ปัจจุบัน มหันตภัยโควิด-19 ยังไม่สร่างซาลงไปเลย เพียงแต่เคลื่อนย้ายไประบาดมากขึ้นในถิ่นฐานใหม่ๆ ก็ถือเป็นเรื่องน่าฉงนอยู่ ที่การระบาดทำลายชีวิตผู้คนเกิดที่เอเชียก่อน และหลังจากนั้นก็เคลื่อนย้ายต่อไปเล่นงานคนในยุโรป ต่อด้วยอเมริกา จนทุกวันนี้ไปโผล่เอาแถวทวีปอเมริกาใต้ มีนิดหน่อยที่ย้อนมาระบาดรอบสองในแหล่งเดิม อย่างเช่น ในจีน ญี่ปุ่น แต่ก็ไม่รุนแรงใหญ่โตเหมือนคราวแรก ตอนนี้ยังขาดอยู่ทวีปเดียวที่เจ้าโควิดยังไม่ย่างกรายเข้าไป คือ แอฟริกา ผมว่าถ้าเข้าไปได้คงเดือดร้อนแสนสาหัสกว่าที่อื่นๆที่ผ่านมา เพราะสิ่งอำนวยความสะดวกและระบบสาธารณสุขในทวีปนี้ค่อนข้างจะขาดแคลนและไม่อำนวยเลย และที่แปลกมากขึ้นเท่าที่ผมสังเกต แม้ว่าจะมีการระบาดทำลายชีวิตผู้คนกันเป็นข่าวครึกโครมทราบกันล่วงหน้าเป็นเดือนๆ แต่ประเทศที่ระบาดในภายหลังก็หาได้มีมาตรการที่จะป้องกันยับยั้งการแพร่กระจายของเชื้อโรคได้ ทั้งๆ ที่น่าจะทำได้ไม่ยากนักด้วยมาตรการ Social Distancing ซึ่งประเทศโดนเล่นงานแรกๆนำมาใช้ควบคุมจนเบาบางลง ก็ได้แต่ขอภาวนานะครับว่า ประเทศที่เคยระบาดแล้วจะไม่ย้อนกลับมาโดนอีก และประเทศที่ยังไม่ระบาด ก็อย่าได้โชคร้ายรับเอาเชื้อเข้าไปนะครับ
ผลกระทบของการระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่เห็นได้ชัดประการหนึ่งเกี่ยวกับงานต่างประเทศ คือ กิจกรรมการประชุมต่างๆ ของประชาคมอาเซียน หรืออาเซียนบวกสาม หรือความร่วมมืออื่นๆ ต้องถูกยกเลิกไปโดยปริยาย นับเฉพาะที่สำนักเลขานุการแอปเตอร์ ปกติปีหนึ่งก็จะต้องมีการเข้าร่วมประชุมแน่ๆ อย่างน้อย 4 รายการด้วยกันซึ่งหมุนเวียนไปจัดประชุมในประเทศสมาชิกตามลำดับตัวอักษรการยกเลิกการประชุมนี้ก็ไม่ทราบว่าจะเป็นเรื่องดีหรือไม่ดีสำหรับประเทศสมาชิกแล้วแต่จะมองกัน ที่รู้สึกว่าดีก็มี เช่น ประหยัดรายจ่ายไม่ต้องเดินทางไปมาและประหยัดต้นทุนการจัดของเจ้าภาพ แต่ข้อเสียก็แน่ละ เพียงพูดนำเสนอผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์เห็นหน้าเฉพาะในจอภาพ ดูเหมือนจะขาดความรู้สึกผูกพันใกล้ชิด ซักถามอะไรก็ไม่ค่อยละเอียด รวบรัดใช้เวลาน้อยมาก ซึ่งก็หวังว่าระบบการประชุมแบบใหม่นี้คงจะไม่กลายเป็น New Normal นะครับ เพราะบรรยากาศแห่งความใกล้ชิดสมานฉันท์แทบจะไม่มีเลย
การประชุมที่เพิ่งผ่านไปหยกๆ คือการประชุมของแอฟซิส หรือ ASEAN Food Security Information System ที่แต่เดิมประเทศบรูไน ดารุสซาลาม จะเป็นเจ้าภาพจัด เห็นว่าจัดกระเป๋าเตรียมจะเดินทางกันอยู่แล้ว แต่ทว่าเกิดวิกฤตโควิดและมาตรการล็อกดาวน์ เลยจำเป็นต้องงดกะทันหัน รายการประชุมของแอฟซิสที่ว่านี้ความเป็นจริงถือว่าเป็นครั้งปฐมฤกษ์ที่ใช้ลักษณะเวียนกันเป็นเจ้าภาพจัดประชุม หลังจากที่ตลอดมาฝ่ายเลขานุการซึ่งตั้งอยู่ที่สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในประเทศไทย และการประชุมครั้งแรกในระบบใหม่นี้ก็จบลงด้วยการใช้วีดีโอคอนเฟอเรนซ์ ส่วนอีกรายการเป็นรายการใหญ่ที่ต้องงดเดินทางไปประชุมเช่นกัน คือ การประชุม ASEAN Summit ซึ่งปีนี้เวียดนามหมุนมาเป็นเจ้าภาพต่อจากประเทศไทย การประชุมสุดยอดนี้ ผู้เข้าประชุมคือระดับผู้นำสูงสุดของประเทศศสมาชิกเลยทีเดียว ก็ต้องใช้วิธีวีดีโอคอนเฟอเรนซ์เช่นเดียวกัน ฉะนั้น การที่จะต้องขึ้นไปจับมือแบบไขว้แขนกันที่เรียกว่าอาเซียนเวย์นั้นเลยไม่มีให้เห็นครับ
และใกล้เข้ามาอีกรายการ ซึ่งพอดีเวียดนามถึงคิวเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเช่นเดียวกัน คือ การประชุมของ ASEAN Food Security Reserve Board หรือ AFSRB ปีที่แล้วประเทศไทยเราเป็นเจ้าภาพ ผมก็ได้เขียนถึง เนื่องจากได้มีการจัดเลี้ยงในเรือล่องแม่น้ำเจ้าพระยา และช่วงนั้นทางตัวแทนคนเวียดนามก็เตรียมการแล้ว โดยแจ้งล่วงหน้าเลือกเอากรุงฮานอยเป็นสถานที่จัด แต่ในที่สุดก็ต้องประกาศงดไป ผมถึงแม้จะเคยไปประชุมที่ฮานอยมาหลายครั้งแล้ว ยังรู้สึกผิดหวัง เพราะหมายมั่นปั้นมือจะไปเดินที่สุสานโฮจิมินห์อีกสักครั้ง เลยต้องเปลี่ยนมาเป็นเตรียมไปอยู่หน้าจอวีดีโอแทน ซึ่งฝ่ายเลขานุการ คือ กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์เป็นผู้เตรียมการในฝ่ายของประเทศไทย โดยใช้สถานที่ของกระทรวงพาณิชย์ที่สนามบินน้ำเรานี่เองครับ นอกจากนี้ยังมีการประชุมใหญ่อีกสองรายการที่สำคัญ คือ ประชุมระดับปลัดกระทรวงเกษตรครั้งหนึ่ง กับการประชุมระดับรัฐมนตรีเกษตรอีกครั้งหนึ่ง ที่ประเทศบรูไน และกัมพูชา ตามลำดับ ซึ่งก็คงไม่พ้นที่จะต้องไปอยู่หน้าจอแทนเช่นเดียวกัน
ชาญพิทยา ฉิมพาลี
chanpithya@apterr.org
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี