนได้รับความช่วยเหลือ ผู้ปกครองก็ต้องจ่ายเพิ่มให้อีก 6 แสนบาท ส่วนใครที่สอบไม่ได้ ก็คืนเงินมัดจำ 5 หมื่นบาท โดยครู ด.มีเทคนิคทำให้ผู้เสียหายหลงเชื่อ โดยมีการทำสัญญาเงินกู้ ให้ผู้เสียหายเป็นเจ้าหนี้ คล้ายกับการทำประกันไว้ว่า เงิน 5 หมื่นบาท ไม่ได้หายไปไหน แต่เนื่องจากมีเด็กที่สอบไม่ได้ จึงมีการขอคืนเงิน และมีการจัดประชุมผู้ปกครองเด็ก เมื่อวันที่ 7 ก.ย.ที่ผ่านมา และเด็กได้ถ่ายคลิปในวันประชุมแล้วนำมาร้องเรียน เรื่องนี้จึงถูกเปิดเผยขึ้นมา
จากผลการสืบสวนข้อเท็จจริงพบว่ามีมูล ดังนั้น ข้าราชการครูที่กระทำผิดในเรื่องนี้ ถือว่าผิดวินัยร้ายแรง เพราะคนที่เป็นครูต้องมีจรรยาบรรณ แต่ใช้อำนาจหน้าที่ไปหลอกลวง ปฏิบัติหน้าที่ในทางมิชอบ โดยการเชิญชวนชักจูงให้ผู้อื่นร่วมกระทำความผิด ดังนั้น จึงให้ สพป.สุรินทร์ เขต2 ตั้งกรรมการสอบวินัยอย่างร้ายแรงแล้ว โดยมีอายุความดำเนินการสอบให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี
รองเลขาธิการ กพฐ.กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการกล่าวอ้างถึงผู้ใหญ่ ก็ไม่มีข้อมูล เพราะนายน้ำไม่ได้บอกว่าผู้ใหญ่เป็นใคร และเท่าที่ดูจากรูปนายน้ำแล้ว ไม่ใช่ข้าราชการส่วนกลางของ สพฐ.และครู ม.อ้างว่าเคยพบนายน้ำเป็นติวเตอร์อยู่แถวหน้ามหาวิทยาลัยรามคำแหง ส่วนภาพถ่ายสถานที่ประชุมผู้ปกครองก็เป็นห้องอาหารแห่งหนึ่งใน จ.สุรินทร์ เป็นห้องอาหารที่ดีที่สุด ไม่ใช่พื้นที่สำนักงานเขต ไม่ใช่พื้นที่โรงเรียน รวมถึงยังได้มีการเช็คทะเบียนรถว่าเป็นของใคร ซึ่งอยู่กระบวนการตรวจสอบ เรื่องนี้ สพฐ.ถือเป็นผู้เสียหายด้วย คงต้องดูข้อกฎหมาย หากทำให้เสื่อมเสียทางราชการ ก็สามารถแจ้งความได้ ส่วนคนที่เป็นครู 2 คน ก็ดำเนินการทางวินัยทันที
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้น่าสงสาร เพราะผู้เสียหายบางคนไม่มีเงิน ต้องเอาทองไปจำนำ จึงเกิดการร้องเรียนขึ้น เพราะมีผู้ไม่ได้คืนเงินบางส่วน หลักฐานค่อนข้างชัดเจน ว่าเป็นการตกเบ็ด กินตามน้ำ เพราะหากเขาทำได้จริง ก็คงไม่มีการนำข้อมูลมาเปิดเผย ทั้งนี้ เมื่อมีการเปิดเผยข้อมูลแล้ว ผู้เสียหายอาจจะเพิ่มขึ้น ส่วนจะแจ้งความเอาผิดกับนายน้ำ ได้เมื่อใดนั้น ต้องหารือกับนิติกรก่อน เพราะกรณีนี้ถือว่าเป็นคดีฉ้อโกง หลอกลวง
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี