รู้จัก"โยเร"ลัทธิศรัทธา"แสงศักดิ์สิทธิ์"รักษาโรค ถูกอ้างโยงคดี"สัตวแพทย์หญิง"ซดไซยาไนด์พร้อมลูกสาว
กลับมาถูกพูดถึงในสื่ออีกครั้งกับ “ลัทธิโยเร” กับเหตุสลดเมื่อสัตวแพทย์หญิงวัย 41 ปี พร้อมลูกสาววัย 12 ปี กินยาพิษไซยาไนต์ฆ่าตัวตาย ในพื้นที่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เมื่อวันที่ 2 ม.ค. 2567 ซึ่งทางคำรวจพุ่งประเด็นไปที่ภาวะซึมเศร้า เนื่องจากตรวจสอบไม่พบว่าผู้ตายมีปัญหาทางการเงิน ในขณะที่พบว่ามารดาของผู้ตายที่ป่วยติดเตียงเพิ่งเสียชีวิต ประกอบกับสามีไปทำงานต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทำให้สภาพจิตของผู้ตายอยู่ในภาวะเสียใจอย่างมาก แต่ไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับลัทธิโยเรที่ผู้ตายนับถือ
ลัทธิโยเรนั้นมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า “เซไค คิวเซ-เคียว (Sekai Kyusei-kyo)” ในภาษาญี่ปุ่น หรือ The Church of World Messianity ในภาษาอังกฤษ ตามข้อมูลจากเอกสารชื่อ THE CHURCH OF WORLD MESSIANITY ซึ่งทางหอสมุดแห่งชาติญี่ปุ่น (NDL) ได้เผยแพร่ในรูปแบบไฟล์ PDF ระบุว่า ผู้ก่อตั้งลัทธินี้คือ โมคิจิ โอคาดะ (Mokichi Okada) ชายผู้เกิดในปี 2425 ในครอบครัวที่ประกอบอาชีพค้าขาย ในวัยเด็กสุขภาพของเขาไม่ค่อยแข็งแรงนัก แม้จะมีความฝันอยากเป็นจิตรกรแต่ต้องออกจากโรงเรียนสอนศิลปะกลางคันเพราะอาการป่วยด้วยโรคตา และยังเคยเฉียดตายด้วยอาการเยื่อหุ้มปอดอักเสบจากวัณโรค
แต่อาการเจ็บป่วยเหล่านั้นกลับทำให้ โอคาดะ มีจิตใจมุ่งมั่นจะช่วยเหลือผู้อื่น ทำให้ภายหลังเมื่อเขาได้รับสืบทอดกิจการจากบิดา เขาพยายามหาเงินเพื่อนำไปบริจาคทำการกุศลที่เกี่ยวข้องกับสวัสดิการสังคม แต่แล้วทรัพย์สินทุกอย่างก็สูญสิ้นไปกับเหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ในปี 2466 กระทั่งในปี 2478 โอคาดะ จึงได้ก่อตั้งลัทธิ เซไค คิวเซ-เคียว ขึ้นมาโดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ในกรุงโตเกียว โดยมีสาวกรุ่นแรก 400 – 500 คน แต่ช่วงแรกๆ ยังต้อจดทะเบียนเป็นองค์กรที่มีวัตถุประสงค์เพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย
ซึ่งกว่าจะได้รับการรับรองในฐานะองค์กรศาสนาต้องรอจนถึงช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 สงบลง (หลังปี 2488) แต่หลังจากนั้น จำนวนผู้นับถือลัทธิดังกล่าวได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีการตั้งสำนักงานเพิ่มเติมในเมืองฮาโกเนะและเมืองอาตามิ รวมถึงขยายการดำเนินงานออกไปในต่างประเทศ และแม้จะถูกทางการแดนอาทิตย์อุทัยเพ่งเล็งอยู่เป็นระยะๆ แต่กลับกลายเป็นว่ายิ่งช่วยให้จำนวนผู้นับถือลัทธินี้เพิ่มขึ้น
ลัทธิเซไค คิวเซ-เคียว มีคำสอนว่า หากต้องการกำจัดเมฆหมอกหรือเงามืดที่บดบังเพื่อให้เกิดความสุขขึ้นภายในจิตใจ สามารถทำได้ 2 วิธี คือ 1.การได้รับแสงอันศักดิ์สิทธิ์ซึ่งประทานจากเบื้องบนเพื่อชำระจิตวิญญาณให้บริสุทธิ์ กับ 2.เพียรพยายามหมั่นทำความดีช่วยเหลือผู้อื่นหรือสังคม ทั้งนี้ มีเรื่องเล่าเสียงร่ำลือมากมายเกี่ยวกับอาจารย์ผู้ถ่ายทอดความเชื่อของลัทธิดังกล่าว สามารถช่วยเหลือผู้คนให้หายจากอาการป่วยไข้ทั้งร่างกายและจิตใจ
ในเรื่องการได้รับแสงศักดิ์สิทธิ์จากเบื้องบน (หรือพระผู้เป็นเจ้า) ตามคำสอนของลัทธิเซไค คิวเซ-เคียว ก็ไม่ได้จำกัดว่ามีเฉพาะอาจารย์ (หรือนักบวช) ในลัทธิเท่านั้น แต่ผู้ที่ศรัทธาทุกคนก็สามารถเข้าถึงได้เช่นกัน แม้กระทั่งสาวกของลัทธิก็สามารถถ่ายทอดหรือส่งผ่านแสงศักดิ์สิทธิ์นี้ไปสู่ผู้อื่นได้ ยิ่งความสัมพันธ์ทางจิตวิญญาณของผู้ศรัทธากับพระผู้เป็นเจ้าลึกซึ้งมากขึ้นเท่าใด พรของพระเจ้าก็จะยิ่งอุดมสมบูรณ์พร้อมมากยิ่งขึ้น
โอคาดะ ศาสดาผู้ก่อตั้งลัทธิ ยังแนะนำให้ผู้นับถือใช้ความงาม ทั้งที่เป็นตามธรรมชาติและที่ถูกประดิษฐ์ขึ้น เพื่อชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ ซึ่งเขาได้ก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ศิลปะขึ้นที่เมืองฮาโกเนะ แต่ก็ไม่ได้จำกัดว่าจะต้องมาที่พิพิธภัณฑ์เท่านั้น ขอเพียงผืนดินถูกรังสรรค์ให้เป็นสวนที่มีทิวทัศน์สวยงาม นั่นก็เป็นอีกหนทางในการชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิ์ได้เช่นเดียวกัน เขายังสนับสนุนให้ศาสนาต่างๆ ที่มีอยู่บนโลกร่วมมือกันเพื่อสร้างสันติภาพให้เกิดขึ้นด้วย
สำหรับประเทศไทย มีรายงานว่า ลัทธิโยเร หรือเซไค คิวเซ-เคียว เข้ามาในปี 2511 โดย คาซูโอะ วาคุกามิ (Kazuo Wakugami) ซึ่งเป็นนักบวชหรือผู้สอนของลัทธิดังกล่าว ได้มาส่งเสริมการทำเกษตรแบบธรรมชาติตามแนวทางของคิวเซ (Kyusei Nature Farming) ที่ อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ และต่อมาได้จดทะเบียนองค์กรชื่อ “มูลนิธิบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ด้วยกิจกรรมทางศาสนา” ในช่วงแรกในรับการรับรองจากกรมการศาสนาในฐานะองค์กรศาสนาย่อยของศาสนาพุทธนิกายมหายาน
กระทั่งในปี 2527 ได้ถูกเพิกถอนสถานะองค์กรศาสนา แต่ยังดำเนินการในฐานะมูลนิธิบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ด้วยกิจกรรมทางศาสนาต่อไป ซึ่งในประเทศไทย มีสถานปฏิบัติธรรมหรือชุมนุมของผู้นับถือลัทธิโยเรในหลายจังหวัด โดยผู้ต้องการเข้าร่วมต้องเข้าพิธี “รับพระ” หรือการรับจี้โยเร ซึ่งต้องเสียค่าใช้จ่าย เมื่อเข้าแล้วก็จะต้องหมั่นปฏิบัติกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง ทั้งการสักการะ การโยเร และการบำเพ็ญประโยชน์ รวมถึงเผยแพร่คำสอนเพื่อให้มีจำนวนผู้นับถือมากขึ้น ทั้งนี้ คำว่า “โย” หมายถึง การชำระล้าง ส่วนคำว่า “เร” หมายถึง จิตวิญญาณ
ตามความเชื่อของผู้นับถือลัทธิโยเร เมื่อได้รับจี้ (หรือเหรียญ) โยเรแล้วจะสามารถปล่อยแสงจากมือเพื่อรักษาโรคภัยไข้เจ็บได้ โดยการบูชาจี้โยเร จะกล่าวถ้อยคำเป็นคาถาว่า “ขออำนาจพระรัตนตรัยและท่านเมซึซามะ ขอให้คนข้างหน้าจงมีความสุข” แล้วยกมือขึ้นระดับศีรษะ หันฝ่ามือไปทางผู้รับแสงค้างไว้ 10 – 15 นาที วันละ 1 – 2 ครั้ง อนึ่ง ในปี 2564 ลัทธิโยเรเคยตกเป็นข่าวเนื่องจากมีรายงานว่า อดีตสาวกได้ออกมาเปิดเผยเรื่องราวพ่อของตน ที่มีอาการป่วย แต่แม่ซึ่งเป็นสาวกอยู่ก่อนแล้วได้พาพ่อไปเข้าลัทธิเพื่อให้เพื่อนๆ ล้อมวงใช้แสงศักดิ์สิทธิ์รักษา แทนที่จะไปรักษากับแพทย์แผนปัจจุบัน จนทำให้พ่อเสียชีวิต อย่างไรก็ตาม มีสาวกของลัทธิได้ออกมาชี้แจงเช่นกันว่า ลัทธิโยเรไม่เคยห้ามสาวกที่ป่วยรักษากับแพทย์แผนปัจจุบันแต่อย่างใด
อ้างอิง
- https://dl.ndl.go.jp/view/prepareDownload?itemId=info%3Andljp%2Fpid%2F9602145&contentNo=1 (THE CHURCH OF WORLD MESSIANITY : National Diet Library)
- http://www.infrc.or.jp/knf/PDF%20KNF%20Conf%20Data/C3-5-079.pdf (Kyusei Nature Farming in Thailand: Research and Extension Activities : International Nature Farming Research Center , Japan)
- https://thelibrary.mju.ac.th/wp-contenthttps://static.naewna.com/uploads/2022/03/12.pdf (แนวคิดและทฤษฎีเกษตรธรรมชาติ : ห้องสมุดมหาวิทยาลัยแม่โจ้)
- https://www.amarintv.com/news/detail/82443 (แฉสาวกลัทธิโยเรตายอนาถ ป่วยหนักสั่งห้ามหมอรักษา "มโน" ชี้ภัยความมั่นคง)
- https://www.amarintv.com/news/detail/82481 (เปิดอาณาจักรลัทธิโยเร สาวกแบ่งชนชั้นสละเงินขึ้นสวรรค์ สื่อโดนปล่อยแสงอัดร่าง)
- https://th.wikipedia.org/wiki/ลัทธิเซไกคีวเซ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
- สลด!สัตวแพทย์หญิงซดไซยาไนด์ฆ่าตัวตายพร้อมลูกสาว คาดเครียดปัญหาส่วนตัว
- ไม่เกี่ยวลัทธิโยเร! คืบหน้าสัตวแพทย์หญิง ซดไซยาไนด์พร้อมลูกสาว
- 006
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี