โควิดไทยสัญญาณดี
ป่วยใหม่รวมATKเหลือ2.5หมื่นคน
ชี้สายพันธุ์BA.2ระบาดใกล้100%
เร่งฉีดเข็ม3ก่อนปรับสู่โรคประจำถิ่น
ท่องเที่ยวชงเลิก‘ไทยแลนด์พาส’
ใช้วัคซีนพาสปอร์ตแทนเริ่ม1มิ.ย.
ศบค.แถลงติดเชื้อรายวันทรงตัวค่อยๆ ลดลงอยู่ที่ 14,437 ราย ผลบวกจาก ATK 11,396 ราย รวมป่วยรายใหม่ 25,833 คน ตายยังสูง 127 ศพ แยกสาเหตุเสียชีวิต2 กลุ่มคือ ตายเพราะโควิด-โรคร่วม 52:48% เดินหน้าฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อเข้าโหมดโรคประจำถิ่นให้เร็วขึ้นยันไม่เลิกไทยแลนด์พาส แค่ลดขั้นตอนอำนวยความสะดวกนักท่องเที่ยวมาไทย กรมวิทย์เผยโอมิครอนพันธุ์ย่อย BA.2 ครองไทยเกือบ 100% เฝ้าระวังกลายพันธุ์ทุกสัปดาห์
เปิดปท.1พค.ต้องสุ่มตรวจให้มากขึ้น ย้ำฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นสำคัญต้องให้ได้เกิน 80% สธ.ชี้โควิดไทยสัญญาณดีเข้าภาวะหลังระบาด ขอประชาชนใส่แมสต่อ ลดเสี่ยงติดเชื้อ ก.ท่องเที่ยวเตรียมชงศบค.เลิกไทยแลนด์พาส ใช้วัคซีนพาสปอร์ตแทน
เมื่อวันที่ 28 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พญ.สุมนี วัชรสินธุ์ ผู้อำนวยการสำนักสื่อสารความเสี่ยงและพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพ กรมควบคุมโรค ในฐานะผู้ช่วยโฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือศบค.แถลงภาพรวมสถานการณ์ระบาดในประเทศไทยประจำวัน ที่จำนวนผู้ติดเชื้อแนวโน้มทรงตัวลดลง
ติดเชื้อรวมATK25,833ราย
พญ.สุมนีแถลงว่า ไทยพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น 14,437 ราย เป็นการติดเชื้อในประเทศ 14,336 ราย มาจากระบบเฝ้าระวังและระบบบริการ 14,229 ราย มาจากการค้นหาเชิงรุก 107 ราย มาจากเรือนจำ 24 ราย เป็นผู้เดินทางมาจากต่างประเทศ 77 ราย เป็นผู้มีผลบวกจากการตรวจหาเชื้อแบบเอทีเค 11,396 ราย ทำให้มีผู้ติดเชื้อรายใหม่วันนี้รวม 25,833 ราย หายป่วยเพิ่มขึ้น 18,509 ราย อยู่ระหว่างรักษา 158,768 ราย
โคมา1,827ตายยังสูง127คน
ผู้ป่วยอาการหนัก 1,827 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 850 ราย เสียชีวิตเพิ่มขึ้น 127 ราย เป็นชาย 69 ราย หญิง 58 ราย เป็นผู้เสียชีวิตที่อายุ 60 ปีขึ้นไป 101 ราย มีโรคเรื้อรัง 20 ราย มียอดผู้ติดเชื้อสะสมยืนยันตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,224,008 ราย มียอดหายป่วยสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 4,036,969 ราย ยอดผู้เสียชีวิตสะสมตั้งแต่ปี 2563 จำนวน 28,271 ราย
โควิดไทยติดเชื้อ-ตายทรงตัว
พญ.สุมนีกล่าวต่อว่า ทิศทางการติดเชื้อในประเทศไทยขณะนี้ถือว่าค่อยๆ ลดลง แนวโน้มยังทรงๆ ลดลงอย่างช้าๆ เป็นเพราะความร่วมมือของประชาชนในการป้องกันตนเอง แม้ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่เราคาดการณ์ว่าผู้ติดเชื้อจะสูง แต่เพราะความร่วมมือทำให้การติดเชื้อน้อยลง หากสถานการณ์ดีขึ้นเช่นนี้ต่อไป จะผ่อนคลายกิจการกิจกรรมต่างๆ ให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่นตามแผนที่วางไว้ ขณะที่แนวโน้มผู้เสียชีวิตยังทรงตัว มีผู้เสียชีวิตมากกว่าร้อยรายมา 19 วันแล้ว
แยกตายจากโควิด-โรคร่วม52:48%
ทั้งนี้ ในที่ประชุมอีโอซี กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้หารือรายละเอียดของผู้เสียชีวิต จากนี้จะต้องวิเคราะห์การเสียชีวิตเป็น 2 ส่วน คือ เสียชีวิตจากโควิด-19 และเสียชีวิตจากโรคร่วมและตรวจพบเชื้อภายหลัง โดยผู้เสียชีวิตวันนี้จาก 127 ราย เป็นผู้เสียชีวิตจากโควิด 66 ราย หรือ 52% และเสียชีวิตจากโรคร่วม 61 ราย หรือ 48% แต่ทั้งสองกลุ่มส่วนใหญ่ผู้เสียชีวิตเป็นผู้สูงอายุและมีโรคประจำตัว จึงควรแยกให้ชัดเจน
เร่งฉีดเข็ม3เข้าสู่โรคประจำถิ่นเร็วขึ้น
พญ.สุมนีกล่าวอีกว่า สำหรับ 10 จังหวัดที่มีผู้ป่วยปอดอักเสบสูงสุดได้แก่ กรุงเทพมหานคร (กทม.) 160 ราย นครราชสีมา 87 ราย ขอนแก่น 77 ราย กาญจนบุรี 71 ราย สมุทรปราการ 59 ราย สุพรรณบุรี 58 ราย อุบลราชธานี 56 ราย นนทบุรี 49 ราย อุดรธานี 48 ราย พิษณุโลก 46 ราย โดยแนวโน้มอัตราครองเตียงลดลงอยู่ที่ 24.1% จากสัปดาห์ก่อนอยู่ที่กว่า 30% นอกจากนี้ สำหรับตัวเลขฉีดวัคซีนปัจจุบันมีผู้ฉีดเข็มสามไปแล้ว 36.9% แต่การเป็นโรคประจำถิ่นได้นั้น ผู้ฉีดวัคซีนเข็มสามต้องเกิน 60% จึงขอให้ประชาชนให้ความร่วมมือฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้น เพื่อลดการระบาดและไม่ให้โรคกลายพันธุ์ จะได้เข้าสู่การเป็นโรคประจำถิ่นเร็วขึ้น
ไม่เลิกไทยแลนด์พาสแค่ลดขั้นตอน
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีเสียงสะท้อนเรื่องไทยแลนด์พาส และมีกระแสข่าวยกเลิกไทยแลนด์พาส พญ.สุมนี กล่าวว่า ไทยแลนด์พาสเป็นระบบที่เมื่อนักเดินทางและนักท่องเที่ยวเข้ามาต้องลงทะเบียนผ่านระบบนี้ แต่จากการมาตรการที่เราผ่อนคลาย ยกเลิกเทสต์แอนด์โก ทำให้ไม่มีขั้นตอนจองโรงแรมและจองตรวจ RT-PCR ทำให้ระบบดำเนินการได้เร็วขึ้น อำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวได้มากขึ้น ช่วยให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนได้เร็วขึ้น แต่การลงทะเบียนยังมีอยู่ ไม่น่ามีปัญหาติดขัด หลังจากวันที่ 1 พฤษภาคม ที่เริ่มมาตรการ ศบค.ต้องติดตามหน้างานเป็นระยะ ถ้าดีขึ้นเราจะดำเนินการตามแผนผ่อนคลายต่อไป
โอมิครอนBA.2ครองไทย100%
ด้านนพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเฝ้าระวังสายพันธุ์โควิด-19 ว่า ขณะนี้ประเทศไทยพบการระบาดสายพันธุ์โอมิครอน สายย่อย BA.2 ครองตลาดเกือบ 100% ส่วน BA.1 ที่เคยพบมากเหลือประปราย ร่วมกับสายพันธุ์อื่น ซึ่งไม่ได้ก่อปัญหาเรื่องความรุนแรงมากขึ้น
สธ.เฝ้าระวังเชื้อกลายพันธุ์ทุกสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม ไทยมีระบบเฝ้าระวังด้วยการตรวจโฮลจีโนม (Whole genomes sequencing) สัปดาห์ละ 500-600 ตัวอย่างแต่ต้องใช้เวลารวมข้อมูล รอการวิเคราะห์อีกประมาณ 2 สัปดาห์ และตรวจสายพันธุ์ทั่วประเทศสัปดาห์ละ 2,000-3,000 ตัวอย่าง เพื่อเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนสายพันธุ์ที่ระบาด เช่น ตอนเป็นเดลต้าแล้วพบโอมิครอนมากขึ้น หรือเริ่มมีสายย่อยมากขึ้น เราจะเห็นภาพได้จากตรงนี้ ดังนั้น เราจะเห็นการเปลี่ยนแปลงโดยรวมได้
เปิดปท.สุ่มตรวจสายพันธุ์มากขึ้น
นพ.ศุภกิจกล่าวต่อว่า สำหรับการเปิดการเดินทางเข้าประเทศที่จะเริ่มวันที่ 1 พฤษภาคม ที่จะให้ผู้ที่รับวัคซีนครบแล้ว ตรวจด้วย ATK อย่างเดียว กรมวิทยาศาสตร์ฯมีระบบเฝ้าระวังสายพันธุ์อยู่แล้ว เพราะกลุ่มผู้เดินทางเข้าประเทศไทยทั้งทางอากาศ หรือชายแดน เป็นหนึ่งในกลุ่มที่ต้องสุ่มตรวจสายพันธุ์เมื่อพบการติดเชื้อ ดังนั้น เมื่อเปิดประเทศเราจะเพิ่มการตรวจให้มากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม วันนี้องค์การอนามัยโลก(WHO) ระบุว่า ประเทศต่างๆทั่วโลกตรวจลดลง ทำให้รู้น้อยลง แต่แน่นอนว่าเราเข้าใจโรคมากขึ้นแล้ว ดังนั้น การตรวจมากก็ไม่คุ้มค่า พร้อมระบุประเด็นการเฝ้าระวังสายพันธุ์ที่อาจลดลงด้วย แต่ไทยยืนยันว่าเราไม่ได้ตรวจลดลง
โควิดไม่แรงขึ้น-ป่วย-ตาย-โคมาไม่เพิ่ม
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นสัญญาณของไวรัสน่าจะไม่มีความรุนแรงมากขึ้นแล้วใช่หรือไม่ นพ.ศุภกิจกล่าวว่า ถูกต้อง เนื่องจากตัวเลขติดเชื้อจริงทั้งหมดเทียบกับผู้เสียชีวิตไม่ได้มากขึ้น รวมถึงผู้ป่วยหนักไม่ได้เพิ่มมากขึ้น เหมือนสมัยที่มีคนบอกว่า จริงๆคนไทยติดเชื้อกว่าแสนรายแต่ตรวจไม่พบ ซึ่งก็เห็นแล้วว่า ตัวเลขผู้ป่วยหนักในโรงพยาบาลและคนเสียชีวิต ไม่ได้สูงขนาดนั้น
ต้องฉีดเข็มกระตุ้นให้เกิน80%
“อย่างไรก็ตาม ยังต้องขอเน้นย้ำเรื่องวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้นจำเป็นมาก เพื่อลดยอดเสียชีวิต เข็มกระตุ้นวันนี้ยังได้ 40% ดังนั้น เราต้องฉีดให้สูงขึ้น ถ้า 80% ได้จะดีมาก เพราะข้อมูลผู้เสียชีวิตจากโควิดจริงๆ(Die from Covid) แบ่งเป็นครึ่งๆ ต่อผู้ที่เสียชีวิตแล้วตรวจพบโควิด(Die with Covid) เช่น ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ที่อาการแย่อยู่แล้ว ก่อนเสียชีวิตตรวจพบเชื้อโควิดก่อน ตรงนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับโควิด ทั่วโลกพบปัญหานี้เหมือนกัน เราจึงต้องแยกสัดส่วนจากการเสียชีวิตจริงๆเพื่อนิยามออกมา”นพ.ศุภกิจกล่าว
โควิดสัญญาณดีเข้าภาวะหลังระบาด
ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นพ.เอกชัย เพียรศรีวัชรา รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าวถึงพฤติกรรมคนไทยต่อการป้องกันโควิด-19ว่า ตามเป้าหมายของสธ.ที่จะให้โควิดเข้าสู่โรคประจำถิ่น (Endemic) เดือนพฤษภาคมนี้ แต่คำถามคือ สถานการณ์ขณะนี้มีแนวโน้มหรือไม่ ซึ่งข้อมูลย้อนหลัง 1 สัปดาห์ พบผู้ติดเชื้อจาก RT-PCR และ ATK ลดลงต่อเนื่อง เหลือวันละ 1.4-1.5 หมื่นราย ขณะที่จำนวนผู้เสียชีวิตคงที่ จึงเป็นสัญญาณที่ดีในการเข้าสู่ภาวะหลังการระบาด (Post Pandemic) อย่างไรก็ตาม ประชาชนยังต้องปฏิบัติตัวสร้างภูมิคุ้มกันทางธรรมชาติเพิ่มเติมจากวัคซีน เพราะยังมีคนอีกร้อยละ 20 ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน
จัดคูหาพิเศษให้คนติดโควิดเลือกตั้งผู้ว่าฯ
ขณะที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข (สธ.)ให้สัมภาษณ์ถึงการบริหารจัดการการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) และสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) สำหรับผู้ติดเชื้อโควิดว่า กรมควบคุมโรคอยู่ระหว่างหารือเร่งด่วนกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)ในการบริหารจัดการในเขตเลือกตั้ง เพื่อรองรับผู้ติดเชื้อโควิด โดยประเมินความปลอดภัยและไม่ลิดรอนสิทธิ เพราะแม้จะป่วยหรือไม่ได้ฉีดวัคซีน เราจะไปตัดสิทธิเขาไม่ได้ ต้องหาวิธีที่จะทำให้การบริหารจัดการการเลือกตั้งผ่านไปได้ด้วยดี ขณะนี้เริ่มมีแนวทางออกมาอยู่ระหว่างการหารือของกรมควบคุมโรคและ กกต. ซึ่งอาจจัดคูหาหรือช่องแยกโดยเฉพาะสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด ส่วนก่อนเลือกตั้งต้องตรวจ ATK ก่อนหรือไม่ ทุกวันนี้ประชาชนสามารถตรวจ ATK ด้วยตนเองอยู่แล้ว เมื่อผล ATK 2 ขีดหรือติดเชื้อให้แจ้งหน่วยเลือกตั้ง คนที่มาก็ต้องใส่หน้ากากอนามัย 2 ชั้น ยืนยันว่าจะบริหารจัดการเลือกตั้งให้เกิดความปลอดภัยแก่ส่วนรวมเป็นหลัก จะไม่มีสาเหตุให้เกิดความสูญเสียแน่นอน ส่วนจำนวนเจ้าหน้าที่นั้นมีอสม.มาช่วยเสริมเติม สร้างความมั่นคงมั่นใจให้เกิดขึ้นได้ ต้องหาวิธีปลอดภัยมีประสิทธิภาพมากที่สุด ไม่ลิดรอนสิทธิประชาชน
ชงเลิกไทยแลนด์พาสใช้วัคซีนพาสปอร์ต
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เตรียมเสนอ ศบค.ในการประชุมครั้งถัดไป ให้พิจารณายกเลิกระบบThailand Pass ขอให้มีผลตั้งแต่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไป และเปลี่ยนมาใช้วัคซีนพาสปอร์ต ควบคู่กับการให้นักท่องเที่ยวกรอกข้อมูลได้รับวัคซีนลงใน “ใบ ตม.6” แทน เพื่อสร้างความสะดวกให้การเดินทางมากขึ้น รวมถึงผู้ตรวจสอบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง โดยประเมินว่าช่วงเดือนมิถุนายน น่าจะเป็นช่วงที่การระบาดของโควิดสายพันธุ์โอมิครอนลดลง และใกล้ไทม์ไลน์กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ที่เตรียมประกาศให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่น ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม
“ขณะนี้เห็นตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยื่นขอรับการพิจารณาเข้าประเทศแล้วมากกว่า 2.1 ล้านคน แต่ได้รับอนุมัติเพียง 1.5 ล้านคนเท่านั้น หายไปประมาณ 6 แสนคน ทำให้หากเป็นไปได้แล้วว่าการระบาดโอมิครอนมีแนวโน้มลดลง และใกล้ประกาศให้เป็นโรคประจำถิ่นแล้ว ก็ปลดล็อกเข้าประเทศไปเลย คาดว่าจะตอบโจทย์มากที่สุด และจากการพูดคุยกับนายอนุทิน ชาญวีระกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุขแสดงความเห็นด้วยในการยกเลิกระบบ Thailand Pass วันที่ 1มิถุนายน”นายพิพัฒน์กล่าว
เล็งปล่อยผีนนท.ไม่ได้ฉีดเข็ม3เข้าได้
และว่า ส่วนกรณีนายอนุทินให้สัมภาษณ์การยกเลิก Thailand Passนั้น จะปรับเกณฑ์ใหม่เพิ่มเติมคือ นักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้าไทย ต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้นมาแล้ว หรือรวมกันอย่างน้อย 3 เข็มนั้น ตรงนี้กระทรวงท่องเที่ยวฯ มองว่าอาจต้องพิจารณานักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นรายตลาดว่าประเทศนั้นๆฉีดเข็มกระตุ้นแล้วหรือไม่ หากยังไม่มีไม่ได้ฉีดเข็ม 3 เพราะวัคซีนประเทศนั้นไม่เพียงพอก็อาจต้องอนุโลมให้เดินทางเข้ามาเที่ยวไทยได้ก่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี