เปิดข้อกฎหมาย!‘นายกสภาทนายความ’จำแนกพฤติการณ์แบบไหนผิด‘ขายตรง-ฉ้อโกง’

เปิดข้อกฎหมาย!‘นายกสภาทนายความ’จำแนกพฤติการณ์แบบไหนผิด‘ขายตรง-ฉ้อโกง’

วันอังคาร ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2567, 14.56 น.

‘นายกสภาทนาย’ชี้ข้อกฎหมายประกอบธุรกิจขายตรง กู้ยืมเงินที่เป็นการแชร์ลูกโซ่ หรือฉ้อโกงประชาชน พวกใช้สื่อทุกแพลตฟอร์ม ผ่านตัวแทน สินค้าไม่ตรงปก เรียกเก็บค่าธรรมเนียม ค่าสมาชิก ตุ๋นเหยื่อ เข้าข่ายหลอกลวง ผิด‘พ.ร.บ.ขายตรง’

22 ตุลาคม 67 ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ กล่าวแนะนำข้อกฎหมายที่ควรรู้เกี่ยวกับการ ประกอบธุรกิจขายตรง การกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกง (แชร์ลูกโซ่) หรือการฉ้อโกงประชาชน ว่า    เหตุผลในการประกาศใช้ พ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560  โดยที่การประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าหรือบริการในปัจจุบันได้ใช้วิธีการทำตลาดในลักษณะที่เข้าถึงผู้บริโภค โดยการเสนอขายสินค้าหรือบริการแก่ผู้บริโภคโดยตรง ณ ที่อยู่อาศัย หรือสถานที่ทำงานของผู้บริโภคหรือของบุคคลอื่น หรือสถานที่อื่นที่ไม่ใช่สถานที่ประกอบการค้าเป็นปกติธุระ โดยการอธิบายหรือการสาธิตสินค้าผ่านผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรง การเสนอขายสินค้าหรือบริการในลักษณะดังกล่าวทำให้ผู้บริโภคอยู่ในสภาวการณ์ที่ไม่อาจตัดสินใจตกลงซื้อสินค้าหรือรับบริการได้อย่างอิสระและรอบคอบ


นอกจากนี้ ยังมีการประกอบธุรกิจจำหน่ายสินค้าหรือบริการในลักษณะของการสื่อสารข้อมูลเพื่อเสนอขายสินค้าหรือบริการโดยตรงต่อผู้บริโภค เช่น โดยอาศัยสื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมุ่งหวังให้ผู้บริโภคซึ่งอยู่ห่างโดยระยะทางแสดงเจตนาตอบกลับเพื่อซื้อสินค้าหรือบริการดังกล่าวนั้น ซึ่งในกรณีนี้สินค้าหรือบริการดังกล่าวอาจไม่ตรงกับคำกล่าวอ้างตามที่ได้โฆษณาไว้ อีกทั้งการทำตลาดขายตรงและตลาดแบบตรงในปัจจุบันได้มีการใช้วิธีการชักชวนและจัดให้ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในธุรกิจดังกล่าว โดยตกลงจะให้ผลประโยชน์ตอบแทนจากการหาผู้เข้าร่วมเครือข่ายดังกล่าว ซึ่งจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น อันมีลักษณะเป็นการหลอกลวงประชาชน การทำตลาดสินค้าหรือบริการในลักษณะของการขายแบบเชิงรุกดังกล่าว ทำให้ประชาชนโดยทั่วไปในฐานะผู้บริโภคตกอยู่ในฐานะที่เสียเปรียบและก่อให้เกิดความไม่เป็นธรรมและไม่สงบสุขในสังคม

ประกอบกับบทบัญญัติของกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันยังไม่สามารถให้ความคุ้มครองแก่ผู้บริโภคได้อย่างเพียงพอ จึงจำเป็นต้องตราพ.ร.บ.นี้การประกอบธุรกิจขายตรงและตลาดแบบตรง ได้กำหนดห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงดำเนินกิจการในลักษณะที่เป็นการชักชวนให้บุคคลเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจขายตรงหรือการประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยตกลงว่าจะให้ผลประโยชน์ ตอบแทนการหาผู้ร่วมเครือข่ายดังกล่าวซึ่งคำนวณจากจำนวนผู้เข้าร่วมเครือข่ายที่เพิ่มขึ้น (มาตรา 19) ถ้าฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีและปรับ 5แสนบาท

นอกจากนี้ยังได้กำหนดห้ามมิให้ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการสมัครเข้าเป็นสมาชิก ค่าฝึกอบรม ค่าวัสดุอุปกรณ์ส่งเสริมการขาย หรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ อันเกี่ยวเนื่องกับการเข้าร่วมเป็นเครือข่ายในการประกอบธุรกิจขายตรงจากผู้จำหน่ายอิสระหรือตัวแทนขายตรงที่ไม่ใช่ลูกค้าในอัตราที่สูงกว่าที่คณะกรรมการประกาศกำหนด (มาตรา 22) หากฝ่าฝืนต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาทหรือทั้งจำทั้งปรับ

เมื่อพิจารณาตามข้อกฎหมายดังกล่าว หากมีผู้เสียหายได้ทำการแจ้งความดำเนินคดีผู้ประกอบธุรกิจขายตรงและข้อเท็จจริงเป็นอันยุติที่เข้าองค์ประกอบความผิด ผู้ประกอบธุรกิจขายตรงไม่อาจที่จะปฏิเสธความรับผิดได้

ตามพ.ร.บ.ขายตรงและตลาดแบบตรง (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2560 หากได้มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างเครือข่ายกฎหมายยังได้กำหนดให้นำบทบัญญัติของกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้บริโภคในส่วนที่เกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภคด้านการโฆษณามาใช้บังคับแก่การสื่อสารข้อมูลเพื่อเสนอขายสินค้าหรือบริการของผู้ประกอบธุรกิจตลาดแบบตรงโดยอนุโลม โดยให้ถือว่าอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคเป็นอำนาจหน้าที่ของรัฐมนตรีและให้ถือว่าอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการว่าด้วยสัญญาเป็นอำนาจของคณะกรรมการ (มาตรา 29) จึงหนีไม่พ้นที่ผู้ประกอบธุรกิจแบบขายตรงจะต้องรับผิดตามพ.ร.บ.คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ.2522

อาจเชื่อมโยงความผิดตามพ.ร.ก.กู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ด้วย ซึ่งตามคำนิยามคำว่า“กู้ยืมเงิน” หมายความว่า รับเงิน ทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด ไม่ว่าในลักษณะของการรับฝาก การกู้ การจำหน่ายบัตรหรือสิ่งอื่นใด การรับเข้าเป็นการรับเข้าร่วมลงทุน การรับเข้าร่วมกระทำการอย่างใดอย่าง หรือลักษณะ โดยผู้กู้ยืมเงินหรือบุคคลอื่นจ่ายผลประโยชน์ตอบแทน หรือตกลงว่าจะจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน

ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการรับเพื่อตนเองหรือรับในฐานะตัวแทนหรือลูกจ้างของผู้กู้ยืมเงินหรือของผู้ให้กู้ยืมเงินหรือในฐานะอื่นใด และไม่ว่าการรับหรือ ทรัพย์สิน ผลประโยชน์อื่นใด หรือผลประโยชน์ตอบแทนนั้นจะกระทำด้วยวิธีการใดๆ โดยเฉพาะในมาตรา 4 ซึ่งมีหลักกฎหมายว่า ผู้ใดโฆษณาหรือประกาศให้ปรากฏต่อประชาชนหรือกระทำการด้วยประการใดๆ ให้ปรากฏแก่บุคคลตั้งแต่ 10คนขึ้นไปว่าในการกู้ยืมเงินตน หรือบุคคลใดจะจ่ายหรืออาจจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนให้ตามพฤติการณ์แห่งการกู้ยืมเงิน ในอัตราที่สูงกว่าอัตราดอกเบี้ยสูงสุดที่สถาบันการเงินตามกฎหมายว่าด้วยดอกเบี้ยเงินให้กู้ของสถาบันการเงินจะพึงจ่ายได้ โดยที่ตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าตนหรือบุคคลนั้นจะนำเงินจากผู้ให้กู้ยืมเงินรายนั้นหรือรายอื่นมาจ่ายหมุนเวียนให้แก่ผู้ให้กู้ยืมเงิน หรือโดยตนรู้หรือควรรู้อยู่แล้วว่าตนหรือบุคคลนั้นไม่สามารถประกอบกิจการใดๆ โดยชอบด้วยกฎหมายที่จะให้ผลประโยชน์ตอบแทนพอเพียงที่จะนำมาจ่ายในอัตรานั้นได้และในการนั้นเป็นเหตุให้ตนหรือบุคคลใดได้กู้ยืมเงินไป ผู้นั้นกระทำความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

ผู้ใดกระทำความผิดฐานกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 5  -15ปีและปรับตั้งแต่ 1บาทถึง 1ล้านบาทและปรับอีกไม่เกินวันละหนึ่งหมื่นบาทตลอดเวลาที่ยังฝ่าฝืนอยู่

นอกจากนี้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 343 ยังมีหลักกฎหมายที่สำคัญ คือผู้ใดโดยทุจริตหลอกลวงผู้อื่นด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จต่อประชาชนหรือปกปิดความจริงซึ่งควรบอกให้แจ้งแก่ประชาชนและได้ไปซึ่งทรัพย์สินจากผู้ถูกหลอกลวงผู้กระทำย่อมมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ต้องระวังโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปีหรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

ส่วนกรณีมีบุคคลที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการกระทำดังกล่าวเช่นการไปร่วมโฆษณาประชาสัมพันธ์ ให้คนสนใจสมัครเป็นเครือข่ายอาจมีความผิดในฐานะเป็นผู้สนับสนุน หรือ หากมีการไปร่วมทุนกับผู้ประกอบธุรกิจขายตรงอาจถือว่าเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิดก็ได้

-005

 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top