ทลายแก๊งยานรก

ค้น6จุดที่หัวหิน

จับกุม5ผู้ต้องหา

ยึดทรัพย์200ล.

“บิ๊กหิน”ร่วม ปส. เปิดยุทธการสยบไพรี“ทลายขุมทรัพย์จับแก๊งยานรก”ที่หัวหิน ตรวจค้น 6 จุด สามารถจับ 5 ผู้ต้องหา พร้อมยึดของกลางกว่า 200 ล้านบาท เป็นผลจากการขยายผล พร้อมพบหลักฐานเตรียมเดินหน้าขยายผลจับกุมขบวนการแก๊งยานรกต่อไป

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 5 สิงหาคม พล.ต.ท.วิสนุ ปราสาททองโอสถ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผช. ผบ.ตร.) พล.ต.ท.ชินภัทร สารสิน ผู้บัญชาการปราบปรามยาเสพติด(ผบช.ปส.) พล.ต.ต.สุรศักดิ์ สุขแสวง ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด (ผบก.ภ.จ.)ประจวบคีรีขันธ์ ร่วมแถลงผลการปฏิบัติการปิดล้อมตรวจค้นจับกุมตามแผนสยบไพรี 63/16“ยุทธการทลายขุมทรัพย์จับแก๊งยานรก”

โดยนำกำลังตำรวจ ทหาร ตชด. ฝ่ายปกครอง พร้อมหมายจับศาลอาญาและศาลจังหวัดเชียงราย แยกย้ายเข้าตรวจค้นจับกุมเครือข่ายแก๊งยาเสพติดตามบ้านเป้าหมายภายในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ รวม 6 จุด และ สามารถจับกุมผู้ต้องหาชายและหญิงรวม 5 คน มี นายสว่าง ภมรวิจิตร อายุ 55 ปี อยู่บ้านเลขที่ 182/91 ถ.ชมสินธุ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบฯ นายเฉลิมพล ภมรวิจิตร อายุ 34 ปี นายบรรลือ ภมรวิจิตร อายุ 28 ปี ทั้งคู่อยู่บ้านเลขที่ 42/78 ซอยหมู่บ้านบ่อฝ้าย อ.หัวหิน นางสาววันเพ็ญ สัตย์ธัญญากุล อายุ 33 ปี อยู่ บ้านเลขที่ 182/91 ถ.ชมสินธุ์ ต.หัวหิน อ.หัวหิน และ นายเผด็จ แซ่ว่าง อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 43 หมู่ 12 ต.เทิดไทย อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย นำตัวไปสอบสวนขยายผลต่อไป

โดยพล.ต.ท.วิสนุ กล่าวว่า สืบเนื่องจากที่ทางตำรวจได้จับกุมยาบ้าได้ 5 ล้านกว่าเม็ด เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาจากนั้นได้ทำการสอบสวนขยายผลจนสืบทราบว่า มีเครือข่ายยาเสพติดพักอาศัยอยู่ ที่ จ.เชียงใหม่ เชียงราย กรุงเทพฯ และประจวบฯจึงนำกำลังแยกย้ายเข้าจับกุม พร้อมกันรวม 30 จุด รวมถึงยึดทรัพย์สิน ที่ได้มาจากกระทำความผิด ประกอบด้วย บ้านพร้อมที่ดิน จำนวน 24 หลัง โฉนดที่ดินจำนวน 12 แปลง รถยนต์22 คัน รถจักรยานยนต์ 27 คัน บัญชีเงินฝาก52บัญชี บัตรกดเงินสด 5 ใบ รวมมูลค่าราว 202 ล้านบาท

ขณะที่ พล.ต.ต.พรชัย เจริญวงศ์ รอง ผบช.ปส. กล่าวว่าเครือข่ายนี้เป็นเครือข่ายของกลุ่มผู้สั่งการลำเลียงยาเสพติดจากทางภาคเหนือเข้ามายังพื้นที่ตอนใน ที่ผ่านมา มีการจับเครือข่ายนี้มาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 ครั้ง ผู้ต้องหากลุ่มนี้ มีความเชื่อมโยงทางการเงินเกี่ยวข้องกับผู้ต้องหาค้ายาเสพติดที่จับได้ก่อนหน้านี้ โดยผู้ต้องหา ได้มีการนำเครือญาติจากทางภาคเหนือ มาอาศัยอยู่ในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองหัวหินและทำอาชีพค้าขาย เสื้อผ้า ของจิปาถะในตลาดโต้รุ่งหัวหินบังหน้าและหลังจากเราสืบแล้วพบรายได้ที่ได้ในแต่ละวันไม่สัมพันธ์กับทรัพย์สินที่ถือครอง โดยทรัพย์สินที่ยึดได้รวมกันแล้วไม่ต่ำกว่า200ล้านบาท การตรวจสอบบ้านเป้าหมายในวันนี้ตำรวจพบหลักฐานที่เกี่ยวข้องหลายรายการ ที่ต้องนำไปตรวจสอบขยายผลจับกุมต่อไป.