ตำรวจไซเบอร์รวบ 2 บัญชีม้าแก๊งพยาบาลเก๊ หลอกเทรดคริปโตกำไรงาม สูญเงินกว่า 6 ล้านบาท

ตำรวจไซเบอร์รวบ 2 บัญชีม้าแก๊งพยาบาลเก๊ หลอกเทรดคริปโตกำไรงาม สูญเงินกว่า 6 ล้านบาท

วันเสาร์ ที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2566, 12.01 น.

ตำรวจไซเบอร์รวบ 2 บัญชีม้าแก๊งพยาบาลเก๊ หลอกเทรดคริปโตกำไรงาม สูญเงินกว่า 6 ล้านบาท

พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผู้บัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี และพล.ต.ต.สถิตย์ พรมอุทัย ผู้บังคับการ สอท.3 มอบหมายให้ พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 สั่งการจับกุมผู้ต้องหาไฮบริดสแกม รวมถึงบัญชีม้าที่เกี่ยวข้อง หลังมีผู้เสียหายแจ้งความผ่านระบบรับแจ้งความออนไลน์ถูกหลอกลวงลงทุนเทรดเงินดิจิทัล สูญเงินกว่า 6 ล้านบาท
พ.ต.อ.อภิรักษ์ จำปาศรี ผกก.1 บก.สอท.3 เปิดเผยว่า สืบเนื่องจาก นายทรงวุฒิ อายุ 69 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งมีบ้านพักอยู่ถนนมิตรภาพ ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดนครราชสีมา ได้แจ้งความผ่านระบบรับแจ้งความทางออนไลน์ ว่า เมื่อวันที่ 7 ก.ค.65 ผู้เสียหายได้รู้จักหญิงสาวซึ่งใช้บัญชีเฟสบุ๊คชื่อ “จานิยา รัชตาธิวัฒน์” โปรไฟล์เป็นรูปหญิงสาวสวมชุดพยาบาล หน้าตาดี ทักข้อความเข้ามาหาผู้เสียหายและได้คุยติดต่อกันเรื่อยมา จากนั้นได้เปลี่ยนช่องทางการติดต่อมาใช้แอปพลิเคชั่นไลน์ ปรากฏชื่อไลน์ “จานิยา รัชตาธิวัฒน์” แนะนำตัวเองว่าชื่อเล่น “ยา”

ต่อมาเมื่อวันที่ 15 ก.ค.65 น.ส.ยา ได้ชักชวนให้ลงทุน เทรดเงินดิจิทัล โดยส่งลิงค์ให้ติดตั้งแอปพลิเคชั่น streaming จากนั้น น.ส.ยา ให้ผู้เสียหายติดต่อกับไลน์ฝ่ายบริการ ชื่อ “Welfare Commissioner” ทำหน้าที่ให้คำแนะนำการลงทุนและแลกเปลี่ยนเงินไทยเป็นเงินดิจิทัล USDT ในแอปพลเคชัน streaming จากนั้น น.ส.ยาก็ให้ผู้เสียหายเริ่มลงทุน (เทรด) ตามคำแนะนำ อ้างว่าใช้เวลาเทรดภายใน 1-5 นาที ก็จะได้ผลกำไร


ต่อมาผู้เสียหายได้โอนเงินจากบัญชีธนาคารของตนไปยังบัญชีม้าที่ น.ส.ยา ได้เตรียมไว้ จำนวน 12 ครั้ง ตั้งแต่วันที่ 16-27 ก.ค.65 เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 6,501,980 บาท จากนั้นวันที่ 28 ก.ค.65 ผู้เสียหายต้องการถอนเงิน แต่ฝ่ายบริการ แจ้งว่าบัญชีมียอดคงเหลือทั้งหมด 426,771 US และต้องชำระค่าภาษีให้กับแพลตฟอร์มในการทำธุรกรรมซื้อขายแลกเปลี่ยนสกุลเงินจากแพลตฟอร์ม 10% ของยอดเงินในบัญชี เป็นเงินประมาณ 42,677 US หลังจากชำระค่าภาษีแล้วทางแพลตฟอร์มจะดำเนินการถอนเงินให้ ผู้เสียหายจึงเชื่อว่าถูกหลอก เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย เป็นเงินจำนวน 6,501,980 บาท จึงได้เข้าร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย

นอกจากนี้ พ.ต.อ.อภิรักษ์  กล่าวว่า พบว่าการโอนเงินของผู้เสียหายในบางครั้ง เวลาห่างกันเพียง 1-3 นาทีเท่านั้น เช่นการโอนเงินในวันที่ 25 ก.ค.65 ครั้งแรกโอนเงินเวลา 11.12 น. จำนวน 500,000 บาท ครั้งที่สองโอนเงินเวลา 11.15 น. จำนวน 500,000 บาท และครั้งที่สามโอนเงินเวลา 11.16 น. จำนวน 400,000 บาท เป็นต้น และจากการตรวจสอบพบว่า น.ส.ยา ได้ให้ผู้เสียหายโอนเงินไปยังบัญชีม้าอีก 4 บัญชี ได้แก่ ชื่อบัญชี “นายมนตรี ...” , “นายวรวิทย์ ...” , “นางอังคณา ...” และ “น.ส.เฉลียว ...” จึงได้สั่งการให้ตำรวจไซเบอร์ในสังกัด สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน และขอศาลจังหวัดนครราชสีมาออกบัญชีม้าทั้ง 4 คน และสืบสวนหาตัว น.ส.ยา ตัวการก่อเหตุ

ต่อมา เมื่อวันที่ 10 ส.ค.66 ตำรวจไซเบอร์ชุดสืบสวน กก.1 บก.สอท.3 นำโดย พ.ต.ท.ประภาส ถ้ำเหม รอง ผกก.1 , พ.ต.ท.จอมประสาน นาคภู่ สว.กก.1 และ พ.ต.ท.สิงหราช พิมพะกร สว.กก.1 นำกำลังจับกุม นายวรวิทย์ ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดนครราชสีมาที่ จ.249/2566 ลงวันที่ 26 ก.ค.66 ข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงโดยแสดงตนเป็นคนอื่นและร่วมกันนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งเป็นข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอม ไม่ว่าจะทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่นหรือประชาชน” หนึ่งในผู้ต้องหาบัญชีม้า ได้บริเวณริมถนนเพรชบุรีขาเข้า ใกล้ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษ (ด่านยมราช) นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.3 เพื่อดำเนินการตามกฎหมาย

และล่าสุดวานนี้ (11 ส.ค.) ชุดสืบสวน กก.1 บก.สอท.3 ได้สืบทราบว่า น.ส.เฉลียว ผู้ต้องหาบัญชีม้าอีกคน อยู่บริเวณ ถ.อังรีดูนังต์ แขวงและเขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร จึงนำกำลังไปตรวจสอบและจับกุมได้ที่หน้าโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน นำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.1 บก.สอท.3 ดำเนินคดี และจะได้ติดตามจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่เหลือมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ พ.ต.อ.อภิรักษ์  แนะนำว่า หากพี่น้องประชาชนตกเป็นผู้เสียหายจากภัยอาชญากรรมทางเทคโนโลยีต่าง ๆ ขอให้รีบแจ้งความทันที เพื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้รีบสืบสวนติดตามจับกุมคนร้ายโดยเร็ว ซึ่งการสืบสวนจับกุมจะทำได้ง่ายกว่าการทิ้งระยะเวลาไว้เนิ่นนาน โดยหากพบเห็นบุคคลใด หรือเว็บไซต์ใด ที่มีพฤติกรรมหรือน่าสงสัยว่าอาจเป็นกลุ่มมิจฉาชีพ มาหลอกลวงทางออนไลน์ สามารถแจ้งเบาะแสไปยัง สายด่วนตำรวจไซเบอร์ 1441 หรือสามารถแจ้งความผ่านระบบออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์www.thaipoliceonline.com ตลอด 24 ชั่วโมง
 

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

Back to Top