นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ หรือหมอหนุ่ย ผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) กาญจนบุรี ทีมพลังกาญจน์ เบอร์ 1 ได้กล่าวแสดงวิสัยทัศน์และนโยบาย ขณะเข้าร่วมเวทีแสดงวิสัยทัศน์ของผู้สมัครนายก อบจ.กาญจนบุรี ที่ศูนย์พัฒนาการเมืองภาคพลเมือง สถาบันพระปกเกล้า จังหวัดกาญจนบุรี
นายสุรพงษ์กล่าวว่า หลายๆ ท่านอาจจะไม่เคยรู้จักผมมาก่อน เพราะเห็นคอมเม้นท์สอบถามเข้ามาในเพจเฟซบุ๊คเป็นจำนวนมากว่าผมคือใคร ขอเรียนว่าอดีตที่ผ่านมา ผมเคยลงสมัครนายกองค์การบริหารส่วนตำบลสนามแย้ อ.ท่ามะกา เมื่อปี พ.ศ.2548 และเคยเป็นนายก อบต.สนามแย้ อยู่ 2 ปี หลังจากนั้นมาก็มาดำรงตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ตอนสมัยท่านนายกรังสรรค์อีก 2 ปี
ต่อมาได้รับความไว้วางใจจากพ่อแม่พี่น้องประชาชนเลือกเข้าไปดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร หรือ สส.เขต 3 เมื่อปี พ.ศ.2554 เป็นอยู่กว่า 2 ปี แต่แล้วก็ต้องมาถูกเว้นวรรค ทางการเมือง ซึ่งในช่วงนั้นเชื่อว่าพวกเราทุกคนทราบดีว่าเกิดอะไรขึ้นในช่วงประมาณ 7-8 ปีที่ผ่านมา มาในครั้งนี้ผมได้อาสาลงมารับใช้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดกาญจนบุรี ในฐานะผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด เบอร์ 1 จำกันง่ายๆ ครับคือ เบอร์ 1
สำหรับวิสัยทัศน์และแนวนโยบาย จริงๆแล้วผมไม่ชอบงานนิติบัญญัติ คือการออกกฎหมาย และเป็นคนไม่ชอบงานรัฐสภา แต่ผมเป็นคนชอบงานทางด้านบริหารมากกว่า เพราะผมเป็นคนเดินทางบ่อย อีกทั้งผมเป็นคนชอบค้าขาย ผมจึงอาสามาในครั้งนี้
โดยมีวิสัยทัศน์ที่อยากจะเปลี่ยน เปลี่ยนบริบท เปลี่ยนวิธีคิดการบริหารงานของกาญจนบุรี ถามว่าทำไมต้องเปลี่ยนซึ่งมันมีคำถามในใจอยู่แล้ว จริงๆ แล้วการที่เราจะเปลี่ยนเราต้องรู้จักก่อน ว่าเราจะเปลี่ยนอะไร และเรามีอะไรให้เปลี่ยนบ้าง
จ.กาญจนบุรี ของเรามีเขื่อนขนาดใหญ่อยู่ 2 เขื่อน ที่กักเก็บน้ำหล่อเลี้ยงพืชผลการเกษตร ทางชลประทาน ที่สามารถส่งเข้าไปผลิตน้ำประปาในกรุงเทพฯ สองเรามีประวัติศาสตร์ร่วมสมัยที่สำคัญก็คืออนุสรณ์สะพานข้ามแม่น้ำแคว ซึ่งเป็นประวัติศาสตร์สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 วันนี้ลูกหลานของผู้มีส่วนร่วมลูกหลานของผู้สูญเสียได้ติดตามเข้ามาดูเข้ามาชมเข้ามาเยี่ยมอยู่ตลอดเวลา ถือว่าเป็นประวัติศาสตร์ร่วมสมัยที่เรามีอยู่
สาม สิ่งที่เรามีอยู่คือเรามีชายแดนติดกับประเทศเพื่อนบ้านคือประเทศเมียนมา ส่วนตะวันออกก็คือทะเลฝั่งอ่าวไทย ในอนาคตอันใกล้นี้สิ่งที่เราจะเจอและบริบทที่กำลังจะเกิดขึ้นก็คือ ทางเชื่อม 2 ฝั่งมหาสมุทร ทั้งฝั่งทะเลอันดามัน มหาสมุทรอินเดีย ฝั่งทะเลจีนใต้ ต่อไปจะเชื่อมสองโลกเข้าด้วยกันรวมทั้งฝั่งยุโรปกับฝั่งอเมริกาด้วย โดยใช้เส้นทางที่เป็นทางบกก็คือท่าเรือที่ระยองกับที่ทวาย โดยใช้เส้นทางมอเตอร์เวย์นี่คือเรื่องของชายแดน
อันดับที่สี่ สิ่งที่เรามองเห็นได้เด่นชัดคือจังหวัดกาญจนบุรีของเรามีทรัพยากรธรรมชาติที่หลากหลาย เรามีพื้นที่ภูมิศาสตร์ที่ได้เปรียบมากกว่าจังหวัดอื่นหรือประเทศอื่นๆ จ.กาญจนบุรี หลากหลายตรงไหนหลากหลายตรงอุณหภูมิ เช่น อุณหภูมิพื้นที่โซนล่างบางครั้งสูงถึง 40 องศา แต่ขณะเดียวกันอุณหภูมิโซนบ้านอีต่อง ต.ปิล๊อก อ.ทองผาภูมิกลับมีอุณหภูมิเพียงแค่ 14-15 องศาเท่านั้น ดังนั้นถ้าเราเข้าใจบริบทในการพัฒนาอนาคตเราไม่จำเป็นต้องขับรถไปท่องเที่ยวไกลถึงภูทับเบิก และไม่ต้องนั่งเครื่องบินไปเที่ยวที่ดอยอินทนนท์อีกเลย เพราะเราจะได้สัมผัสอากาศความเย็นที่ใกล้เคียงที่สำคัญเป็นการเป็นการประหยัดค่าใช้จ่ายได้เป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นสิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คือแค่การยกตัวอย่างเท่านั้น
สิ่งที่พวกเราขาดในมุมมองของผมก็คือทุกวันนี้เราขาดกระบวนการวิธีคิดแบบบูรณาการ เราขาดซอฟต์แวร์ เราขาดการประมวลผลขาดการเชื่อมโยงการประสานงานที่มีประสิทธิภาพ ทรัพยากรที่เรามีอยู่ทุกวันนี้ผมคิดว่าเราใช้ประโยชน์ได้ไม่ถึงไม่ถึง 10 หรือ 20 เปอร์เซ็นต์ของมูลค่าที่แท้จริง
เพราะฉะนั้นแสดงให้เห็นว่าทุกวันนี้จังหวัดกาญจนบุรียังขาดคนคนหนึ่งยังขาดกลุ่มคนกลุ่มหนึ่ง ขาดทีมงานทีมหนึ่ง ที่จะอาสาเข้ามาคิดแบบบูรณาการเชื่อมโยงว่าจะทำอย่างไรที่ภาคเอกชน ภาคธุรกิจเข้าไปใช้ประโยชน์โดยที่ไม่เกิดความเสียหายต่อแหล่งทรัพยากรที่เรามีอยู่ และทำให้มันสร้างรายได้อย่างเพิ่มพูน และหารายได้เข้าจังหวัดโดยที่ไม่ต้องอาศัยว่าเรามีงบประมาณอยู่เท่าไหร่
เราจะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยวที่มีอยู่ภายในประเทศเอาเงินมาใช้จ่ายในจังหวัดกาญจนบุรีของเรา โดยเมื่อปี พ.ศ.2561 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในพื้นที่ ประมาณ 9.2 ล้านคน ปี พ.ศ.2562 เรามีนักท่องเที่ยวเข้ามาประมาณ 9.1 ล้านคน แต่ค่าใช้จ่ายต่อหัวประมาณ 1,800 บาทเท่านั้น เราจะทำอย่างไรที่จะทำให้นักท่องเที่ยวมีค่าใช้เพิ่มขึ้นถึงคนละ 3,000-5,000 บาทได้ ทั้งหมดนี้มันจะต้องทำให้เกิดอย่างมีเป้าหมาย และเราจะต้องมีวิธีคิดเพื่อทำให้ได้
เพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมอยากจะเปลี่ยนเมืองกาญจน์ อยากจะเปลี่ยนวิธีคิด ผมเลยอาสาเข้ามาสร้างทีมงานเข้ามาเป็นตัวกลางเพื่อเชื่อมโยงกับหน่วยงานราชการต่างๆ ที่ยึดถือครอบครองที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ซึ่ง อบจ.จะเป็นตัวกลางไปเจรจา
ด้วยข้อกฎหมายก็ดี ด้วยข้อตกลงก็ดี ด้วยสิ่งต่างๆ ที่จะทำให้พ่อแม่พี่น้องบ้านเราสามารถเข้าไปใช้ประโยชน์ในทรัพยากรของจังหวัดกาญจนบุรีได้อย่างเต็มที่เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับพวกเรา เมื่อรายได้ของพวกเราเพิ่มขึ้น ทั้งการท่องเที่ยว ทั้งการเพาะปลูก ก็จะดีขึ้นจนกลายเป็นห่วงโซ่ อุปสงค์อุปทาน ซึ่งสามารถพัฒนาเศรษฐกิจยกรายได้ต่อหัวของประชากรของจังหวัดกาญจนบุรีให้เพิ่มขึ้น
นี่คือแนวคิดที่ผมอยากเปลี่ยนแต่สิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมดผมไม่สามารถทำคนเดียวได้ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือร่วมใจจากพ่อแม่พี่น้องช่วยสนับสนุนให้ตัวผมและทีมงานของเบอร์ 1 เข้าไปทำงานเข้าไปรับใช้พ่อแม่พี่น้องประชาชน ในฐานะนายก และ ส.อบจ.
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี