“ตม.6” สนองนโยบาย “ผบ.ตร.-ผบช.สตม.” โชว์ผลงานเพียบ “ตม.สงขลา” จับนายหน้า-แก๊งปลอมหนังสือเดินทางลอบขนคนเข้าประเทศ “ตม.ปัตตานี” จับกุมชาวปากีสถานใช้บัตรประชาชนไทยปลอม “ตม.ชุมพร” ตะครุบ 32 เมียนมาลอบเข้าเมือง
18 สิงหาคม 2563 สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง โดย พล.ต.ท.สมพงษ์ ชิงดวง ผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) , พล.ต.ต.พรชัย ขันตี , พล.ต.ต.อิทธิพล อิทธิสารรณชัย , พล.ต.ต.สุรพงษ์ ชัยจันทร์ , พล.ต.ต.ณฐพล แสวงกิจ , พล.ต.ต.ชูฉัตร ธารีฉัตร รอง ผบช.สตม. , พล.ต.ต.ปฏิพัทธ์ สุบรรณ ณ อยุธยา รอง ผบช.ตชด. ปฏิบัติราชการ สตม. , พล.ต.ต.พิสิฐ ตันประเสริฐ รอง ผบช.สงป. ปฏิบัติราชการ สตม. , พล.ต.ต.พีรวัส บุญลอย ผบก.ตม.6 , พ.ต.อ.อรุษ แสงจันทร์ รอง ผบก.ตม.6 ร่วมแถลงผลการจับกุมบุคคลต่างด้าวหลายคดี
คดีแรก ตม.จว.สงขลา ร่วมกับ กก.สส.บก.ตม.6 จับกุมนายจอ กับพวกรวม 6 คน ทั้งหมดเป็นคนสัญชาติเมียนมาข้อหาปลอมและใช้หนังสือเดินทางปลอมในประการที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน , ปลอมและใช้เอกสารราชการปลอมในประการ ที่น่าจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน และเป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต
ก่อนเกิดเหตุคนต่างด้าวทั้งหมดหลบหนีเข้าเมืองมาจากประเทศเพื่อนบ้านทางช่องทางธรรมชาติ ต่อมามีนายหน้ามารับช่วงต่อ เพื่อนำหนังสือเดินทางปลอมพร้อมประทับตราเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองปลอมมาให้ใช้เพื่ออำพรางเจ้าหน้าที่ที่ตรวจสอบ โดยเสียค่าใช้จ่ายคนละประมาณ 20,000 บาท หลังจากนั้นทั้งหมดจะขึ้นรถเพื่อเดินทางต่อไปยังกรุงเทพฯ เพื่อหางานทำแต่ถูกจับกุมเสียก่อน เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวทั้งหมดพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ต่อมาเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน ตม.จว.สงขลา ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่ามีแรงงานต่างด้าวแปลกหน้า เดินทางเข้ามาพักอาศัยในพื้นที่ จึงเดินทางไปตรวจสอบที่บ้านพักคนงานหลังหนึ่งในพื้นที่ ต.ทุ่งลาน อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา เมื่อไปถึงพบนายมู อายุ 26 ปี สัญชาติเมียนมา กับพวก รวม 3 คน ทั้งหมดรับสารภาพว่าหลบหนีเข้าเมืองมาจากประเทศเพื่อนบ้านและพักอาศัยในบ้านหลังดังกล่าวเพื่อคอยนายหน้ามารับต่อไปยังพื้นที่ชั้นใน เสียค่าใช้จ่ายคนละประมาณ 15,000 บาท เข้ามาพักอาศัยที่บ้านหลังนี้ประมาณ 4 วัน
ต่อมาวันเดียวกัน ชุดสืบสวนขยายผลการจับกุมจนพบนางมา อายุ 39 ปี สัญชาติเมียนมา กับพวกรวม 3 คน ขณะนำอาหารมาประกอบเลี้ยงให้คนต่างด้าวทั้ง 3 คน จากการสอบถามนางมา กับพวกรับสารภาพว่าเป็นผู้ครอบครองบ้านหลังนี้ เดิมประกอบอาชีพรับจ้างกรีดยาง ต่อมามีนายหน้าสัญชาติเดียวกันติดต่อให้ทำหน้าที่รับคนต่างด้าวมาจากช่องทางธรรมชาติบริเวณ อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อมาจัดหาที่พักคอยนายหน้าชุดต่อไปมารับ ได้ค่าดูแลรายละ 200 บาททำมาแล้วประมาณ 1 เดือน
เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงแจ้งให้ นายมู อายุ 26 ปี กับพวก รวม 3 คน สัญชาติเมียนมา ว่าถูกจับกุมข้อหา เป็นคนต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนนางมา อายุ 39 ปีสัญชาติเมียนมา กับพวกรวม 3 คน ถูกจับกุมข้อหา ร่วมกันให้ที่พักพิง ให้การช่วยเหลือด้วยประการใดๆแก่คนต่างด้าวที่เดินทางเข้ามาผิดกฎหมาย เพื่อให้พ้นจากการจับกุมของพนักงานเจ้าหน้าที่ ควบคุมตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรคลองหอยโข่งเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
คดีที่ 2 ภายใต้การอำนวยการของ พ.ต.อ.ไพรัช พุกเจริญ รอง ผบก.ตม.6 โดย พ.ต.ต.ชิติสรรค์ คงขำ สว.ตม.จว.ปัตตานี สนธิกำลังร่วมกับ กก.6 บก.ปคม. และ จัดหางานจังหวัดปัตตานี จับกุมนายซามิ อายุ 24 ปี สัญชาติปากีสถาน ฐานความผิด ใช้หรือแสดงบัตรอันเกิดจากการยื่นคำขอมีบัตรโดยไม่ได้สัญชาติไทยด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่, เข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาต และ ทำงานโดยไม่มีใบอนุญาตทำงาน
สืบเนื่องจาก ตม.จว.ปัตตานี ได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวว่ามีชายลักษณะคล้ายชาวต่างชาติเข้ามาเร่ขายของจำพวก ผ้าปาเต๊ะ ผ้าโสร่ง พรม ชุดเครื่องนอน และมีการชักชวนให้ชาวบ้านซื้อสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ และ โทรศัพท์มือถือ ด้วยระบบเงินเชื่อ อีกทั้งแหล่งข่าว ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าชายคนดังกล่าวนี้มีบัตรประจำตัวประชาชนไทยทั้งที่ไม่ได้มีสัญชาติไทย ชุดสืบสวน ตม.จว.ปัตตานี ได้ประสานกับทางอำเภอแม่ลาน จ.ปัตตานี เพื่อขอข้อมูลและตรวจสอบจากฐานข้อมูลการทะเบียน สำนักทะเบียนกลาง กรมการปกครอง พบว่า ชายคนดังกล่าวได้สวมบัตรประจำตัวประชาชนไทย และบัตรดังกล่าวได้ถูกจำหน่าย เนื่องจากมีการสวมตัว และทาง อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี ได้แจ้งความดำเนินคดี ตาม ปจว.ที่ 064 ลง 17 กุมภาพันธ์ 2563 ไว้แล้ว
ชุดสืบสวน ตม.จว.ปัตตานี สนธิกำลัง กก.6 บก.ปคม. และ จัดหางานจังหวัดปัตตานี เข้าตรวจสอบพื้นที่หมู่บ้านตะโละกาโปร์ ต.ตะโละกาโปร์ อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี พบชายลักษณะดังกล่าวตรงกับที่แหล่งข่าวระบุกำลังเดินเก็บเงินจากลูกค้าซึ่งเป็นชาวบ้านในหมู่บ้านตามสมุดบัญชีที่ถืออยู่ในมือ ชุดจับกุมจึงได้แสดงตนพร้อมขอตรวจสอบเอกสารประจำตัว ชายดังกล่าวได้แสดงบัตรประจำตัวประชาชนไทยจริง โดยชายดังกล่าวให้การรับสารภาพว่าตนได้ลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยมากว่า 1 ปีแล้ว ได้ประกอบอาชีพเร่ขายของในหมู่บ้านและชักชวนให้ชาวบ้านซื้อสินค้าของตนด้วยระบบเงินเชื่อจริง
ต่อมา ตม.จว.ปัตตานีได้ขยายผลเพิ่มเติมพบ MR.IKRAM สัญชาติปากีสถาน พี่ชายของผู้ถูกจับ ได้สวมบัตรประชาชาชนไทยอีกราย จึงได้ทำรายงานการสืบสวน รวบรวมพยานหลักฐานแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีกับ MR.IKRAM ฐานความผิดเกี่ยวกับการยื่นคำขอมีบัตรโดยไม่ได้สัญชาติไทยด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อความจริงต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตาม ม.14 แห่ง พ.ร.บ.บัตรประจำตัวประชาชนไทย พ.ศ.2526 (แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2554) และความผิดตาม ป.อาญา ม.267 “ฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ” และได้แจ้งความร้องทุกข์เดียวกันนี้กับนางอามีเนาะ ผู้รับรองในการขอมีบัตร อันเป็นการกระทำความผิดฐาน “เป็นตัวการร่วมกันกระทำความผิดเกี่ยวกับการยื่นคำขอมีบัตร ด้วยการแสดงหลักฐานอันเป็นเท็จ” และ “ฐานแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ” ณ สภ.แม่ลาน จว.ปัตตานี ตาม ปจว.เกี่ยวกับคดี ที่ 003 ลว.29 ก.ค.2563 ทั้งนี้ ตม.จว.ปัตตานีกำลังสืบสวนติดตามและขยายผลเพื่อดำเนินคดีกับขบวนการสวมบัตรประจำตัวประชาชนไทยในพื้นที่ จ.ปัตตานีต่อไป
คดีที่ 3 พ.ต.ต.สันติ มณีรัตน์ สว.ตม.จว.ชุมพร นำกำลังชุดสืบสวนฯ สนธิกำลัง กก.สส.ภ.จว.ชุมพร , กก.5 บก.ปคม. และ สภ.ปากน้ำชุมพร ร่วมกันจับกุม นายใช้ อายุ 24 ปี สัญชาติเมียนมา พร้อมพวกรวม 32 คน โดยกล่าวหาว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวเดินทางเข้ามาและอยู่ในราชอาณาจักร โดยไม่ได้รับอนุญาต” สามารถจับกุมได้ที่ บริเวณสวนปาล์มน้ำมันริมทะเล ม.10 ต.ท่ายาง อ.เมือง จว.ชุมพร
สืบเนื่องจาก ตม.จว.ชุมพร ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่าพบบุคคลต่างด้าวรวมกลุ่ม 20-30 คน ลักษณะท่าทางมีพิรุธ เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุมจึงเดินทางไปตรวจสอบพบบุคคลต่างด้าวสัญชาติเมียนมา 32 คน นั่งอยู่ภายในบริเวณสวนปาล์มน้ำมันริมทะเล หมู่ 10 ต.ท่ายาง อ.เมือง จ.ชุมพร จากการตรวจสอบทราบว่ากลุ่มบุคคลต่างด้าวดังกล่าวเดินทางมาจากประเทศมาเลเซียโดยไม่ได้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เพื่อจะเดินทางข้ามกลับไปยังประเทศเมียนมา และไม่มีเอกสารประจำตัวหรือหนังสือเดินทาง จึงได้นำตัวบุคคลต่างด้าวทั้งหมดมายังสมาคมชาวประมงร่วมใจ หมู่ 4 ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ชุมพร เพื่อเข้าสู่กระบวนการสอบสวนโรคหาเชื้อโควิด-19 ผลการตรวจ ไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดจับกุม ร่วมกับ สหวิชาชีพทำการคัดแยกเหยื่อเกี่ยวกับความผิดการค้ามนุษย์ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ผลการดำเนินการ ไม่เข้าข่ายความผิดการค้ามนุษย์แต่อย่างใด เจ้าหน้าที่ชุดจับกุมจึงได้แจ้งสิทธิ์และข้อกล่าวหาให้ผู้ถูกจับกุมทราบและควบคุมตัวทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำชุมพร ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ จากการขยายผลทราบว่ากลุ่มบุคคลต่างด้าวดังกล่าวเดินทางมาจากประเทศมาเลเซีย โดยผ่านนายหน้าสัญชาติไทยและไม่ได้ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมือง เพื่อจะเดินทางไปยังเขตชายแดน จ.ระนอง และข้ามกลับไปยังประเทศเมียนมา ซึ่งระหว่างเดินทางมาถึง จ.ชุมพร รถยนต์กระบะที่บรรทุกบุคคลต่างด้าวมานั้นได้นำบุคคลต่างด้าวจำนวน 32 คน เข้าพักที่บ้านหลังหนึ่งใน ต.ท่ายาง อ.เมือง จ.ชุมพร จากนั้นได้มีคนมารับกลุ่มบุคคลต่างด้าวดังกล่าวไปหลบซ่อนบริเวณสวนปาล์มน้ำมันริมทะเล หมู่ 10 ต.ท่ายาง อ.เมือง จ.ชุมพร เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตม.จว.ชุมพร จึงได้ร่วมกันเดินทางไปตรวจสอบ เมื่อเดินทางไปถึงพบนายนพดล หรือแมน อายุ 38 ปี แสดงตัวเป็นเจ้าของบ้าน และพบ น.ส.ศิริรัตน์ หรือเอ้ อายุ 42 ปี ภรรยาของนายนพดล
จากการสอบถามทราบว่า น.ส.ศิริรัตน์ ได้รับการติดต่อจาก น.ส.อุษณีย์ อายุ 26 ปี และทางแอปพลิเคชั่นเฟสบุ๊คว่าให้จัดหาที่พักเพื่อหลบซ่อนบุคคลต่างด้าวซึ่งหลบหนีเข้ามาภายในประเทศไทย โดยจะให้ค่าที่พักในราคา 200 บาทต่อคน และค่าอาหารมื้อละ 520 บาทต่อคน โดยค่าที่พัก น.ส.อุษณีย์ จะนำมาจ่ายให้ตนเองในวันที่นำบุคคลต่างด้าวมาฝากพักอาศัย ส่วนเงินค่าอาหารจะโอนให้ภายหลังทางบัญชีธนาคาร ตนเองจึงตอบตกลงและให้นำบุคคลต่างด้าวดังกล่าวมาหลบซ่อนตัวภายในบ้าน ซึ่ง น.ส.ศิริรัตน์ ได้เดินทางมากับนายภานุวัฒน์ อายุ 23 ปี สามี โดยใช้รถยนต์กระบะยี่ห้ออีซูซุ ดีแมค สีเทา ทะเบียนชุมพร เป็นรถนำทาง และใช้รถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีบรอนซ์ทอง บรรทุกบุคคลต่างด้าวดังกล่าวมาส่งที่บ้านพักของตนเอง เวลาประมาณ 21.00 น.
จากนั้นน.ส.อุษณีย์ ได้ให้คนมารับบุคคลต่างด้าวดังกล่าวไปหลบซ่อนที่อื่น ซึ่งตนเองไม่ทราบว่าพาไปสถานที่แห่งใด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ตม.จว.ชุมพร มีเหตุอันควรเชื่อว่า น.ส.ศิริรัตน์ และนายนพดล ได้กระทำความผิดฐาน “ให้คนต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง พักอาศัย ซ่อนเร้นหรือช่วยด้วยประการใดๆเพื่อให้คนต่างด้าวนั้นพ้นจากการจับกุมโดยผิดกฎหมาย” จึงได้จัดทำบันทึกกล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.ปากน้ำชุมพร เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ภาพ-ข้อมูล : พ.ต.อ.ภัคพงศ์ สายอุบล รองโฆษก สตม. และ พ.ต.อ.หญิง ทิพวรรณ โยมา ผกก.ฝอ.5 (งานประชาสัมพันธ์) บก.อก.สตม.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี