วันอังคาร ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
สกู๊ปพิเศษ : คำต่อคำ ‘สุรพงษ์ ปิยะโชติ’ หรือหมอหนุ่ย  ผู้สมัครนายก อบจ.กาญจนบุรี ทีมพลังกาญจน์ เบอร์ 1

สกู๊ปพิเศษ : คำต่อคำ ‘สุรพงษ์ ปิยะโชติ’ หรือหมอหนุ่ย ผู้สมัครนายก อบจ.กาญจนบุรี ทีมพลังกาญจน์ เบอร์ 1

วันพฤหัสบดี ที่ 10 ธันวาคม พ.ศ. 2563, 06.00 น.
Tag : สกู๊ปพิเศษ
  •  

นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ หรือหมอหนุ่ย ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) กาญจนบุรี ทีมพลังกาญจน์ เบอร์ 1 ได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์และนโยบาย ขณะเข้าร่วมเวทีแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัครนายก อบจ.กาญจนบุรี ที่ศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า จังหวัดกาญจนบุรี

นายสุรพงษ์กล่าวว่า หลายๆ ท่านอาจจะไม่เคยรู้จักผมมาก่อน เพราะเห็นคอมเม้นท์สอบถามเข้ามาในเพจเฟซบุ๊คเป็นจำนวนมากว่าผมคือใคร ขอเรียนว่าอดีตที่ผ่านมา ผมเคยลงสมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสนามแย้ อ.ท่ามะกา เมื่อปี พ.ศ.2548 และเคยเป็นนายก อบต.สนามแย้ อยู่ 2 ปี หลังจากนั้นมาก็มาดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ตอนสมัยท่านนายกรังสรรค์อีก 2 ปี


ต่อมาได้รับความไว้วางใจจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนเลือกเข้าไปดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สส.เขต 3 เมื่อปี พ.ศ.2554 เป็นอยู่กว่า 2 ปี แต่แล้วก็ต้องมาถูกเว้นวรรค ทางการเมือง ซึ่งในช่วงนั้นเชื่อว่าพวกเราทุกคนทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงประมาณ 7-8 ปีที่ผ่านมา มาในครั้งนี้ผมได้อาสาลงมารับใช้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เบอร์ 1 จำกันง่ายๆ ครับคือ เบอร์ 1

สำหรับวิสัยทัศน์และแนวนโยบาย จริงๆแล้วผมไม่ชอบงานนิติบัญญัติ คือการออกกฎหมาย และเป็นคนไม่ชอบงานรัฐสภา แต่ผมเป็นคนชอบงานทางด้านบริหารมากกว่า เพราะผมเป็นคนเดินทางบ่อย อีกทั้งผมเป็นคนชอบค้าขาย ผมจึงอาสามาในครั้งนี้

โดยมีวิสัยทัศน์ที่อยากจะเปลี่ยน เปลี่ยนบริบท เปลี่ยนวิธีคิดการบริหารงานของกาญจนบุรี ถามว่าทำไมต้องเปลี่ยนซึ่งมันมีคำถามในใจอยู่แล้ว จริงๆ แล้วการที่เราจะเปลี่ยนเราต้องรู้จักก่อน ว่าเราจะเปลี่ยนอะไร และเรามีอะไรให้เปลี่ยนบ้าง

จ.กาญจนบุรี ของเรามีเขื่อนขนาดใหญ่อยู่ 2 เขื่อน ที่กักเก็บน้ำหล่อเลี้ยงพืชผลการเกษตร ทางชลประทาน ที่สามารถส่งเข้าไปผลิตน้ำประปาในกรุงเทพฯ สองเรามีประวัติศาสตร์ร่วมสมัยที่สำคัญก็คืออนุสรณ์สะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 วันนี้ลูกหลานของผู้มีส่วนร่วมลูกหลานของผู้สูญเสียได้ติดตามเข้ามาดูเข้ามาชมเข้ามาเยี่ยมอยู่ตลอดเวลา ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ร่วมสมัยที่เรามีอยู่

สาม สิ่งที่เรามีอยู่คือเรามีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศเมียนมา ส่วนตะวันออกก็คือทะเลฝั่งอ่าวไทย ในอนาคตอันใกล้นี้สิ่งที่เราจะเจอและบริบทที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ ทางเชื่อม 2 ฝั่งมหาสมุทร ทั้งฝั่งทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย ฝั่งทะเลจีนใต้ ต่อไปจะเชื่อมสองโลกเข้าด้วยกันรวมทั้งฝั่งยุโรปกับฝั่งอเมริกาด้วย โดยใช้เส้นทางที่เป็นทางบกก็คือท่าเรือที่ระยองกับที่ทวาย โดยใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์นี่คือเรื่องของชายแดน

อันดับที่สี่ สิ่งที่เรามองเห็นได้เด่นชัดคือจังหวัดกาญจนบุรีของเรามีทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย เรามีพื้นที่ภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบมากกว่าจังหวัดอื่นหรือประเทศอื่นๆ จ.กาญจนบุรี หลากหลายตรงไหนหลากหลายตรงอุณหภูมิ เช่น อุณหภูมิพื้นที่โซนล่างบางครั้งสูงถึง 40 องศา แต่ขณะเดียวกันอุณหภูมิโซนบ้านอีต่อง ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิกลับมีอุณหภูมิเพียงแค่ 14-15 องศาเท่านั้น ดังนั้นถ้าเราเข้าใจบริบทในการพัฒนาอนาคตเราไม่จำเป็นต้องขับรถไปท่องเที่ยวไกลถึงภูทับเบิก และไม่ต้องนั่งเครื่องบินไปเที่ยวที่ดอยอินทนนท์อีกเลย เพราะเราจะได้สัมผัสอากาศความเย็นที่ใกล้เคียงที่สำคัญเป็นการเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คือแค่การยกตัวอย่างเท่านั้น

สิ่งที่พวกเราขาดในมุมมองของผมก็คือทุกวันนี้เราขาดกระบวนการวิธีคิดแบบบูรณาการ เราขาดซอฟต์แวร์ เราขาดการประมวลผลขาดการเชื่อมโยงการประสานงานที่มีประสิทธิภาพ ทรัพยากรที่เรามีอยู่ทุกวันนี้ผมคิดว่าเราใช้ประโยชน์ได้ไม่ถึงไม่ถึง 10 หรือ 20 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าที่แท้จริง

เพราะฉะนั้นแสดงให้เห็นว่าทุกวันนี้จังหวัดกาญจนบุรียังขาดคนคนหนึ่งยังขาดกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ขาดทีมงานทีมหนึ่ง ที่จะอาสาเข้ามาคิดแบบบูรณาการเชื่อมโยงว่าจะทำอย่างไรที่ภาคเอกชน ภาคธุรกิจเข้าไปใช้ประโยชน์โดยที่ไม่เกิดความเสียหายต่อแหล่งทรัพยากรที่เรามีอยู่ และทำให้มันสร้างรายได้อย่างเพิ่มพูน และหารายได้เข้าจังหวัดโดยที่ไม่ต้องอาศัยว่าเรามีงบประมาณอยู่เท่าไหร่

เราจะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวที่มีอยู่ภายในประเทศเอาเงินมาใช้จ่ายในจังหวัดกาญจนบุรีของเรา โดยเมื่อปี พ.ศ.2561 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ ประมาณ 9.2 ล้านคน ปี พ.ศ.2562 เรามีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 9.1 ล้านคน แต่ค่าใช้จ่ายต่อหัวประมาณ 1,800 บาทเท่านั้น เราจะทำอย่างไรที่จะทำให้นักท่องเที่ยวมีค่าใช้เพิ่มขึ้นถึงคนละ 3,000-5,000 บาทได้ ทั้งหมดนี้มันจะต้องทำให้เกิดอย่างมีเป้าหมาย และเราจะต้องมีวิธีคิดเพื่อทำให้ได้

เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมอยากจะเปลี่ยนเมืองกาญจน์ อยากจะเปลี่ยนวิธีคิด ผมเลยอาสาเข้ามาสร้างทีมงานเข้ามาเป็นตัวกลางเพื่อเชื่อมโยงกับหน่วยงานราชการต่างๆ ที่ยึดถือครอบครองที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ซึ่ง อบจ.จะเป็นตัวกลางไปเจรจา

ด้วยข้อกฎหมายก็ดี ด้วยข้อตกลงก็ดี ด้วยสิ่งต่างๆ ที่จะทำให้พ่อแม่พี่น้องบ้านเราสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ในทรัพยากรของจังหวัดกาญจนบุรีได้อย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับพวกเรา เมื่อรายได้ของพวกเราเพิ่มขึ้น ทั้งการท่องเที่ยว ทั้งการเพาะปลูก ก็จะดีขึ้นจนกลายเป็นห่วงโซ่ อุปสงค์อุปทาน ซึ่งสามารถพัฒนาเศรษฐกิจยกรายได้ต่อหัวของประชากรของจังหวัดกาญจนบุรีให้เพิ่มขึ้น

นี่คือแนวคิดที่ผมอยากเปลี่ยนแต่สิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมดผมไม่สามารถทำคนเดียวได้ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากพ่อแม่พี่น้องช่วยสนับสนุนให้ตัวผมและทีมงานของเบอร์ 1 เข้าไปทำงานเข้าไปรับใช้พ่อแม่พี่น้องประชาชน ในฐานะนายก และ ส.อบจ.

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • สกู๊ปพิเศษ : วิเคราะห์การเมืองหลังเสร็จการเลือกตั้ง กลุ่มพัฒนามุกดาหารล้มแชมป์เก่าคว้าชัยชนะยกทีม สกู๊ปพิเศษ : วิเคราะห์การเมืองหลังเสร็จการเลือกตั้ง กลุ่มพัฒนามุกดาหารล้มแชมป์เก่าคว้าชัยชนะยกทีม
  • สกู๊ปพิเศษ : เปิดตำนานภูแม่หม้าย นมัสการพระศรีรัตนตรัยรัตน์ สกู๊ปพิเศษ : เปิดตำนานภูแม่หม้าย นมัสการพระศรีรัตนตรัยรัตน์
  • สกู๊ปพิเศษ : ศูนย์วิจัยข้าวอยุธยา เตรียมนำข้าวขึ้นน้ำ 9 สายพันธุ์  นำแปรรูป สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร สกู๊ปพิเศษ : ศูนย์วิจัยข้าวอยุธยา เตรียมนำข้าวขึ้นน้ำ 9 สายพันธุ์ นำแปรรูป สร้างรายได้ให้กับเกษตรกร
  • สกู๊ปพิเศษ : ปศุสัตว์บุรีรัมย์ เดินหน้า ยกระดับคุณภาพการผลิต-ตลาด  ของเกษตรกรเครือข่ายผู้เลี้ยงโคเนื้อ พร้อมแข่งขัน ในระดับสากล สกู๊ปพิเศษ : ปศุสัตว์บุรีรัมย์ เดินหน้า ยกระดับคุณภาพการผลิต-ตลาด ของเกษตรกรเครือข่ายผู้เลี้ยงโคเนื้อ พร้อมแข่งขัน ในระดับสากล
  • สกู๊ปพิเศษ : รมว.สธ.วางศิลาฤกษ์ อาคารสนับสนุนบริการ ที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี สกู๊ปพิเศษ : รมว.สธ.วางศิลาฤกษ์ อาคารสนับสนุนบริการ ที่โรงพยาบาลพหลพลพยุหเสนา จังหวัดกาญจนบุรี
  • สกู๊ปพิเศษ : ข้าวหอมมะลิ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ แชมป์  ได้เข้าประกวดข้าวหอมมะลิ ระดับประเทศ สกู๊ปพิเศษ : ข้าวหอมมะลิ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ แชมป์ ได้เข้าประกวดข้าวหอมมะลิ ระดับประเทศ
  •  

Breaking News

น่ากังวล! 'กอบศักดิ์' ชี้ 2 ปัญหาใหญ่ฉุดเศรษฐกิจไทย แม้ จีดีพี ไตรมาสที่ 1 สวยหรู

ระทึกเช้านี้! นักเรียนวิ่งกระเจิง ไฟไหม้อาคาร'มัธยมวัดหนองจอก' ดับเพลิงรุดเข้าควบคุม

'สรุเดช'เผย เฟ้นหาผู้สมัครเกรด A-B ภาคเหนือตอนบน มั่นใจเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 10 เขต

'อ.คมสัน'กางกฎหมายฟันธง! 'ทักษิณ'หนีแน่ๆ ชี้ถ้าติดคุกน่าจะอยู่จนตายไม่ได้ออก

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved