“แชร์ลูกโซ่” ปรับแผนหลอกเหยื่อร่วมทุนขายสินค้ารูปแบบร้านสะดวกซื้อ โชว์แผนการตลาดสุดหรูได้กำไรสัปดาห์ละ 100% เสียหายทั่วประเทศมูลค่า 100 ล้านบาท ร้องรับเป็นคดีพิเศษ ขณะที่ “ดีเอสไอ” แฉแก๊งมิจฉาชีพเปลี่ยนแผนประทุษกรรมฉ้อโกง
21 มกราคม 2565 พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองบริหารคดีพิเศษ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) รับหนังสือจากกลุ่มผู้เสียหายจากการลงทุนซื้อสินค้าผ่านแอพลิเคชั่นจากบริษัทในลักษณะแชร์ลูกโซ่ นำโดยนางอรปรียา แก้วพูล มูลค่าความเสียหายประมาณ 100 ล้านบาท ผู้เสียหายกว่า 400 คน
นางอรปรียา กล่าวว่า ตนและครอบครัวได้รับการชักชวนจากเพื่อนที่เป็นพนักงานบริษัทให้สมัครเป็นสมาชิกในโครงการสมาร์ทพลัสโดยบริษัทดังกล่าวที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ จ.ปทุมธานี ก่อตั้งในปี 2563 มีการระบุว่าบริษัทจำหน่ายสินค้าในลักษณะเดียวกับร้านสะดวกซื้อชื่อดังในประเทศ และนำสินค้าโอทอปจากจังหวัดต่างๆเข้ามาจำหน่าย ผู้ร่วมลงทุนสามารถสมัครสมาชิกได้โดยจ่ายค่าสมัครแรกเข้าจำนวน 1,200 บาท เมื่อครบ 7 วันจะได้รับเหรียญแลกรางวัล 155,000 เหรียญ จะแลกเงินได้ 1,500 บาท ครอบครัวตนได้เริ่มลงทุนซื้อสินค้าตั้งแต่เดือน ก.ค.63 เคยได้ผลตอบแทนกลับมาเป็นหลักพัน จึงสั่งซื้อสินค้าต่อเนื่องจนถึงเดือน ต.ค.64 รวมวงเงินลงทุนทั้งหมด 12 ล้านบาท ยังมีเหรียญที่ยังไม่สามารถแลกเงินได้อยู่กว่า 2,000,000 เหรียญ
นางอรปรียา กล่าวอีกว่า ตนสอบถามไปยังบริษัทฯได้รับแจ้งว่าต้องเลื่อนการถอนเงินออกไป เนื่องจากแอพพลิเคชั่นขัดข้องอยู่ระหว่างการปรับปรุง ขณะที่เพื่อนที่ร่วมลงทุนพบปัญหาในลักษณะเดียว กัน แต่จากการสอบถามกลุ่มที่ร่วมลงทุนกับบริษัทดังกล่าวในหลายจังหวัด เช่น ขอนแก่น เชียงราย เชียงใหม่ ไม่สามารถออกเงินออกจากแอพพลิเคชั่นได้ ในส่วนของตนทราบว่าถูกหลอกจึงได้ไปแจ้งความที่ สภ.ขอนแก่น และยื่นหนังสือร้องทุกข์ต่อคณะกรรมาธิการฯด้านป้องกันและปราบรามการฟอกเงินที่รัฐสภา และยื่นหนังสือขอให้ดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษ เนื่องจากมีผู้เสียหายจำนวนมาก
“หลังจากเข้าแจ้งความและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้สอบปากคำตนและผู้เสียหายคนอื่นๆแล้ว ปรากฏว่า ทางบริษัทได้ข่มขู่และทำการบล็อกรายชื่อสมาชิก ไม่จ่ายเงิน และระบุว่าจะจ้างทนายฟ้องกลับผู้เสียหาย อย่างไรก็ตามแม้จะมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความและร้องทุกข์กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่พบว่าบริษัทยังคงเปิดดำเนินการตามปกติ จึงอยากให้ดีเอสไอเข้าไปสอบข้อเท็จจริง” นางอรปรียา กล่าว
ด้าน พ.ต.ต วรณัน กล่าวว่า หลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิดใน 2 ปีที่ผ่านมา พบปัญหาการหลอกร่วมทุนลักษณะแชร์ลูกโซ่ได้กลับมาอีกครั้ง มีการปรับเปลี่ยนแผนประทุษกรรมไปเรื่อยๆ จากเดิมที่หลอกในรูปแบบที่ไม่ซับซ้อน ก็จะใช้เทคโนโลยีด้วยการสร้างแอพพลิเคชั่น มีการแลก เบิก จ่ายเงินในการทำธุรกรรมโดยให้ใช้เหรียญรางวัลสะสมคะแนนแทนเงินสด จึงอยากเตือนประชาชนให้ระมัดระวังการลงทุน ทั้งนี้พฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน และต้องดูมูลค่าความเสียหายว่าเข้าข่ายที่ดีเอสไอจะรับเป็นคดีพิเศษได้หรือไม่ เบื้องต้นทราบว่าบริษัทอ้างแผนการลงทุน 1,200 บาท จะได้รับผลตอบแทน 1,500 บาท หากลงทุนครบ 1 สัปดาห์ จะได้รับค่าตอบแทน 100 เปอร์เซ็นต์
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี