นายประเสริฐศักดิ์ แสงสัทธา ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการเกษตรที่ 2 (สศท.2พิษณุโลก) เปิดเผยว่า ทุเรียนหลงลับแลของจังหวัดอุตรดิตถ์ เป็นหนึ่งในสินค้าเกษตรที่ได้รับการขึ้นทะเบียนสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ (GeographicalIndication : GI) จากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ เมื่อวันที่ 13 มิถุนายน 2555 ทุเรียนหลงลับแลของจังหวัดอุตรดิตถ์มีศักยภาพและโอกาสทางการตลาดสูง โดยทุเรียนหลงลับแลมีลักษณะเด่น คือ มีผลทรงกลม หรือกลมรี ขนาดเล็ก เปลือกบาง เนื้อมาก สีเหลืองเข้ม เนื้อแห้งละเอียดเหนียว มีกลิ่นอ่อน รสชาติหวานมัน เมล็ดลีบเล็ก จุดกำเนิดของทุเรียนหลงลับแลอุตรดิตถ์มาจากทุเรียนสายพันธุ์พื้นเมืองที่มีความพิเศษแตกต่างจากทุเรียนพื้นเมืองทั่วไป คือ เป็นทุเรียนที่มีรสชาติดีเมล็ดลีบ ซึ่งภายหลังจากส่งเข้าประกวดทุเรียนและได้รับรางวัลยอดเยี่ยม เกษตรกรจึงได้รับการส่งเสริมให้ปลูกและขยายพันธุ์มาอย่างต่อเนื่อง ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับสินค้าและภูมิปัญญาท้องถิ่น พร้อมช่วยเพิ่มช่องทางการจำหน่ายมากยิ่งขึ้น
สศท.2 ศึกษาแนวทางการพัฒนาทุเรียนหลงลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์ ที่ได้รับการรับรองสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์ โดยผลการศึกษา พบว่า ปัจจุบันจังหวัดอุตรดิตถ์มีเนื้อที่เพาะปลูกทุเรียนหลงลับแล ที่ได้รับการขึ้นทะเบียน GI จำนวน 2,612 ไร่ปริมาณผลผลิตรวม 1,400 ตัน แหล่งผลิตสำคัญอยู่ที่อำเภอเมือง อำเภอลับแล และอำเภอท่าปลา เนื่องจากสภาพดินระบายน้ำได้ดี มีอินทรีย์วัตถุตามไหล่เขา และเป็นพื้นที่ลาดเอียง มีสภาพอากาศที่เหมาะสม ส่งผลให้มีการสะสมพลังงานในรูปของสารประกอบคาร์โบไฮเดรตมาก ซึ่งเหมาะสมต่อการเจริญเติบโตของทุเรียนหลงลับแลเป็นอย่างมาก สำหรับต้นทุนการผลิตเฉลี่ย 46,306 บาท/ไร่ (เริ่มให้ผลผลิตในปีที่ 6 - 7 และสามารถเก็บเกี่ยวได้ประมาณ 25 - 30 ปี) นิยมปลูกในช่วงต้นฤดูฝน ระยะเวลาการเก็บเกี่ยวอยู่ในช่วงเดือนพฤษภาคมถึงสิงหาคมของทุกปี โดยเกษตรกรจะทำการเก็บเกี่ยวเมื่อผลทุเรียนแก่จัด ซึ่งนับตั้งแต่วันดอกบานไปประมาณ 105 - 110 วัน ให้ผลผลิตเฉลี่ย 1,253 กก./ไร่ ผลตอบแทนเฉลี่ย 324,466 บาท/ไร่ คิดเป็นผลตอบแทนสุทธิ (กำไร) เฉลี่ย 278,160 บาท/ไร่ราคาที่เกษตรกรขายได้ (เกรดคละ) เฉลี่ย 259 บาท/กก.
หากมองถึงสถานการณ์ตลาด พบว่า ผลผลิตส่วนใหญ่ร้อยละ 60 เกษตรกรจำหน่ายให้กับผู้ประกอบการรับซื้อ (ล้ง) ในจังหวัดอุตรดิตถ์ มีเพียงบางส่วนที่จำหน่ายให้แก่พ่อค้ารับซื้อทั่วไปจากต่างจังหวัด เพื่อนำไปจำหน่ายผ่านหน้าร้าน ส่วนอีกร้อยละ 40 จำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ เช่น เว็บไซต์ facebook ให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง โดยจัดส่งสินค้าผ่านหลายช่องทาง เช่น ไปรษณีย์ไทย KerryExpress ปัจจุบันทุเรียนหลงลับแลพึ่งพาตลาดภายในประเทศเป็นหลัก สำหรับทิศทางตลาดในอนาคตคาดว่า จะมีการขยายเนื้อที่เพาะปลูก เนื่องจากปัจจุบันปริมาณผลผลิตไม่พอความต้องการของตลาดที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
ผู้อำนวยการ สศท.2 กล่าวต่อไปว่า สำหรับแนวทางการพัฒนาเพื่อยกระดับทุเรียนหลงลับแล GI ของจังหวัดอุตรดิตถ์ จะเน้น 4 แนวทาง ได้แก่ แนวทางกลยุทธ์เชิงรุก โดยเชื่อมโยงเครือข่ายพันธมิตรสินค้า GI ผู้ประกอบการธุรกิจห้องเย็นเพื่อเก็บสต๊อกสินค้าจากเครือข่ายภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา และส่งเสริมการตลาด แนวทางกลยุทธ์เชิงแก้ไข สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเกษตร เช่น ระบบส่งน้ำ ระบบประปาบนพื้นที่สูง การพัฒนากระบวนการผลิตด้วยภูมิปัญญาท้องถิ่นเพื่ออนุรักษ์และสร้างมูลค่าเพิ่มสู่การท่องเที่ยวเชิงเกษตร และพัฒนานวัตกรรมการเก็บเกี่ยวผลผลิตบนพื้นที่สูง แนวทางกลยุทธ์เชิงป้องกัน สร้างองค์กรภาคีเครือข่าย สนับสนุนองค์ความรู้การพัฒนาสินค้า GI และ Stakeholdersเพื่อพัฒนาระบบตลาด ส่งเสริมการสร้างชุมชนสินค้าGI ต้นแบบ และแนวทางกลยุทธ์เชิงรับ กำหนดมาตรฐานการพัฒนาคุณภาพเพื่อรักษาชื่อเสียงและภาพลักษณ์สินค้า GI พัฒนาระบบการจัดเก็บข้อมูลการผลิตและการบริหารจัดการตลอดห่วงโซ่อุปทาน
ทั้งนี้ ผลการศึกษาวิจัยแนวทางการพัฒนาทุเรียนหลงลับแล GI ดังกล่าวสามารถนำไปเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาจัดทำแผนงานโครงการเพื่อพัฒนาและยกระดับคุณภาพทุเรียนหลงลับแล GI ให้ได้มาตรฐาน สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภค และพัฒนาสู่การส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศ รวมถึงเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจให้แก่จังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ในระยะยาว หากท่านสนใจผลการศึกษาเพิ่มเติม สามารถสอบถามได้ที่ สศท.2 โทร. 0-5532-2650 และ 0-5532-2658 หรือ อีเมล์ zone2@oae.go.th
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี