มท.จี้ผวจ.ทั่วปท.
เข้มกม.สยบต้นตอPM2.5
กทม.ฝุ่นจางลามหนักอีสาน
ดอยเต่าสาหัสมลพิษพุ่งสูง
มท.1 มอบนโยบาย ผู้ว่าฯทั่วปท.เร่งแก้ปัญหาฝุ่นมลพิษที่รุนแรงระดับ 2 จี้ตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์เข้ม บังคับใช้กฎหมายและมาตรการที่ครม.เห็นชอบหลังเป็นวาระแห่งชาติ เน้นลดแหล่งต้นกำเนิด โดยเฉพาะรถควันดำ เผาที่โล่งด้าน ตร.จับมือ คพ.ตั้งจุดตรวจวัดค่าควันดำ ลดฝุ่น 33 จุดรอบกทม. เผย 23 วันตั้งด้าน จับรถปล่อยมลพิษ 8,284 ราย สภาพอากาศกทม.โปร่ง ฝุ่นเกินมาตรฐานเขตเดียว ขณะที่อีสานเตรียมรับมือ PM 2.5 พุ่งอีกระลอก เหนือที่ดอยเต่า จ.เชียงใหม่สาหัสพุ่ง354 มคก.
เมื่อวันที่ 24 มกราคม ที่กระทรวงมหาดไทย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะผู้บัญชาการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ (ผบ.บกปภ.ช.) กล่าวระหว่างประชุมมอบนโยบายผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศตอนหนึ่งถึงการแก้ปัญหาฝุ่นขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอน หรือ PM 2.5 ว่า หลังคณะรัฐมนตรี (ครม.)มีมติช่วงต้นปี 2562 กำหนดให้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เป็นวาระแห่งชาติ และทำแผนขับเคลื่อนแก้ปัญหา ผู้ว่าฯในฐานะผู้บัญชาการเหตุการณ์ต้องยึดแผนปฏิบัติการฯนี้เป็นหลัก ร่วมกับแผนป้องและบรรเทาสาธารณภัยแห่งชาติ ได้แก่ 1. มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพจัดการเชิงพื้นที่ 2.การป้องกันและลดมลพิษที่ต้นทาง และ3.เพิ่มประสิทธิภาพบริหารจัดการมลพิษ โดยแผนเผชิญเหตุในช่วงวิกฤติตามที่กำหนดไว้ 4 ระดับคือ ระดับที่ 1 ระดับปริมาณฝุ่นละอองมีค่าไม่เกิน 50 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร (มคก./ลบ.ม.) ระดับที่ 2 ระดับที่ปริมาณฝุ่นละอองมีค่าระหว่าง 51-75 มคก./ลบ.ม.ระดับที่ 3 ระดับที่ปริมาณฝุ่นละอองมีค่าระหว่าง 76-100 มคก./ลบ.ม. และระดับที่ 4 ระดับปริมาณฝุ่นละอองมีค่ามากกว่า 100 มคก./ลบ.ม. ดังนั้น ผู้ว่าฯและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ต้องสั่งการแก้ปัญหา ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ ระดับฝุ่นละออง และความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่
พล.อ.อนุพงษ์กล่าวว่าขณะนี้สถานการณ์ฝุ่นอยู่ในระดับ 2 ผู้ว่าฯต้องตั้งศูนย์บัญชาการเหตุการณ์และติดตามข้อมูลจากกรมควบคุมมลพิษ เพื่อวิเคราะห์ติดตามสถานการณ์ และนำมาตรการตามแผนมาบังคับใช้อย่างเข้มข้น บังใช้กฎหมายเคร่งครัดให้เกิดผลเป็นรูปธรรม โดยให้เน้นมาตรการป้องกันและลดเกิดมลพิษที่ต้นทางหรือแหล่งกำเนิด เช่น ต้องมีมาตรการตรวจสอบควบคุมรถควันดำ กำหนดพื้นที่จำกัดเวลารถบรรทุกเข้ามาในพื้นที่มีฝุ่นเกินมาตรฐาน การจำกัดการเผา ห้ามเผาในที่โล่ง และควบคุมดูแลโรงงานอุตสาหกรรมและการก่อสร้าง นอกจากนี้ ยังต้องประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนร่วมมือลดฝุ่น พร้อมย้ำว่ารัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาฝุ่นพิษเป็นวาระเร่งด่วนระดับชาติ ที่ต้องแก้ไข โดยใช้มาตรการที่เหมาะสมกับสถานการณ์และพื้นที่
ด้านศูนย์ประสานงานและแก้ปัญหามลพิษทางอากาศในกรุงเทพมหานคร รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอนหรือ PM 2.5โดยกองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม กทม. สรุปผลตรวจวัด PM2.5 น ค่าเฉลี่ย 24 ชั่วโมง ตรวจวัดได้ 27 -55 มคก./ลบ.ม.พบว่าเกินมาตรฐานที่ 50 มคก./ลบ.ม. 1พื้นที่คือ เขตวังทองหลาง ด้านหน้าปั๊มน้ำมัน เอสโซ่ ซ.ลาดพร้าว 95 มีค่าเท่ากับ55มคก./ลบ.ม.ดัชนีคุณภาพอากาศของสถานีตรวจวัดของกรุงเทพมหานคร ส่วนใหญ่อยู่ในระดับปานกลาง มีเพียงเขตวังทองหลางที่มีคุณภาพอากาศเริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ คุณภาพอากาศปานกลาง ประชาชนทั่วไปสามารถทำกิจกรรมกลางแจ้งได้ตามปกติ ผู้ที่ต้องดูแลสุขภาพเป็นพิเศษควรลดระยะเวลาทำกิจกรรมกลางแจ้ง
วันเดียวกัน ที่หน้าศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ถ.รัชดาภิเษก พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. พล.ต.ต.คมศักดิ์ สุมังเกษตร ผบก.จร. แถลงถึงการตั้งจุดตรวจวัดค่าควันดำ เพื่อลดปริมาณฝุ่น PM 2.5 รอบกรุงเทพฯรวม 33 จุด และเปิดบริการตรวจวัดควันดำรถยนต์ฟรี 3 จุด พร้อมสุ่มตรวจวัดควันรถยนต์สาธารณะทั้งหมด 3 คัน ซึ่งพบว่าผ่านเกณฑ์ทั้งหมด โดย พล.ต.ต.จิรสันต์ย้ำว่าหลังครม. มีมติเห็นชอบแผนปฏิบัติการแก้ปัญหาฝุ่นหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องทั้งกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กรมการขนส่งทางบกและกองทัพภาคที่ 1 ร่วมตั้งจุดตรวจวัดฝุ่นละอองรอบกรุงเทพฯ 33 จุด มีเครื่องมือของตำรวจ 17 จุด และของกรมการขนส่งทางบก 16 จุด เน้นตั้งจุดตรวจบนถนนที่มีปริมาณฝุ่นละอองสูงเป็นหลัก สำหรับผลปฏิบัติตั้งแต่วันที่ 1-23 มกราคมที่ผ่านมา ได้จับกุมผู้ขับขี่รถยนต์ควันดำไป 8,284 ราย เพิ่มขึ้นจากเดือนธันวาคม 2562 ที่มี 7,000 ราย ส่วนมากเป็นรถขนาดใหญ่ เช่นรถบัส รถบรรทุกสิบล้อขึ้นไปกว่าร้อยละ 60
ที่ราชบัณฑิตยสภา ศ.นพ.สุรพล อิสรไกรศีล นายกราชบัณฑิตยสภา พร้อม ศ.ดร.นสพ. ณรงค์ศักดิ์ ชัยบุตร ประธานสำนักวิทยาศาสตร์และราชบัณฑิต ร่วมแถลงข้อมูลใหม่ สถานการณ์ภาวะมลพิษฝุ่น PM2.5 ซึ่งราชบัณฑิตสำนักวิทยาศาสตร์ติดตามทำวิจัยเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก และปัญหาฝุ่น PM 2.5 มาต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2561 เพราะเป็นปัญหาส่งผลกระทบต่อสุขภาพประชาชน
ศ.นพ.สุรพลกล่าวว่าจากผลศึกษาปัญหาฝุ่น PM 2.5ของกทม.และปริมณฑลเดือนมกราคมปีนี้ พบสถานการณ์มลพิษอากาศ PM 2.5 รุนแรงเกินค่ามาตรฐานหลายจุด รุนแรงสุดช่วงวันที่ 5-12 มกราคมและวันที่ 18-22 มกราคม ตรวจวัดค่า PM2.5 เฉลี่ย 24 ชั่วโมงอยู่ที่ 37- 109 มคก./ลบ.ม.จากค่ามาตรฐานไม่เกิน 50 มคก./ลบ.ม. แต่ไม่พบความผิดปกติของปรากฏการณ์ฝาชีอากาศ ผกผันคู่เหมือนกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่ทำให้ค่ามลพิษอากาศ PM 2.5 ของปีที่แล้วรุนแรงสูงผิดปกติต่อเนื่องทั้งเดือน
ศ.ดร.ธนวัฒน์ จารุพงษ์สกุล ราชบัณฑิต กล่าวว่าสถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 ของกทม.และปริมณฑลช่วงสัปดาห์นี้ ตั้งแต่วันที่ 20-26 มกราคม หากไม่มีความแปรปรวนของลักษณะอากาศที่ผิด ปกติเกิดขึ้น ในช่วงเวลานี้สถานการณ์น่าจะยังทรงตัวอยู่ในระดับความรุนแรงเกินค่ามาตรฐาน โดยเฉพาะช่วงเช้าเวลา 07.00-10.00 น. จากนั้นจะลดต่ำลงเนื่องจากอากาศและฝุ่นลอยตัวสูงขึ้นไปสะสมที่อากาศผกผันเบาบางในระดับความสูงที่ 10,000 ฟุตและบางวันอาจจะมีค่าฝุ่น PM 2.5 ในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลช่วงเวลา 10.00- 18.00น. มีค่าสูง ไม่ลดลงเนื่องจากมีลมตะวันออกตะวันออกเฉียงเหนือพัดฝุ่นจากทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างและภาคตะวันออกร วมถึงประเทศเพื่อนบ้านเข้ามาเพิ่มขึ้น
“สถานการณ์จะดีขึ้นตั้งแต่เย็นวันนี้เป็นต้นไป เนื่องจากจะมีลมตะวันตกเฉียงใต้และลมใต้พัดเข้ากทม.วันที่ 25 และ 26 มกราคม ทำให้ปัญหาฝุ่นในกรุงเทพฯลดความเข้มข้นลงระดับน้อยกว่าค่ามาตรฐาน แต่จะไปทำให้เกิดปัญหาในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จะมีความรุนแรงมากขึ้น ค่าฝุ่น PM 2.5 จะอยู่ที่ประมาณ 50-70 มิลลิกรัมต่อลูกบาศก์เมตรโดยเฉพาะในจังหวัดใหญ่ เช่น ขอนแก่น ขอให้ประชาชนเตรียมรับมือกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น” ศ.ดร.ธนวัฒน์กล่าว
พร้อมเสนอมาตรการเร่งด่วน ที่รัฐบาลควรดำเนินการทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ให้ทุกภาคส่วนเข้าใจปัญหาควรเริ่มมาตรการลดฝุ่นตั้งแต่แหล่งกำเนิดไม่ควรให้ปัญหาอยู่ในขั้นวิกฤตแล้วค่อยโดยมาตรการที่เห็นผลคือจำกัดปริมาณรถยนต์ส่วนตัวเข้าเมือง หรือเหลื่อมเวลาทำงานช่วงเกิดปัญหาฝุ่นรุนแรงเวลา 07.00-10.00 น.ควรออกกฎหมายจัดการการเผาวัสดุมวลชีวภาพและเผาขยะในที่โล่งอย่างเป็นระบบไม่ระทบวิถีทำเกษตรกรรมของสังคมไทย
อีกด้านหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ฝุ่นควันไฟป่าหลายจังหวัด ยังน่าเป็นห่วง ที่จ.เชียงใหม่ คุณภาพอากาศพื้นที่ทางตอนใต้ ยังวิกฤต ค่ามลพิษยังสูงเกินมาตรฐานหลายเท่า โดยเฉพาะต.บงตัน อ.ดอยเต่าช่วงเช้าวันนี้ วัดค่าPM 2.5 ได้ 354 มคก./ลบ.ม. อยู่ในระดับสีน้ำตาล มีผลกระทบต่อสุขภาพ ส่วนในตัวเมืองเชียงใหม่ ที่ต.ช้างเผือกและตำบลศรีภูมิ PM 2.5 อยู่ในระดับคุณภาพอากาศดี โดยยังใช้พื้นที่บนอาคารสูงกว่า 20 แห่งฉีดพ่นละอองน้ำช่วยลดหมอกควัน โดยวันนี้ พบจุดความร้อน ถึง 77 จุด ส่วนใหญ่เป็นไฟป่าในอำเภอรอบนอก ขณะที่ตำรวจจับกุมผู้ฝ่าฝืนประกาศจังหวัดห้ามเผาในที่โล่ง ดำเนินคดีไปแล้ว 8 ราย.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี