กทม.เผยมี 27 คลัสเตอร์เฝ้าระวัง กระจายใน 17 เขต ห่วง‘5 คลัสเตอร์สำคัญ’ ด้าน ศบค.เปิดตัวเลข “แคมป์คนงานหลักสี่” ติดเชื้อ 86% กาง ‘กฎเหล็ก’ คุมเข้ม ‘สั่งปิด-ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงาน’
เมื่อเวลา 12.30 น.วันที่ 16 พฤษภาคม 2564 ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. แถลงสถานการณ์ประจำวัน (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : โควิดยังแรง! อาการหนัก 1,228 ราย ‘คุก’ติดเพิ่มอีก 1,219 ราย) ช่วงหนึ่ง ว่า ทาง กทม.ได้รายงานว่าขณะนี้มีคลัสเตอร์ที่เฝ้าระวัง 27 คลัสเตอร์ กระจายตัวใน 17 เขต สามารถควบคุมได้แล้ว 7 คลัสเตอร์ และมีที่น่าเป็นห่วง 5 คลัสเตอร์สำคัญที่มีอัตราการติดเชื้อเพิ่มขึ้นรายวัน คือ แคมป์คนงานก่อสร้างเขตหลักสี่ , แคมป์คนงานก่อสร้างเขตวัฒนา , แฟลตดินแดง , คลองถมวงเวียน 22 เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย และตลาดห้วยขวาง เขตดินแดง ขอให้ประชาชนติดตามข้อมูลการตรวจเชิงรุกที่ กทม.จะเข้าไปดำเนินการ
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของแคมป์คนงานก่อสร้างเขตหลักสี่ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม ที่ผ่านมา มีการตรวจเชิงรุก 559 ราย ติดเชื้อ 482 ราย หรือ 86.22% ทำให้มีการปิดแคมป์คนงานดังกล่าวไปแล้ว และให้บริษัทเจ้าของแคมป์ตรวจแคมป์คนงานอื่นๆในเครือทั้งหมด จากการสอบสวนโรคพบว่าความเป็นอยู่ในแคมป์ค่อนข้างหนาแน่น มีการใช้พื้นที่ส่วนกลางร่วมกัน พฤติกรรมคนงานยังเดินทางไปในตลาด ชุมชน พื้นที่ใกล้เคียง รวมถึงเดินทางข้ามพื้นที่
“ที่ประชุมจึงกำหนดมาตรการที่จะประกาศใช้ให้บริษัทเหล่านี้รับทราบว่าให้มีการจัดที่พักอาศัยไม่ให้มีความหนาแน่น ทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลาง คัดกรองคนงานหากมีอาการให้หยุดปฏิบัติงานและส่งตรวจ ในส่วนของการเดินทางนั้นให้ดำเนินการแบบบับเบิลแอนด์ซีล ห้ามเคลื่อนย้ายแรงงาน แต่หากจำเป็นให้ขออนุญาตเข้ามา หลังจากนี้กรมควบคุมโรคจะเข้าไปตรวจสอบ และเมื่อสั่งห้ามเคลื่อนย้ายแรงงานแล้ว จะมีการจัดหาเครื่องอุปโภคบริโภคเข้าไปช่วยเหลือ” พญ.อภิสมัย กล่าว
พญ.อภิสมัย กล่าวอีกว่า สำหรับคนงานต่างด้าวจะมีล่ามเข้าไปช่วยสื่อสาร หากพบเป็นผู้ป่วยจะให้อยู่ในโรงพยาบาลสนามศูนย์ห่วงใยคนสาคร วัฒนาแฟคตอรี่ และศูนย์ห่วงใยคนสาคร บริษัท วิท วอเตอร์ ซิสเต็ม ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด รวมถึงจะพิจารณาฉีดวัคซีนให้สอดคล้องกันไปเพื่อความปลอดภัยของบุคลากร
นอกจากนี้กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ยังได้รายงานการเก็บตัวอย่างภูมิคุ้มกันของผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 และหายแล้ว 263 ตัวอย่าง พบว่า มีภูมิคุ้มกันธรรมชาติ 243 ราย หรือ 92.40% ขณะที่ผู้ได้รับวัคซีนแอสตราเซเนกา 2 เข็มแล้วจะมีภูมิคุ้มกัน 97.26% ผู้ที่ได้รับวัคซีนซิโนแวค 2 เข็มแล้วจะมีภูมิคุ้มกัน 99.49% ซึ่งกลุ่มประชาชนที่มีการฉีดวัคซีนแล้วจะมีภูมิคุ้มกันมากกว่าผู้ที่มีภูมิคุ้มกันธรรมชาติ
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี