"ศาลอาญาคดีทุจริต"พิพากษาคดีบอร์ดป.ป.ท.ชี้มูลความผิดเจ้าพนักงานหญิง สังกัดกรมคุมประพฤติ อมเงินประกันตัวปล่อยชั่วคราวผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด รวมจำนวน 1.89 ล้าน ลงโทษจำคุก 261 ปี 348 เดือน แต่ให้ลงโทษจำคุก50ปี ตามกม.อาญามาตร 91(3)และสั่งชดใช้เงินคืน

เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2564 กลุ่มงานคณะกรรมการ กองบริหารคดี สำนักงานคณะกรรมการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการ ป.ป.ท.พิจารณามีมติเห็นชอบไม่ฎีกาคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ตามความเห็นของพนักงานอัยการ ภายหลังที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ได้ตัดสินพิพากษาในชั้นศาลอุทธรณ์ เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2563 โดยพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นในคดี นาง ส.เจ้าพนักงานธุรการชำนาญงาน สังกัดสำนักงานคุมประพฤติแห่งหนึ่งในเขตพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้กระทำการทุจริตในภาครัฐ เนื่องจากมีหน้าที่รับเงินกลางและเงินประกันตัวสำหรับการปล่อยชั่วคราวผู้เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพผู้ติดยาเสพติด โดยเมื่อรับเงินแล้วไม่นำส่งเข้าบัญชีธนาคารตามระเบียบและเบียดบังเงินดังกล่าวไปเป็นของตนเองหรือของผู้อื่นโดยทุจริต เป็นเงินทั้งสิ้น 1,890,000 บาท

ทั้งนี้ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง พิพากษาในศาลชั้นต้น เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2562 ว่า นาง ส.จำเลย มีความผิดตามสำนวนคดีที่คณะกรรมการ ป.ป.ท.ได้มีมติในการประชุมเมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2559 ชี้มูลว่า นาง ส.ผู้ถูกกล่าวหามีความผิด โดยศาลพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (เดิม) จึงตัดสินลงโทษจำคุกกระทงละ 5 ปี แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคคดี จึงมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กระทงละหนึ่งในสาม คุกกระทงละ 3 ปี 4 เดือน รวม 87 กระทง จำคุก 261 ปี 348 เดือน แต่เมื่อรวมโทษทุกกระทงแล้วให้จำคุก 50 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 (3) และให้ชดใช้หรือคืนเงิน 1,890,000 บาท แก่กรมคุมประพฤติ ซึ่งต่อมาจำเลยยื่นอุทธรณ์