"บิ๊กโจ๊ก" แจงยิบ สถิติ สตช. สางคดี ค้ามนุษย์ เผย เตรียม ขอศาลออกหมายจับ จนท.รัฐ เอี่ยว ค้าแรงงานประมงเถื่อน
วันที่ 11 พฤษภาคม 2565 ที่ทำเนียบฯ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร ร่วมประชุมชี้แจงแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกลการส่งต่อระดับชาติ การบริหารจัดการคดี และการช่วยเหลือคุ้มครองผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และการบังคับใช้แรงงานหรือบริการพ.ศ. 2565 โดยชี้แจงแนวทางปฎิบัติในการบริหารจัดการคดี ว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับผิดชอบการใช้กฎหมายในการสืบสวนปราบปราม ความผิดฐานค้ามนุษย์ และความผิดที่เกี่ยวเนื่อง โดยเฉพาะบริเวณด้านกัมพูชา เหยื่อคนไทยที่ถูกหลอกลวงไปทำงานในประเทศกัมพูชา และบังคับค้ามนุษย์ เราสามารถช่วยมาได้ทั้งหมด 786 ราย โดยเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ 291 ราย ดำเนินคดีอาญาไปแล้ว 107 ราย สามารถจับกุมผู้ต้องหาที่อยู่ในฝั่งไทยได้ทั้งหมด 31 ราย ส่วนที่เหลือเป็นผู้ต้องหาที่อยู่ในฝั่งกัมพูชา อย่างไรก็ตามจากสถิติครึ่งปีแรกของปี 2565 สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้มากขึ้นกว่า ปี 2564 โดยเห็นได้อย่างชัดเจน
ยกตัวอย่างคดีที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี ในความผิดที่พบคือส่วนผู้ใช้บริการ เหยื่อ ที่เป็นเด็ก ซึ่งค่าเป็นคดีปกติจะสามารถดำเนินการได้แค่กรณีกระทำชำเรา กระทำอนาจาร แต่เมื่อสอบสวนหาหลักฐานเชื่อมโยง รวมถึงเส้นทางการเงิน เส้นทางการใช้โทรศัพท์ จึงนำไปสู่การดำเนินคดีฐานค้ามนุษย์ได้ และยังพบข้อมูลด้วยว่า มีการเข้าไปแทรกแซงกระบวนการสืบสวนสอบสวน และมีการกดดันเด็ก จนกระทั่งมีการดำเนินคดีกับรองอธิบดีกรมกิจการเด็ก พม. ฐานความผิดขัดขวางการสืบสวนสอบสวน คดีความผิดฐานค้ามนุษย์ และในส่วนเจ้าหน้าที่ในที่พักของเด็กที่ใช้ไม้ตีเด็ก ที่ไม่ได้เป็นเหยื่อในคดีนี้ เพื่อเป็นการแสดงให้เหยื่อเห็นอย่างชัดเจนว่า ขอให้เปลี่ยนคำให้การ แล้วให้ทำตามไม่เช่นนั้นจะถูกตีเช่นนี้เหมือนกัน ซึ่งในลักษณะนี้ถือเป็นการล่วงละเมิดทางเพศของเด็กโดยทั้งสิ้น ซึ่งตน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ปลัดกระทรวงพม. รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพม. ได้บังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด ทำให้การดำเนินงาน มีความชัดเจน และรวดเร็วมากขึ้น ทั้งนี้ 1 ม.ค.-10 พ.ค. ระยะเวลาเพียง 4 เดือน จาก 168 สำนวน สามารถส่งสำนวนให้อัยการ 91 สำนวน เหลือเพียง 77 สำนวน
ในส่วนของการยึดทรัพย์ ปี 2565 ระยะเวลา4เดือน สามารถยึดทรัพย์ไปแล้ว 4 ล้านบาท ซึ่งถ้าเปรียบเทียบในปี 2564 ยึดได้ 4.9 ล้านบาท
สำหรับการดำเนินคดีต่อเจ้าหน้าที่รัฐ ตำรวจ ทหาร และส่วนอื่นๆ ได้เร่งรัดดำเนินคดีทางอาญาและวินัย ส่วนการจ่ายเงินเยียวยาของกระทรวงพม. ก็ได้รับความร่วมมือบูรณาการเป็นอย่างดี ในการลงพื้นที่สอบถามเหยื่อจนได้ข้อมูลได้รวดเร็วขึ้น สามารถนำเอกสารหลักฐานแนบกับสำนวนได้สมบูรณ์มากขึ้น
หลังจากที่ได้มีการจับกุมเรือIUU จำนวน 5 ลำ นั้น ได้เตรียมดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทั้งหมดตามพรบ.ฮั้วประมูล และเตรียมออกหมายจับในสัปดาห์หน้า และได้ประสานงานกับโค้ดการ์ด ประเทศมาเลเซียจนกระทั่งสามารถล็อคเรือทั้ง 5 ลำไว้ได้แล้ว ลำสุดท้ายสามารถจับกุมได้เมื่อคืนวันที่ 10 พฤษภาคมที่ผ่านมา และในเย็นวันเดียวกันนี้ตนจะเดินทางไปประเทศมาเลเซียเพื่อร่วมประสานงานกับกรมประมงมาเลเซีย นำเรือ 5 ลำนี้ นำมากักไว้ที่ประเทศไทย ก่อนดำเนินคดีต่อไป
ส่วนคดีน้ำมันเขียว ก็จะดำเนินคดีกับต้นทาง เจ้าของแท้งค์ โดยไม่จะดำเนินคดีในส่วนของชาวประมงเพราะเป็นเพียงผู้ใช้ อย่างไรก็ตามพบว่ามีการทำเอกสารซีบุ๊กปลอม ในพื้นที่แสมสาร สัตหีบทำให้มีเรือมากกว่า 52 ลำ ที่ประสบปัญหาไม่สามารถออกทะเลได้เนื่องจากมีเอกสารซีบุ๊กปลอม (Seabook : หนังสือคนประจำเรือ) ทำให้แรงงานภาคประมงไม่ได้รับการดูแล ซึ่งทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมการจัดหางาน ลงพื้นที่ร่วมกันตรวจสอบพบว่า มีการปลอมเอกสารรับรอง ออกซีบุ๊ก ให้กับลูกเรือที่ไม่รู้เรื่องและต้องจ่ายเงินจนเป็นเหตุให้ไม่สามารถออกทะเลได้ จากการตรวจค้นพบพยานหลักฐานหลายส่วน ทั้ง เจ้าหน้าที่รัฐ เจ้าหน้าที่ที่เป็นนายหน้า โดยพบการโอนเงิน และคาดว่าจะสามารถให้ศาลออกหมายจับได้ในอีก 2 สัปดาห์ ส่วนลูกเรือ 52 ลำในสัปดาห์หน้าจะสามารถออกทะเลได้ เนื่องจากไม่ใช่ผู้กระทำผิดแต่เป็นเหยื่อ ส่วนลูกเรือที่พบว่าเสียชีวิต ในช่วง 2 ปี จำนวน 231 ราย พบแล้ว 50 กว่าราย สูญหาย 70 กว่าราย แจ้งว่าเสียชีวิตอีก 50 กว่าราย ซึ่งในส่วนนี้กำลังพยายามตรวจสอบ จากผู้รอดชีวิตที่กระโดดน้ำหนี พบว่าถูกใช้แรงงานหนักมาก นอนวันละ 1 ชม. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงเตรียมจับกุมไต๋เรือ และเจ้าของเรือ ฐานผิดกฎหมายแรงงาน และนำไปสู่เรื่องการค้ามนุษย์
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี