เรื่องแดงแล้ว! 'พิยดา'ซัดกลับครอบครัวแฟนบงการทั้งหมด 'ขอโทษ'ครอบครัวผู้เสียหาย

เรื่องแดงแล้ว! 'พิยดา'ซัดกลับครอบครัวแฟนบงการทั้งหมด 'ขอโทษ'ครอบครัวผู้เสียหาย

วันพุธ ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2564, 15.15 น.

ความคืบหน้าคดี น.ส.พิยดา ทองคำพันธ์ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาคดีโกงหลอกขายไอโฟนผ่านอินสตราแกรม PhonebyMint เป็นเหตุให้ ด.ช.อายุ 14 ปี ที่ถูกหลอก เครียดจนเส้นเลือดในสมองแตกเสียชีวิต ที่อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ก่อนเข้ามอบตัวและถูกควบคุมตัวส่งพนักงานสอบสวน สภ.นาหวาย เมื่อวันที่ 28 ก.ย.ที่ผ่านมา ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : 'พิยดา'ทนกดดันไม่ไหว โร่มอบตัวตร.เชียงใหม่สู้คดีหลอกขายไอโฟน)

เมื่อวันที่ 29 กันยายน 2564 รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า ช่วงเที่ยงวันนี้ (29 ก.ย.64) ที่สถานีตำรวจภูธรนาหวาย อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ พนักงานสอบสวนควบคุมตัวนางสาวพิยดา ทองคำพันธ์ อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาคดีหลอกขายโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเป็นเหตุให้เด็กชายนักเรียนชั้น ม.2 อายุ 14 ปี ที่อำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ เครียดจนเส้นสมองแตกเสียชีวิต ทำการสอบปากคำเพิ่มเติมเพื่อทำสำนวนดำเนินคดีข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนโดยทุจริต และพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ รวมทั้งความผิดฐานร่วมกันฟอกเงิน จากนั้นได้นำตัวนางสาวพิยดา ออกจากสถานีตำรวจนาหวาย ไปควบคุมตัวต่อไว้ที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ ขณะที่พนักงานสอบสวนไปศาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อยื่นคำร้องขอฝากขังนางสาวพิยดา โดยที่ทนายความของนางสาวพิยดา ตามไปที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ เพื่อเตรียมยื่นเรื่องขอประกันตัวด้วย


ทั้งนี้นางสาวพิยดา เปิดเผยระหว่างที่เดินลงจากสถานีตำรวจไปขึ้นรถควบคุมตัวผู้ต้องหาว่า รู้สึกเสียใจที่ตกเป็นเครื่องมือถูกหลอกใช้จากครอบครัวของแฟนหนุ่มในการก่อเหตุกระทำความผิดหลอกขายโทรศัพท์มือถือจนมีผู้เสียหายจำนวนมาก ซึ่งยืนยันว่าตัวเองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นใดๆ เกี่ยวกับการกระทำความผิดที่เกิดขึ้นเลย แต่ถูกแอบอ้างนำชื่อไปใช้ในการก่อเหตุและโยนความผิดมาให้รับคนเดียว โดยในกรณีของ “น้องก้อง” เด็กชายนักเรียนชั้น ม.2 อายุ 14 ปีที่เสียชีวิตนั้น ตัวเองไม่ได้มีส่วนรู้เห็นและไม่ได้เป็นคนหลอกขายโทรศัพท์ให้ อย่างไรก็ตามเมื่อเป็นคดีและมีชื่อตัวเองตกเป็นผู้ต้องหาแล้วก็รู้สึกเสียใจและขอโทษครอบครัวของผู้เสียหายด้วย

ด้านนายวิเชียร อินเรน ทนายความส่วนตัวของนางสาวพิยดา เปิดเผยว่า เบื้องต้นถึงเวลานี้นางสาวพิยดาปฏิเสธ ยืนยันให้การตลอดข้อกล่าวหา และจากนี้กำลังเร่งตรวจสอบรวบรวมเอกสารเกี่ยวกับรายรับรายจ่ายเพื่อนำมาใช้เป็นหลักฐานยืนยันในการต่อสู้คดี ส่วนประเด็นที่นางสาวพิยด้าอ้างว่าครอบครัวของแฟนหนุ่มเป็นผู้บงการทั้งหมด โดยที่ตัวนางสาวพิยดาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นด้วยนั้น ตัวเองยังไม่ทราบข้อเท็จจริง ขณะที่ในส่วนของเรื่องเงินจำนวน 700,000 บาท ที่พ่อและแม่เลี้ยงเตรียมมาเพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ประกันตัว แต่ถูกตำรวจอายัดไปตรวจสอบนั้น กำลังเร่งทำเรื่องขอคืนจากตำรวจ และกำลังรอว่าจะได้รับอนุญาตหรือไม่ ทั้งนี้ไม่ขอออกความเห็นว่าเป็นการกลั่นแกล้งหรือไม่ สำหรับการขอประกันตัวนางสาวพิยดานั้น จะต้องไปยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งจะพยายามทำให้ทันภายในวันนี้ ส่วนจะได้รับอนุญาตให้ประกันตัวหรือไม่นั้น เป็นดุลยพินิจของศาล

ขณะที่ พ.ต.อ.สกุลรัชช์ คงทอง ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรนาหวาย อำเภอเชียงดาว เปิดเผยว่า วันนี้พนักงานสอบสวนจะยื่นคำร้องขอฝากขังนางสาวพิยดา ต่อศาลจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งในชั้นสอบสวนทางพนักงานสอบสวนได้คัดค้านการประกันตัวเนื่องจากเกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี ส่วนขั้นตอนการยื่นประกันตัวในชั้นศาลนั้นเป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาที่สามารถทำได้

รายงานข่าวแจ้งว่า ทางครอบครัวของนางสาวพิยดา พร้อมทนายความ เตรียมยื่นเรื่องขอประกันตัวที่ศาลจังหวัดเชียงใหม่ตามขั้นตอน โดยตามรายงานข่าวแจ้งว่า หากศาลให้ประกันตัวก็มีหมายจับจากพื้นที่อื่นเตรียมอายัดตัวไปดำเนินคดีต่อไปแล้ว แต่หากศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัว ทางเจ้าหน้าที่จะทำการส่งนางสาวพิยดาไปควบคุมอยู่ที่สถานพินิจและคุ้มครองเด็กและเยาวชนจังหวัดเชียงใหม่ ระหว่างดำเนินคดี เนื่องจากอายุยังครบ 20 ปี และหากได้รับการปล่อยตัวก็มีหมายจับจากพื้นที่อื่นเตรียมอายัดตัวไปดำเนินคดีต่อเช่นกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ช่วงเช้าที่ผ่านมา  ตำรวจกองบัญชาการสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) หรือ ตำรวจไซเปอร์ นำหมายศาลเข้าตรวจค้นห้องพักใน อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ของพ่อและแม่เลี้ยงของ น.ส.พิยดา ไปเปิดพักไว้ ระหว่างรอการทำเรื่องประกันตัว น.ส.พิยดา กับศาลจังหวัดเชียงใหม่  เนื่องจากคาดว่าทั้งคู่จะมีส่วนรู้เห็นในการพา น.ส.พิยดา หลบหนี จากการตรวตค้นพบ โทรศัพท์ไอโพนจำนวน 4 เครื่อง 1 เครื่องเป็นของพิยดา และพบเงินสดอีกจำนวน 700,000 บาท

ด้าน พล.ต.ต.กานตพงศ์ ชัยรุ่งเรือง ผบก.สอท.2 กล่าวว่า กรณีที่ผู้ต้องหา และครอบครัวแฟนของผู้ต้องหาให้ข้อมูลขัดแย้งกันไปมานั้น ไม่เป็นอุปสรรคในการสืบสวนสอบสวน เพียงแค่อาจจะทำให้ตำรวจเสียเวลาในการสืบสวนสอบสวน ซึ่งหลังจากนี้ บก.สอท.จะทำการสืบสวนต่อว่าบุคคลใดที่ให้ข้อมูลเป็นไปตามข้อเท็จจริง แต่ตำรวจมีข้อมูลว่า น.ส.พิยดา มีประวัติเคยก่อเหตุในลักษณเดียวกันมาถึง 3 คดี จึงมีเหตุเชื่อได้ว่า น.ส.พิยดาคือผู้บงการ แต่การดำเนินคดีกับบุคคลอื่นอยู่ระหว่างการรวบรวมพยานหลักฐาน

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้พบข้อมูลบางที่มีผู้เสียหายอยู่ในพื้นที่ สภ.โพธาราม จ.ราชบุรี จนศาลอนุมัติออกหมายจับ น.ส.พิยดา อีก 2 หมาย มีผู้เสียหายเข้าแจ้งความแล้ว 53 คน มูลค่าความเสียหายหลายแสนบาท 
 

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top