"อนุทิน"เยี่ยมชมระบบดูแลผู้ป่วยโควิด-19ม.ธรรมศาสตร์ ชื่นชมคณาจารย์แพทย์คิดค้นนวัตกรรมเทคโนโลยีสนับสนุนการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 เผยสธ.จะติดตามสถานการณ์"กทม.-ภูเก็ต-3จังหวัดชายแดนใต้"ใกล้ชิดเข้มข้นมากขึ้น เพื่อให้มั่นใจว่าจำกัดวงการระบาดไม่ให้กระจายออกนอกพื้นที่
เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2563 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ภายหลังการเยี่ยมชมระบบการดูแลรักษาผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และโรงพยาบาลสนาม ที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ จ.ปทุมธานี ว่าได้นำทีมกระทรวงสาธารณสุข มาหารือกับคณะแพทยศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ เพื่อหาแนวทางสนับสนุนการทำงานซึ่งกันและกันในการดูแลรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ทางคณาจารย์ได้คิดค้นรูปแบบ เวชภัณฑ์ อุปกรณ์ต่างๆ เช่น เทเลเมดดิซีน หุ่นยนต์ แอปพลิเคชัน clicknic วัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ เพื่อสนับสนุนนวัตกรรมดังกล่าว จึงมีนโยบายให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และอย. เร่งรับรองคุณภาพให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย ผู้ใช้มั่นใจ และเมื่อมีรายงานผลการศึกษาถึงประสิทธิผลในทางการแพทย์ จะนำไปขยายผลให้มีการใช้ในโรงพยาบาลทั่วประเทศต่อไป
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สำหรับการดูแลรักษาผู้ป่วย ทางโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ได้จัดระบบเป็น SMART COVID HOSPITAL มีระบบนัดหมายทางโทรศัพท์ 029269022 คิวอาร์โค้ด และผ่านแอปพลิเคชัน clicknic ซึ่งมีระบบล็อคด้วย GPS และระบบการติดตามอาการ (follow up) กับสหวิชาชีพ จะมีการคัดกรองด้วยแบบสอบถามเบื้องต้น แบ่งเป็นระดับเสี่ยงต่ำ เสี่ยงกลาง และเสี่ยงสูง หากประเมินว่าอยู่ในระดับที่มีความเสี่ยงสูงจะส่งต่อไปปรึกษากับอาจารย์แพทย์ด้วยระบบวีดีโอคอล ซึ่งมีทีมอาจารย์แพทย์ให้คำปรึกษา 107 ท่าน และหากต้องได้รับการตรวจหรือต้องเก็บสิ่งส่งตรวจจะมีระบบการนัด ช่วยลดแออัดผู้ป่วยที่ต้องมารับบริการที่โรงพยาบาล โดยทางโรงพยาบาลธรรมศาสตร์สำรองเตียงรองรับผู้ป่วยโควิด-19 จำนวน 57 เตียง และโรงพยาบาลสนาม 308 เตียง
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ในช่วงสัปดาห์นี้ พบว่าผู้ป่วยโรคโควิด-19 มีแนวโน้มลดลง ส่วน จังหวัดที่พบผู้ป่วยมากคือ กทม. ภูเก็ต และ 3 จังหวัดชายแดนใต้ กระทรวงสาธารณสุขจะลงไปดูแลสถานการณ์ใกล้ชิดเข้มข้นมากขึ้น เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจำกัดวงการระบาดไม่ให้กระจายออกจากพื้นที่ สำหรับในกทม. มีการบูรณาการร่วมกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราช รามาธิบดี จุฬาลงกรณ์ ธรรมศาสตร์ กทม. โรงพยาบาลเอกชน โดยกรมการแพทย์ เป็นผู้ประสานงาน หลังจากที่รัฐบาลได้ใช้มาตรการเข้มข้น เช่น เคอร์ฟิว ไม่ให้เปิดผับบาร์ ห้ามการรวมกลุ่ม จำกัดการเดินทาง ประชาชนอาจไม่สะดวกบ้าง รัฐบาลทราบปัญหาทุกอย่างดีว่าประชาชนมีความเดือดร้อน แต่เราต้องทำทุกอย่างเพื่อหยุดการระบาดของโรค ขอให้ประชาชนเข้าใจ ให้ความร่วมมือระมัดระวังตัว ทำงานจากบ้าน
เว้นระยะห่างทางสังคมเพิ่มขึ้น ก็จะกลับมาเป็นปกติในที่สุด
"ส่วนมาตรการงดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่หลายจังหวัดได้ดำเนินการทำให้งดการสังสรรค์ มีส่วนช่วยในการเว้นระยะห่างทางสังคม ถือว่าการเว้นระยะห่างทางสังคมเป็นวัคซีนที่ดีที่สุดในการสู้กับโรค เพราะโรคโควิด-19 ติดไปกับคน ซึ่งมีผลการศึกษาชัดเจนว่าเมื่อประชาชนร่วมมือรักษาระยะห่าง ลดการสัมผัส กอด ทักทาย อัตราการติดเชื้อก็จะลดลง นอกจากนี้ ขอให้ผู้ป่วยบอกประวัติกับแพทย์ให้ชัดเจน อย่าปิดบัง เพราะอาจทำให้บุคลกรทางการแพทย์ที่ดูแลติดเชื้อไปด้วย ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือจากประชาชนเป็นอย่างดี ต้องขอขอบคุณ เราผ่านพ้นวิกฤตนี้ไปได้" นายอนุทิน กล่าว
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี