เปิดผลวิเคราะห์‘โควิด’ สธ.กางแผน‘ล็อกเป้า’รุกหาผู้ติดเชื้อในกทม. ตั้ง‘จุดเซอร์วีแล้นซ์’คัดกรองทุกคน
8 เมษายน 2563 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวในการแถลงสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) ในไทย ว่า วันนี้พบผู้ป่วยรายใหม่ 111 ราย แยกออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มภายในประเทศ และภายใต้ระบบการเฝ้าระวัง ตลอดจนระบบตรวจจับผู้ป่วยที่ไปสถานบริการหรือสถานพยาบาล ซึ่งพบผู้ป่วย 69 ราย นอกจากนี้ยังมีระบบรองรับผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือชาวต่างชาติ ทุกคนจะต้องถูกกักกันในสถานที่รัฐจัดการให้หรือ State quarantine ในวันนี้(8 เมษายน 2563) จำนวนนี้มี 42 ราย ซึ่งทั้งหมดเป็นผู้ที่เดินทางกลับมาจากอินโดนีเซีย โดยกลุ่มดังกล่าวทั้งหมดได้ถูกนำส่งโรงพยาบาล เพื่อทำการแยกกักและจะดูแลจนกระทั่งหาย
นายแพทย์สุวรรณชัย ระบุว่า นับจากวันนี้เป็นต้นไประบบข้อมูลของ ประเทศจะแยกออกเป็น 2 กลุ่มชัดเจน คือ กลุ่มผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นคนไทยหรือต่างชาติ เราจะปรับวิธีการจัดการ จะไม่ปล่อยให้บุคคลดังกล่าวไปกักตัวหรือเดินทางเองทั้งสิ้น คนทุกคนจะต้องถูกกักกันในสถานที่รัฐกำหนด แต่หากผู้ใดมีอาการไข้ หรือมีอาการโรคระบบทางเดินหายใจ และตรวจพบเชื้อพวกนี้จะถูกแยกออกมาไปแยกกักในโรงพยาบาลเพื่อทำการดูแลรักษาต่อไป ภายใต้ระบบนี้หมายความว่านับจากนี้เป็นต้นไป ที่เรียกว่า “ต้อนข้อมูล” ส่วนหนึ่งซึ่งจะไปเติมผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศ ที่จะต้องถูกกักกันภายใต้สถานที่รัฐกำหนด ถ้ามาตรการเรื่องการลดเชื้อ ลดความเสี่ยงที่เข้าประเทศดำเนินการได้อย่างจริงจัง ตัวกลุ่มนี้ก็จะลดลงเรื่อยๆจนกระทั่งเราคาดว่าจะเป็น “ศูนย์”
สำหรับกลุ่มก้อนข้อมูลอีกส่วน เป็นระบบเฝ้าระวัง และคัดกรองค้นหาผู้ป่วยทั้งในสถานพยาบาลและชุมชน ซึ่งปัจจุบันสถานการณ์ในส่วนนี้ดีขึ้นตามลำดับ โดยเราพบว่าใน กทม. ที่แต่เดิมมีผู้ป่วยจำนวนมาก มีจำนวนลดลงตามลำดับแล้ว ขณะที่ในส่วนภูมิภาค ตั้งแต่มีการรายงานพบผู้ป่วยรายแรกที่ระบาดเป็นกลุ่มก้อน ซึ่งเกิดที่สถานบันเทิงและสนามมวยใน กทม. หลังจากนั้นกระจายออกไปยังภูมิภาค และก็เกิดการป่วยจนแพร่ระบาด
อย่างไรก็ตาม จากมาตรการการปิดสถานที่ ทำให้ผู้คนส่วนหนึ่งเดินทางกลับบ้านที่ต่างจังหวัด ซึ่งเราได้มีระบบการตรวจจับเฝ้าระวังและค้นหาในทุกจังหวัด โดยผู้ว่าราชการจังหวัดและภาคีทุกภาคส่วน ซึ่งสามารถเฝ้าระวัง จึงทำให้พบบุคคลเหล่านั้นพ้นระยะเวลา 14 วัน พบคนที่มีไข้นำมาตรวจวินิจฉัยและใครที่ป่วยก็นำมาเข้าโรงพยาบาล ส่วนคนที่ไม่ป่วยไม่ต้องเข้า รพ. สำหรับคนที่มีอาการไข้แต่ไม่มีเชื้อ เราก็จะให้การรักษาไปตามโรคนั้นจนหาย ซึ่งสถานการณ์ในส่วนของคนที่อยู่ในประเทศสามารถควบคุมได้ และดีขึ้นตามลำดับ โดยอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน และที่สำคัญมาตรการที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศปิดสถานที่ ลดการเคลื่อนย้าย เคอร์ฟิว และอื่นๆส่งผลให้เห็นชัด
ทั้งนี้ จะเห็นชัดว่าพื้นที่พบผู้ป่วยสัมพันธ์กับต่างชาติ คือ พื้นที่ท่องเที่ยว ซึ่งในส่วนนี้เราได้ขยายการเฝ้าระวังและขยายการตรวจทางห้องปฏิบัติการให้ครอบคลุมความเสี่ยงจากการเดินทางไป หรือเดินทางกลับมาจากทุกประเทศทั่วโลก
ขณะที่ในส่วนจังหวัดอื่นๆที่ผู้ป่วยรายแรกมีประวัติเสี่ยงสัมพันธ์กับการระบาดในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ตามลำดับ แม้ว่าการระบาดภายในประเทศจะดำเนินการควบคุมได้ดีขึ้นมาตามลำดับ แต่เรายังคงมีพื้นที่จำนวนหนึ่งที่ต้องควบคุมโรคอย่างเข้มข้น
“วันนี้ผู้ป่วยรายใหม่ที่มาจากระบบ เฝ้าระวังและระบบบริการจำนวน 69 ราย ซึ่งในจำนวนนี้ส่วนหนึ่งมาจากที่เราเรียกว่าระบบการค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก Active Case finding ซึ่งจะเห็นว่าจังหวัดภูเก็ต มีปัญหาการระบาดคล้ายกับ กทม. เนื่องจากเป็นจังหวัดท่องเที่ยวเหมือนกัน คือ มีผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศที่มีความเสี่ยงเข้ามา และมีเงื่อนไขของสถานที่กับเงื่อนไขกิจกรรม คือ สถานบันเทิง ซึ่งสถานบันเทิงที่สำคัญ จ.ภูเก็ต อยู่ย่าน ต.บางลา อ.ป่าตอง พบผู้ป่วยมากขึ้นตามลำดับ ซึ่งพบว่าสัมพันธ์กับระยะฟักตัวของโรค แม้จะมีการปิดสถานบันเทิงไปแล้วก็ตาม แต่เกิดเหตุการณ์ติดเชื้อก่อนหน้านี้ จึงยังเห็นภาพของผู้ป่วยที่เพิ่มมากขึ้นตามลำดับ” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว
อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวอีกว่า จ.ภูเก็ต ได้ปิดช่องทางเข้าออก ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา แต่ยังคงพบสถานการณ์ผู้ติดเชื้อดำเนินอย่างต่อเนื่อง แม้จะปิดในส่วนเรดโซน หรือ Super Red โซน ในย่าน ต.บางลา ย่านป่าตอง และบริเวณพื้นที่รอบๆ ส่วนออเร้นท์โซน อ.กระทู้ และดูแลทั้งจังหวัดในส่วนที่เรียกว่าเยลโล่โซน ทั้งนี้ก็จะเห็นได้ว่าจำนวนผู้ป่วยลดลงตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้นิ่งนอนใจและได้ขยายนิยาม การสอบสวนและนำไปสู่การค้นหาผู้ป่วยเชิงรุก ในจำนวนนี้เราได้เก็บตัวอย่างมากกว่า 1,500 ตัวอย่าง ในคนที่ไม่มีอาการหรือมีอาการเล็กน้อย ซึ่งนำมาสู่การค้นพบผู้ติดเชื้อที่นำไปแยกกักและเจอคนที่เป็นกลุ่มเสี่ยงแม้ว่า จะไม่มีเชื้อก็ต้องนำไปกักกันหลักพันคนขึ้นไป ซึ่งเราเชื่อว่า ผลการตรวจ Active Case finding ก็จะออกมาเรื่อยๆ ควบคู่ไปกับผลการควบคุม โรคของจังหวัดภูเก็ตที่จะดีขึ้นตามลำดับ
สำหรับเขตภูมิภาคบางส่วนที่มีความคล้ายกับจังหวัดภูเก็ต อย่างกรณี 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และบางส่วนที่เป็นแหล่งพื้นที่ท่องเที่ยวเดิม เช่น พัทยา เป็นต้น ที่จะต้องจับตาและเฝ้าระวัง โดยในส่วนของ กทม. ที่สถานการณ์ผู้ติดเชื้อ ลดลงมากตามลำดับนั้น จะสัมพันธ์กับสถานบันเทิงย่านทองหล่อ ปิดบริการ สนามมวย วันนี้ได้ดำเนินการมาตรการควบคุมทั้ง Non health Sector และ health Sector ควบคู่กันไป ซึ่งในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ถือว่าควบคุมได้ แต่ถัดจากนี้ยังไม่ได้นิ่งนอนใจโดยจะมีการหารือในส่วนพื้นที่ กทม.ควบคุม
“ส่วนที่พี่น้องประชาชนถามว่าทำไมไม่ให้ประชาชนเข้าถึงการตรวจห้องตรวจปฏิบัติการเพิ่มมากขึ้นนั้น ยืนยันว่าไม่จำเป็นต้องตรวจปูพรม โดยในพื้นที่ กทม.จะทำเหมือนที่ภูเก็ต คือ ค้นหาผู้ติดเชื้อเชิงรุกในพื้นที่ที่เราชี้เป้า เรารับรู้ว่ามีการระบาด ขณะเดียวกันจะเกิดมีการเฝ้าระวังในจุดเซอร์วีแล้นซ์ โดยจะมีการตรวจทุกคนแม้จะไม่มีไข้ อาการปกติ เพื่อตรวจจับดูว่ายังคงมีผู้ติดเชื้อแฝงอยู่หรือหลงเหลืออยู่หรือไม่ในกลุ่มประชากรของกทม.หรือไม่” อธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าว
นายแพทย์สุวรรณชัย กล่าวอีกว่า สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศที่จะต้องอยู่สถานที่กักตัวเพื่อเฝ้าสังเกตอาการโดยรัฐ 14 วันนั้น ข้อมูลในวันนี้ 1,883 ห้อง สถานที่หน่วยงานราชการจัดไว้ให้ 2 แห่งมีจำนวน 136 ห้อง ขณะนี้มีผู้เข้าพักแล้ว 358 คน ประกอบไปด้วย โรงเรียนการบินกำแพงแสน 36 ห้อง มีคนเข้ากักตัว 75 คน และอาคารรับรองที่สัตหีบมีจำนวน 100 ห้อง มีผู้เข้ากักกันตัว 283 คน ส่วนภาคเอกชนมีห้องรองรับ 1,747 ห้อง มีผู้เข้ากักกัน 370 คน จึงยังมีห้องเหลือมากกว่า 1,400 ห้อง ที่จะรองรับผู้ที่เดินทางมาจากต่างประเทศเข้าไทยทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เพื่อกักกักกันตัว 14 วัน เพื่อลดการแพร่เชื้อไปยังคนไทยที่อยู่ในประเทศ เป็นมาตรการลดเชื้อและการแพร่ระบาดที่มาจากต่างประเทศตามที่นายกฯให้ความสำคัญสูงสุดเพื่อประชาชนมีความอุ่นใจ
อย่างไรก็ตาม ภายในประเทศต้องอาศัยประชาชนให้ความร่วมมือใน 3 เรื่อง 1.สวมใส่หน้ากากตลอด 2.ล้างมือบ่อยๆแยกข้าวของเครื่องใช้ 3.อย่าลืมเว้นระยะห่างทางสังคม1เมตรทุกครั้ง และที่สำคัญลดการเคลื่อนย้ายที่ไม่จำเป็นโดยเฉพาะเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ คนมีโรคประจำตัวและอย่านำเชื้อโรคไปหาคนที่เรารัก และคนที่บ้าน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี