กรมฝนหลวงฯ เปิดโครงการโปรยเมล็ดพันธุ์พืชทางอากาศสร้างความชื้นสัมพัทธ์ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
16 กรกฎาคม 2563 เวลา 09.00 น. พลเรือเอก ปวิตร รุจิเทศ ผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน เป็นประธานในพิธีโครงการโปรยเมล็ดพันธุ์พืชทางอากาศสร้างความชื้นสัมพัทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 28 กรกฎาคม 2563 ซึ่งจัดโดยศูนย์อำนวยการใหญ่จิตอาสาพระราชทาน ร่วมกับกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เพื่อสืบสานศาสตร์ตำราฝนหลวงพระราชทานและเพิ่มพื้นที่ป่าไม้ในการสร้างความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศ เพิ่มโอกาสการเกิดฝน เพื่อการปฏิบัติการฝนหลวงประสบผลสัมฤทธิ์เพิ่มมากขึ้น รวมถึงเป็นแหล่งอาหารของสัตว์ป่าในการดำรงชีวิตและการใช้ประโยชน์สำหรับชุมชน ณ อาคารเอนกประสงค์ กองบิน 46 อำเภอเมือง จังหวัดพิษณุโลก
นายสุรสีห์ กิตติมณฑล อธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เปิดเผยว่า “ศาสตร์ตำราฝนหลวงพระราชทาน” ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ที่ทรงพระราชทานไว้มีคุณค่าคุณูปการสำหรับการพัฒนาประเทศชาติและสร้างความสุขให้แก่ประชาชน จึงมีพระราชประสงค์ให้ศึกษาและน้อมนำพระราชดำริต่างๆ ไปสู่การปฏิบัติให้ถูกต้องเหมาะสมและพอเพียงทันต่อสถานการณ์ ในปี 2563 กรมฝนหลวงและการบินเกษตร จึงได้นำมาเผยแพร่แก่หน่วยงานรัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และประชาชนทั่วไป เพื่อสร้างความเข้าใจแนวพระราชดำริ และน้อมนำสู่การปฏิบัติจากพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง "พระเจ้าอยู่หัวเป็นน้ำ ฉันจะเป็นป่า ป่าที่ถวายความจงรักภักดีต่อน้ำ พระเจ้าอยู่หัวสร้างอ่างเก็บน้ำ ฉันก็จะสร้างป่า" แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยต่อปัญหาวิกฤตการณ์ด้านทรัพยากรธรรมชาติป่าไม้ที่ถูกทำลายซึ่งนับวันจะทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้น
ซึ่งมีสาเหตุส่วนใหญ่มาจากความต้องการใช้ที่ดินทำกินและความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ของราษฎรที่เข้าไปบุกรุกทำลายพื้นที่ป่าไม้เพื่อทำการเกษตร ตลอดจนการล่าสัตว์ป่าเพื่อนำมาเป็นอาหาร ทำให้ปัจจุบันพื้นที่ป่าไม้ในประเทศไทยถูกทำลายมากขึ้นทุกปี ส่งผลกระทบต่อระบบนิเวศในธรรมชาติและความแปรปรวนของสภาพอากาศ เช่น ความชื้นสัมพัทธ์ในอากาศลดลง กระบวนการเกิดฝนและปริมาณน้ำฝนตามธรรมชาติ มีค่าผิดปกติตามมา จึงจำเป็นต้องมีการแสวงหาวิธีการและความร่วมมือร่วมใจของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน ในการอนุรักษ์ป่าไม้ไม่ให้ถูกทำลายเพิ่มขึ้น และการฟื้นฟูสภาพผืนป่าที่ถูกทำลายให้กลับคืนสู่สภาพเดิม โดยในบางครั้งไม่สามารถดำเนินการเข้าถึงพื้นที่ป่าทางภาคพื้นได้ จึงจำเป็นจะต้องมีการบูรณาการจากหน้าที่ความรับผิดชอบหลักของแต่ละหน่วยงาน เพื่อให้การฟื้นฟูผืนป่าให้เกิดประสิทธิภาพและเป็นไปตามวัตถุประสงค์ตามพระราชเสาวนีย์
นายสุรสีห์ กล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโครงการโปรยเมล็ดพันธุ์พืชทางอากาศสร้างความชื้นสัมพัทธ์เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการฝนหลวง เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือได้ว่าเป็นโครงการหนึ่งในการสร้างความสมบูรณ์ให้แก่ทรัพยากรป่าไม้ ซึ่งทุกฝ่ายตระหนักในคุณค่าของป่าต้นน้ำ และน้อมนำแนวพระราชดำริไปเป็นแนวทางในการสร้างความเข้าใจและการมีส่วนร่วมของประชาชนเพื่อรักษาระบบนิเวศ ป่าไม้ และสิ่งแวดล้อม ซึ่งกรมฝนหลวงและการบินเกษตรได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย
กรมป่าไม้ ให้การสนับสนุนเมล็ดพันธุ์พืช จำนวน 12 ชนิด ได้แก่ มะค่าโมง สมอไทย ประดู่ กระบก แดง สนสามใบ มะขามป้อม มะค่าแต้ สาธร เพกา ชัยพฤกษ์ และตะแบกนา รวมจำนวนทั้งสิ้น 400 กิโลกรัม กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้การสนับสนุนข้อมูลเพื่อกำหนดพื้นที่เป้าหมายโปรยเมล็ดพันธุ์พืชบริเวณพื้นที่อุทยานแห่งชาติต่างๆ ทั่วประเทศ และนอกจากนี้ ยังได้รับการสนับสนุนสถานที่และกำลังพลในการปั้นเมล็ดพันธุ์พืชจากเหล่าทัพ ได้แก่ กองบิน 41 จ.เชียงใหม่ มณฑลทหารบกที่ 310 จ.ตาก กองบิน 46 จ.พิษณุโลก มณฑลทหารบกที่ 31 จ.นครสวรรค์ กรมทหารราบที่ 8 จ.ขอนแก่น กองทัพภาคที่ ๒ จ.นครราชสีมา และค่ายพระมหาเจษฎาราชเจ้า จ.ชลบุรี
อย่างไรก็ตาม สำหรับด้านการปฏิบัติการโปรยเมล็ดพันธุ์พืชบริเวณพื้นที่ผืนป่าอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า จะดำเนินการโดยความรับผิดชอบของศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวง 7 ศูนย์ ดังนี้
- ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดเชียงใหม่ โปรยเมล็ดพันธุ์พืช จำนวน 2 ชนิด ได้แก่ มะค่าโมง จำนวน 41 กิโลกรัม และสมอไทย จำนวน 5 กิโลกกรัม ณ บริเวณ อุทยานแห่งชาติศรีลานนา จังหวัดเชียงใหม่ และหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จ.ตาก โปรยเมล็ดพันธุ์พืช จำนวน 2 กิโลกรัม ได้แก่ มะค่าโมง จำนวน 20 กิโลกรัม และประดู่ จำนวน 2 กิโลกรัม ณ อุทยานแห่งชาติดอยสอยมาลัย จังหวัดตาก
- ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคเหนือตอนล่าง จังหวัดพิษณุโลก โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง
จังหวัดพิษณุโลก โปรยเมล็ดพันธุ์พืช จำนวน 4 ชนิด ได้แก่ สนสามใบ จำนวน 5 กิโลกรัม แดง จำนวน 2 กิโลกรัม ประดู่ 5 กิโลกรัม และกระบก จำนวน 30 กิโลกรัม ณ พื้นที่อุทยานน้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์
- ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคกลาง จังหวัดนครสวรรค์ โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวง จังหวัดลพบุรีและกาญจนบุรี โปรยเมล็ดพันธุ์พืช จำนวน 2 ชนิด ได้แก่ มะค่าโมง จำนวน 60 กิโลกรัม และประดู่ จำนวน 3 กิโลกรัม ณ พื้นที่อุทยานแห่งชาติพุเตย จ.สุพรรณบุรี
- ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน จังหวัดขอนแก่น โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดนครราชสีมา ขอนแก่น โปรยเมล็ดพันธุ์พืชจำกระบก จำนวน 40 กิโลกรัม ณ พื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง จังหวัดเลย
- ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดอุดรธานีและบุรีรัมย์ โปรยเมล็ดพันธุ์พืช จำนวน 4 ชนิด ได้แก่ มะค่าโมง จำนวน 20 กิโลกรัม มะขามป้อม จำนวน 2 กิโลกรัม มะค่าแต้ จำนวน 23 กิโลกรัม และสาธร จำนวน 20 กิโลกรัม ณ พื้นที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา
- ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคตะวันออก จังหวัดระยอง โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัดระยอง โปรยเมล็ดพันธุ์พืช จำนวน 4 ชนิด ได้แก่ มะค่าโมง 35 กิโลกรัม ตะแบกนา 10 กิโลกรัม สมอไทย จำนวน 5 กิโลกรัม และเพกา จำนวน 5 กิโลกรัม ณ พื้นที่อุทยานแห่งชาติทับลาน จ.ปราจีนบุรี
- ศูนย์ปฏิบัติการฝนหลวงภาคใต้ จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงจังหวัด
สุราษฎร์ธานี โปรยเมล็ดพันธุ์พืช จำนวน 3 ชนิด ได้แก่ มะค่าโมง จำนวน 44 กิโลกรัม ตะแบกนา 11 กิโลกรัม และชัยพฤกษ์ จำนวน 1 กิโลกรัม ณ พื้นที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี