งานวิจัยชี้ชัด “นอนไม่หลับ” ภัยคุกคามเสี่ยง “อัลไซเมอร์” อภัยภูเบศรส่ง “อภัยบี” ตัวช่วยผู้ป่วยสูงวัยและกลุ่มเสี่ยงสมองเสื่อม
10 สิงหาคม 2563 พญ.โศรยา ธรรมรักษ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า มีการศึกษาจากหลายสถาบันระบุตรงกันว่าอาการนอนไม่พอหรือหลับๆ ตื่นๆ เป็นผลเสียต่อสมอง และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคอัลไซเมอร์ ดังรายงานการวิจัยจากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ พบว่า การนอนน้อยหรือคุณภาพการนอนไม่ดี มีความสัมพันธ์กับการเพิ่มระดับคราบโปรตีนอะไมลอยด์เบต้า (amyloid beta peptides) ซึ่งเป็นโปรตีนที่เป็นพิษต่อสมอง เมื่อสะสมมากเข้าจะกลายเป็นแผ่นในสมอง ขัดขวางการส่งสัญญาณประสาท และนำมาซึ่งโรคอัลไซเมอร์
ทั้งนี้ นักวิจัยศึกษาผู้สูงอายุ 70 คน มีอายุเฉลี่ย 76 ปี จากการสแกนสมอง พบว่า ผู้ที่มีการนอนน้อยต่ำกว่า 5 ชั่วโมงต่อคืน หรือผู้ที่หลับๆ ตื่นๆ มีระดับสาร amyloid-beta peptides ในสมองสูงกว่าผู้ที่นอนเกิน 7 ชั่วโมง ปัจจุบันนักวิจัยยังไม่อาจสรุปว่าการนอนที่ไม่ดีเป็นสาเหตุการสร้างสาร amyloid-beta peptides หรือการที่มีสาร amyloid-beta peptides สูง ทำให้นอนไม่หลับ เรียกว่าเป็นได้ทั้ง 2 ทาง
เช่นเดียวกับงานวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ ระบุว่า เหตุผลหนึ่งที่มีการนอนไม่หลับอาจเกี่ยวกับโรคอัลไซเมอร์ เพราะการนอนหลับจะช่วยขับสารพิษออกจากสมอง พบว่า เมื่อหนูนอนหลับ เซลล์ในสมองจะสะอาดขึ้น
ส่วนรายงานของ Dr.Mariken Nedergaad ในวารสาร Science ระบุว่า การนอนอาจช่วยป้องกันสมองเสื่อมได้ สอดคล้องกับงานวิจัยของ มหาวิทยาลัยโตรอนโต ที่พบว่าการนอนหลับทำให้ระงับผลจากยีน APOE-E4 ซึ่งเป็นยีนที่ทำให้พัฒนาเป็นโรคอัลไซเมอร์ โดยทดสอบในผู้สูงอายุ 700 ราย ที่ติดตามผลการนอนและความจำ ระยะแรกไม่มีใครเป็นโรคสมองเสื่อม แต่อีก 6 ปีต่อมามี 98 ราย เป็นโรคอัลไซเมอร์ และ 201 รายเสียชีวิต เมื่อตรวจสมองพบว่ามีแผ่นหนาและความยุ่งเหยิงที่บ่งบอกสาเหตุของโรคอัลไซเมอร์
“การนอนไม่พอทำให้มีปัญหาด้านความจำและความคิด แม้ในคนปกติ ส่วนภาวะหยุดหายใจขณะหลับ ที่เรียกว่า sleep apnea ซึ่งทำให้ตื่นในเวลาสั้นๆ นับร้อยครั้งก็มีปัญหาในด้านความจำ และเสี่ยงต่อการเป็นโรคความจำเสื่อมเช่นกัน”
พญ.โศรยา กล่าวว่า แพทย์แผนไทย โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้ทำการพัฒนาตำรับยาจากองค์ความรู้พื้นบ้านใช้ชื่อ “กลีบบัวแดง” และเก็บข้อมูลพบว่าช่วยให้นอนหลับดีขึ้นในผู้ป่วย จึงได้ร่วมกับ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เพื่อทำการศึกษาวิจัยเพิ่มเติม พบว่า สารสกัดจากตำรับยากลีบบัวแดง ออกฤทธิ์ต้านกลไกการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ในหลายกลไกพร้อมๆกัน (multitarget activities) คือ มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ปกป้องสมอง ช่วยฟื้นฟูความจำ ช่วยลดระดับฮอร์โมนความเครียดในสมองส่วนฮิปโปแคมปัส ที่มีหน้าที่เปลี่ยนความจำระยะสั้นเป็นความจำระยะยาว อีกทั้งยังยับยั้งการสะสมของ amyloid beta peptides และยับยั้งเอนไซม์แอซีทิลโคลีนเอสเทอเรส (acetylcholinesterase inhibitors) ซึ่งเป็นเอนไซม์ที่ทำหน้าที่เร่งปฏิกิริยาการสลายตัวของสารสื่อประสาทในสมองที่ชื่อแอซีทิลโคลีน (acetylcholine) ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อความจำของมนุษย์
ทั้งนี้ หากสารสื่อประสาทชนิดนี้ลดลง จะส่งผลให้เกิดภาวะสมองเสื่อมได้ ซึ่งกลไกนี้ของตำรับกลีบบัวแดง เป็นกลไกเดียวกันกับยารักษาสมองเสื่อมที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน นับเป็นการช่วยยืนยันองค์ความรู้โบราณที่สัมพันธ์กับการวิจัยสมัยใหม่ ปัจจุบันได้ขึ้นทะเบียนในชื่อ “อภัยบี กลีบบัวแดง” และทางโรงพยาบาลกำลังดำเนินงานวิจัยตำรับยานี้ในผู้ที่มีภาวะถดถอยทางสมอง หรือ Mild Cognitive impairment ( MCI ) ซึ่งคงทราบผลการวิจัยภายในปีนี้
สำหรับท่านที่สนใจสามารถไปติดตามตำรับยากลีบบัวแดง หรือ อภัยบี ได้ โดยจะมีจำหน่ายในงานมหกรรมสมุนไพรแห่งชาติ ครั้งที่ 17 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-6 กันยายน ณ ฮอลล์ 10-11-12 เมืองทองธานี และในงานจะมีการให้ความรู้กับผู้ป่วยและกลุ่มเสี่ยงโรคสมองเสื่อมด้วย
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี