"สุเทพ"ขึ้นศาลสอบคำให้การคดีทุจริตฯฮั้วประมูลโรงพัก 396 เเห่ง ส่งคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร ยันคดีที่ศาลฎีกานักการเมืองไม่ยุ่งยากยืดเยื้อ
เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 17 ก พ. ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง (อม.) สนามหลวง ศาลนัดพิจารณาครั้งแรก เพื่อสอบคำให้การจำเลยคดีหมายเลขดำ อม.22/2564 ที่ ป.ป.ช. เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ,พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ , พล.ต.ต.สัจจะ คชหิรัญ , พ.ต.ท.สุริยา แจ้งสุวรรณ์ , บริษัท พีซีซี ดีเวลล็อปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด และนายวิศณุ วิเศษสิงห์กับพวกรวม 6 คน เป็นจำเลยที่1-6 กรณีร่วมฮั้วประมูลโครงการสร้างโรงพักทดเเทนโครงการก่อสร้างอาคารที่พัก (แฟลตตำรวจ)
กรณีเมื่อระหว่างวันที่ 9 มิ.ย.52-18 เม.ย.56 จำเลยที่ 1เเละที่ 2 เปลี่ยนแปลงแนวทางการจัดซื้อจัดจ้างโครงการก่อสร้างอาคารที่ทำการสถานีตำรวจ (ทดแทน) จำนวน 396หลัง จากราคาภาคแยกสัญญามาเป็นการรวมจัดจ้างก่อสร้างไว้ที่ส่วนกลางสัญญาเดียว โดยจำเลยที่ 5 เป็นผู้ชนะการประกวดราคาจำเลยที่ 6 ยื่นเอกสารบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคาได้เสนอ ราคาต่ำอย่างผิดปกติ จำเลยที่ 3-4 ในฐานะคณะกรรมการประกวดราคา ไม่ตรวจสอบราคาที่ผิดปกติ ดังกล่าว และได้นำเอกสารบัญชีแสดงปริมาณวัสดุและราคานั้นไปใช้ในการขออนุมัติจ้างและใช้ประกอบ เป็นเอกสารแนบท้ายสัญญา ต่อมาจำเลยที่ 5 ก่อสร้างไม่แล้วเสร็จตามสัญญา เป็นเหตุให้สำนักงานตำรวจ แห่งชาติเสียหาย ขอให้ลงโทษจำเลยที่ 1,2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ลงโทษจำเลยที่ 3,4 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151,157 พระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคา ต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 มาตรา 10,12 กับลงโทษจำเลยที่ 5 ,6ในฐานะผู้สนับสนุนการกระทำผิดด้วย
วันนี้ นายสุเทพจำเลยกับพวกเดินทางมาศาล โดยกล่าวว่า คดีนี้ ป.ป.ช.นำตัวตนมายื่นฟ้องเมื่อวันที่ 30 พ.ย.64 เเละศาลนัดพิจารณาคดีวันนี้เป็นวันเเรกทนายความพร้อมทั้งนัดสอบคำให้การโดยให้ตนยื่นคำให้การโดยย่อเป็นลายลักษณ์อักษรเพื่อเเสดงเเนวทางการต่อสู้คดี การขึ้นศาลฎีกาฯนักการเมืองเเนวทางจะไม่เหมือนศาลอาญาทั่วไปเเต่มีข้อดีที่คดีจะไม่ยืดเยื้อ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับคดีนี้ทาง ป.ป.ช.และอัยการได้ตั้งคณะทำงานพิจารณาร่วมกันของทั้ง 2 หน่วยงาน สุดท้ายอัยการสูงสุด (ขณะนั้น) มีความเห็นสั่งไม่ฟ้องคดี ดังนั้น ป.ป.ช.จึงนำคดีมายื่นฟ้องต่อศาลเอง
นายสุเทพ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสดี ที่จะได้ชี้แจง ข้อกล่าวหาในประเด็นดังกล่าว หลังจากถูกสังคมมองว่ามีความผิด ถูกฟ้องว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการก่อสร้างสถานีตำรวจทดแทน 396 แห่ง ตามที่ทำงานตอน เป็นรองนายกรัฐมนตรี ซึ่ง ความจริงคดีนี้ไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงแต่การไต่สวนยาวนานถึง 6 ปี และเมื่ออัยการสูงสุดก็สั่งไม่ฟ้องพร้อมส่งสำนวนคืนให้กับ ป.ป.ช. ทำให้ ป.ป.ช.ยื่นฟ้องเอง การศาลนัดแรกวันนี้ จะยื่นคำให้การโดยย่อ จำนวน 31 หน้า เพื่อแสดงให้เห็นแนวทางการต่อสู้คดี และเชื่อว่าจากนี้คดีจะไม่ยึดเยื้อแล้ว อาจจะใช้เวลา 1-3 เดือน และจะจบภายในปีนี้
นายสุเทพ กล่าวด้วยว่า วันนี้ก็รู้สึกสบายใจขึ้น เพราะทุกข์ทรมานมาหลายปี จะได้ยุติเสียที แนวทางการต่อสู้ จะยืนยันว่า ตนเองไม่ได้กระทำผิดและดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี และกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง เพราะมติคณะรัฐมนตรีไม่มีเรื่องการกำหนดวิธีการจัดซื้อจัดจ้าง แต่เป็นเรื่องของหัวหน้าส่วนราชการในยุคนั้น ที่จัดซื้อจัดจ้างโดยแบ่งเป็นภาค ซึ่ง ตนเองก็เห็นว่าเป็นวิธีการจัดซื้อจัดจ้างที่ดีที่สุด ซึ่งพลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในขณะนั้นเสนอมา แบะขณะที่ตนเองเห็นชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่ได้ขอตั้งงบประมาณ หลังจากนั่นต่อมาเมื่อมีการจัดตั้งงบประมาณแทนที่จะทำเป็น 9 โครงการ แต่กลับทำเป็นสัญญาเดียว และต่อมาเมื่อพลตำรวจเอกปทีป ตันประเสริฐ รักษาการผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แย้งว่า สัญญาดังกล่าวทำไม่ได้เพราะเข้าข่ายแบ่งซื้อแบ่งจ้างผิดกฎหมาย เนื่องจากร่างประมาณรายจ่ายประจำปี 2553 ออกแล้ว จึงเสนอว่าวิธีการที่ตนเองเห็นชอบขณะนั้นต้องยกเลิกเปลี่ยนมาทำให้ สัญญาเดียว ซึ่งเมื่อไปตรวจดูพบว่า ร่างสัญญางบประมาณรายจ่ายทำเป็นสัญญาเดียว จึงมีการอนุมัติตามที่ขอมา หลังจากนั้นจึงเป็นขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้างด้วยวิธีการ การประมูลแบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีผู้เข้าแข่งขัน 5 ราย ผู้ชนะการประมูล เสนอต่ำกว่าราคากลาง 540 ล้านบาท และต่อมา พลตำรวจเอก วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ คนต่อมา ได้ทำเรื่องเสนอ ยืนยันดำเนินการอย่างถูกต้องตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยพัสดุ ด้วยวิธีการจัดซื้อจัดจ้างทางอิเล็กทรอนิกส์ จึงได้เซ็นต์ลงนามตามเสนอมา จากนั้นตนเองก็พ้นจากตำแหน่ง และมีการขยายเวลาก่อสร้างอีก 270 วัน
นายสุเทพ ระบุว่า ในขณะนั้นนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ นำเรื่องนี้มาโจมตีหวังผลทางการเมืองช่วย พลตำรวจเอกพงศพัศ พงษ์เจริญอดีตผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในช่วงการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ซึ่งตนเองก็ได้ยื่นฟ้องนายธาริต จนนำไปสู่การตัดสินจำคุกและนายธาริต ก็นำเรื่องนี้ไปยื่นฟ้องต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. แต่ทาง ป.ป.ช.ไม่รับฟังพยานบุคคลที่รู้ข้อเท็จจริง เช่น เลขาธิการ และรองเลขาธิการคณะรัฐมนตรี รวมถึงผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ และจะนำบุคคลเหล่านี้มาซักค้านใน การต่อสู้คดีนี้ด้วย เพราะอำนาจศาลฎีกาสามารถ เรียกพยานบุคคล เหล่านี้มาให้ปากคำได้ และส่วนหากชนะคดี จะฟ้องกลับ ป.ป.ช.หรือไม่นั้น อยากให้รอดูตอนจบ อยากให้รอดูตอนจบ รับรองพวกเราจะชอบใจ
-001
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี