“บิ๊กอู๊ด” นำแถลง ตม.สมุทรปราการ รวบขบวนการ “พระเขมร” ลอบเข้าเมือง สั่งทุกหน่วยเร่งระดมกวาดล้าง เหตุไม่ผ่านการคัดกรอง หวั่งแพร่เชื้อโควิด-19 ระลอก 2
29 กรกฎาคม 2563 ที่สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) , พล.ต.ต.พรชัย ขันตี , พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย , พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ , พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ , พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา รอง ผบช.ตชด. ปฏิบัติราชการ สตม. , พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ รอง ผบช.สงป. ปฏิบัติราชการ สตม. , พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 , พ.ต.อ.ทินกร รังมาตย์ รอง ผบก.ตม.3 , พ.ต.อ.สัญชัย โชคขยายกิจ รอง ผบก.ตม.3 , ว่าที่ พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร ผกก.ตม.จว.สมุทรปราการ , พ.ต.ท.ชารัตน์ ชาคริตานันท์ , พ.ต.ท.พิทักษ์พงษ์ เจริญกุล รอง ผกก.ตม.จว.สมุทรปราการ, พ.ต.ท.เจษฎา บุรินทร์สุชาติ รอง ผกก.ปอพ.บก.สส.สตม.ปฏิบัติราชการ รอง ผกก.ตม.จว.สมุทรปราการ , พ.ต.ท.วุฒิภัทร นภาโชติ รอง ผกก.3 บก.สส.สตม. ปฏิบัติราชการ รอง ผกก.ตม.จว.สมุทรปราการ, ว่าที่ พ.ต.ท.กฤษณ์ มีบำรุง สว.กก.2 บก.สส.สตม.ปฏิบัติราชการ สว.ตม.จว.สมุทรปราการ , พ.ต.ต.นัฐพล ชมศิริ สว.ตม.จว.สมุทรปราการ แถลงผลการจับกุมพระสงฆ์กัมพูชาหลบหนีเข้าเมืองผิดกฎหมาย โดยมีความเชื่อมโยงกันทำเป็นขบวนการลักลอบหลบหนี ก่อนมาแอบอาศัยในโครงการเอื้ออาทรร้าง ย่านบางพลี ออกตระเวนบิณฑบาตเรี่ยไรเงินจากชาวบ้าน
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา พล.ต.ต.อาชยน ไกรทอง ผบก.ตม.3 สั่งการให้ ว่าที่ พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร ผกก.ตม.จว.สมุทรปราการ นำกำลังเจ้าหน้าที่ ตม.จว.สมุทรปราการ สนธิกำลังเข้าตรวจค้นที่ดินรกร้างเนื้อที่ประมาณ 100 ไร่ มีต้นไม้และต้นหญ้าขึ้นหนาทึบซึ่งตั้งอยู่ริมถนนทางคู่ขนานทางเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ นำไปสู่การจับกุมพระสงฆ์ชาวกัมพูชาที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเพื่อเข้ามาบิณฑบาตเรี่ยไรเงินจากชาวบ้านกว่า 11 รูป
เจ้าหน้าที่ตม.จว.สมุทรปราการ จึงได้ทำการสืบสวนเพื่อขยายผลขบวนการรูปแบบดังกล่าวเรื่อยมาโดยการหาข่าวในพื้นที่ ก่อนสืบทราบว่ามีพระสงฆ์จำนวนหนึ่งซึ่งมีพฤติกรรมและรูปแบบคล้ายคลึงกันแอบพักอาศัยอยู่ภายในโครงการเอื้ออาทรที่ถูกทิ้งร้างซึ่งอยู่ห่างจากจุดที่เกิดเหตุวันที่ 11 กรกฎาคม 2563 ไม่ไกลมากนัก
ภายหลังคดีดังกล่าว พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม. มีคำสั่งให้ทำการขยายผล ทาง ว่าที่ พ.ต.อ.ปริญญา กลิ่นเกษร ผกก.ตม.จว.สมุทรปราการ จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนนำกำลังไปคอยซุ่มดูจนทราบที่อยู่และพฤติกรรมขบวนการดังกล่าว
ต่อมาเมื่อเวลา 07.00 น.วันที่ 28 กรกฎาคม 2563 ว่าที่ พ.ต.อ.ปริญญา พร้อมเจ้าหน้าที่ ตม.จว.สมุทรปราการ ได้นำกำลังไปดักซุ่มเพื่อตรวจค้น จับกุมขบวนการพระสงฆ์กัมพูชาลักลอบเข้าเมืองมาบิณฑบาตเรี่ยไรเงิน ที่เกิดเหตุเป็นโครงการเอื้ออาทรร้าง ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งมีอาคารสูงที่ถูกปล่อยทิ้งร้างกว่า 10 อาคาร เนื้อที่ประมาณ 50 ไร่ เจ้าหน้าที่ต้องเดินเท้าเข้าไปในป่ารกทึบไกลกว่า 100 เมตร เพื่อเข้าปิดล้อมตรวจค้นอาคารร้างอาคารต่ออาคารจนพบพระสงฆ์พักอาศัยจำนวนกว่า 5 รูป เมื่อพระทั้งหมดเห็นเจ้าหน้าที่ต่างพากันวิ่งหนีเข้าไปซ่อนตัวภายในอาคารร้างดังกล่าว โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถติดตามจับกุมได้ทั้งหมด
จากการตรวจค้นพื้นที่พักซึ่งเป็นอาคารซึ่งถูกปล่อยทิ้งร้าง พบบาตรและจีวรตามห้องต่าง ๆในอาคารร้าง และยังพบถุงอาหาร อาหารแห้งที่ได้มาจากการออกบิณฑบาตวางอยู่ภายในห้อง จากการตรวจสอบพบว่า พระสงฆ์ทั้งหมดเป็นชาวกัมพูชาที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย จึงได้นำตัวทั้งหมดเดินทางมายังวัดบางโฉลงนอกเพื่อทำการลาสิกขา และนำตัวไปทำประวัติก่อนผลักดันกลับประเทศต่อไป
จากการสอบถามทราบว่าพระทั้งหมดบวชพระมาจากประเทศกัมพูชาและลักลอบเข้ามาในประเทศไทย ตามช่องทางธรรมชาติในจังหวัดสระแก้ว แล้วนั่งรถตู้โดยสารเดินทางเข้ามาที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (หมอชิต) และต่อรถแท็กซี่มาที่จังหวัดสมุทรปราการ ก่อนที่จะมาอาศัยอยู่ในที่รกร้างดังกล่าวได้ประมาณ 3-5 วันแล้ว โดยมีการนัดหมายกันทางโทรศัพท์ และจะตระเวนออกบิณฑบาต ในช่วงเช้ามืด และเรี่ยไรเงินจากชาวบ้านในละแวกดังกล่าว โดยหลังจากที่กลับจากบิณฑบาตแล้วก็จะกลับมารวมกลุ่มกันพักผ่อน โดยมิได้ศึกษาพระธรรมหรือปฏิบัติตามกิจของสงฆ์แต่อย่างใด
เมื่อได้เงินจำนวนหนึ่งก็จะเดินทางกลับประเทศกัมพูชา พอเงินหมดก็จะเดินทางกลับเข้ามาใหม่ ยอมรับว่าบิณฑบาตในประเทศกัมพูชาได้อาหารน้อยและไม่ได้ปัจจัยจึงตัดสินใจเดินทางมาในประเทศไทยเพราะว่าคนไทยชอบถวายปัจจัยใส่บาตร จึงอาจเป็นพฤติกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจให้มีพระปลอมจำนวนมาก ออกมาสร้างความเสื่อมเสียให้ พุทธศาสนาสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้าน
ทั้งนี้ พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผบช.สตม.กำชับให้เจ้าหน้าที่ ตม.ทุกหน่วยทั่วประเทศ ประสานหน่วยที่เกี่ยวข้องกวดขัน จับกุมผู้ที่หลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเพื่อป้องกันไม่ให้มีการแพร่ระบาดของโรคโควิด 19 ระลอก 2 และไม่ให้มีการละเมิดกฎหมายอื่นๆอีกเป็นอันขาด
สำหรับการดำเนินการดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรื่องการควบคุมกำกับดูแลชาวต่างชาติที่เข้ามาพำนักอาศัยหรือเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข รอง ผบ.ตร. มอบหมายให้ สตม. ดำเนินการตรวจสอบชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในขณะที่พำนักอาศัยอยู่ในประเทศไทย กระทำผิดกฎหมาย ก่อเหตุอันตรายต่อความสงบสุขและความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ทำให้เกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ของประเทศ หรือกลุ่มคนร้ายข้ามชาติที่เข้ามาแฝงตัวอยู่ก่อเหตุกับคนไทยหรือชาวต่างชาติ โดยใช้ประเทศไทยเป็นฐานในการกระทำความผิด
ประสานภาพ-ข้อมูล : พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รองผบก.ตม.1/รองโฆษก สตม. และ พ.ต.อ.หญิง ทิพวรรณ โยมา ผกก.ฝอ.5(งานประชาสัมพันธ์) บก.อก.สตม.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี