‘เฮียเก้า’รับทำธุรกิจส่งออกตีนไก่ ร่วมกับ‘หยาง-นวพร’ เผยรู้จัก‘เฉลิมชัย’แต่ไม่ระบุความสัมพันธ์ ขอไปรวบรวมเอกสารชี้แจง‘ดีเอสไอ’ 18 ก.พ.นี้
23 มกราคม 2567 ที่ศูนย์ราชการฯ อาคารเอ ชั้น 2 พ.ต.ต.ณฐพล ดิษยธรรม ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านคดีคุ้มครองผู้บริโภคและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีหมูเถื่อน เปิดเผยความคืบหน้าว่า หลังจากเมื่อวานนี้ (22 ม.ค.67) ได้สอบปากคำนายหลี่ หรือเฮียเก้า 1 ใน 5 ผู้ต้องหารายสำคัญในคดีตีนไก่สวมสิทธิ์ นานกว่า 6 ชั่วโมง ก่อนจะได้รับการปล่อยตัวด้วยวงเงินประกัน 200,000 บาท “เฮียเก้า” ได้ให้ปากคำที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : เปิดคำให้การ‘เฮียเก้า’!DSIจ่อกางลิสต์‘ขรก.ระดับสูง’ให้ข้อมูล‘หมูเถื่อน-ตีนไก่สวมสิทธิ์’)
นอกจากนี้ “เฮียเก้า” ยังชี้แจงถึงความสัมพันธ์ระหว่าง “เฮียเก้า”กับนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีต รมว.เกษตรและสหกรณ์ โดยยอมรับว่ารู้จักกับนายเฉลิมชัย ตั้งแต่รุ่นปู่ขณะที่อาศัยอยู่ในประเทศจีน ซึ่งบรรพบุรุษทั้ง 2 ฝ่ายก็ไปมาหาสู่กัน จนกระทั่งเมื่อ 28 ปีก่อน ได้เดินทางมาที่ประเทศไทย และพยามยามติดต่อหานายเฉลิมชัย เพื่อช่วยเหลือในการทำงานที่ จ.ประ จวบคีรีขันธ์ กระทั่งตั้งหลักปักฐานได้ เฮียเก้า ก็ออกมาทำธุรกิจของตนเอง
พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า ส่วนกรณีที่นายเฉลิมชัย มีชื่ออยู่ในสมาคมด้านการค้าของจีนฯ และมีภาพถ่ายร่วม เฮียเก้า จึงเกิดข้อสงสัยจากสังคมถึงความสนิทสนมกันของทั้ง 2 คน และบุคคลอื่นในภาพ เรื่องดังกล่าว เฮียเก้า ยังไม่ขอให้ข้อมูลใดๆ เนื่องจากขอไปรวบรวมเอกสารเพื่อมาชี้แจงในภายหลัง ซึ่งพนักงานสอบสวนจะนัดเข้ามาให้ปากคำเพิ่มเติม ในวันที่ 18 ก.พ.นี้ ส่วนกรณีนามสกุลลูกชายบุญธรรมของ เฮียเก้า ที่ ที่เป็นนามสกุลเดียวกับพี่ชายของนายเฉลิมชัย ดีเอสไอยังไม่ได้เจาะจงในเรื่องนี้ เนื่องจากเบื้องต้นมองว่าไม่เกี่ยวข้องกับคดี
นอกจากนี้ดีเอสไอ ยังเตรียมเรียกสอบปากคำนายสัตวแพทย์ประจำโรงแช่เย็นทั้ง 4 โรงที่เกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าว โดยให้เข้ามาให้ข้อมูลภายในภายในสัปดาห์หน้า เช่นเดียวกับข้าราชการระดับสูง หรือระดับ ผอ.กอง ในสังกัดกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะถูกเรียกเข้าให้ปากคำในประเด็นวิธีการและส่งออกชิ้นส่วนไก่ว่ามีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
“สัปดาห์หน้ากรมสอบสวนคดีพิเศษ เดินหน้าลุยขยายผลตรวจสอบสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับคดีหมู-ตีนไก่ แต่ยังไม่สามารถเปิดสถานที่ใด ระบุเพียงว่าอยู่ในพื้นที่กรุงเทพ และปริมณฑล” พ.ต.ต.ณฐพล กล่าว
พ.ต.ต.ณฐพล กล่าวว่า ส่วนความคืบหน้าของคดีดังกล่าว หลังจากที่ได้หารือกันในช่วงเช้า กรมสอบสวนคดีพิเศษได้แบ่งหน้าที่เพื่อขยายผลเพิ่มเติม ล่าสุดพบว่ากรมศุลกากรได้ส่งหมู 16 ตู้ และเนื้อไก่หมูปนกันอีก 74 ตู้ มาให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ เพื่อพิจารณาขยายผลว่ามีส่วนเกี่ยวข้องอย่างไรบ้างกับคดีที่กำลังทำอยู่ นับว่าเป็นคดีใหม่ที่ไม่มีเลขคดี และพิจารณารับเป็นคดีพิเศษอีกคดีหนึ่ง เบื้องต้นคาดว่าจะมีกลุ่มบริษัทชิปปิ้งนำเข้าใหม่ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด
สำหรับความคืบหน้าใน 3 กลุ่มคดีก่อนหน้านี้นั้น
+ กลุ่มแรก คือ คดีนำเข้าเนื้อหมูเถื่อน 161 ตู้ ได้แยกการสอบสวนเป็น 10 สำนวน ส่ง ป.ป.ช.แล้ว 3 สำนวนอยู่ระหว่างดำเนินการ 7 สำนวน
+ กลุ่มที่ 2 คือ เนื้อหมู ที่ได้กระจายไปยังห้องเย็นต่างๆรวม 2,388 ตู้ ขณะนี้ได้ข้อมูลใบ B/L (Bill of lading) หรือ ใบตราส่งสินค้าทางเรือจากสายเรือมาแล้ว 1,400 ตู้ และจะนำมาตรวจสอบขยายผลต่อว่าชนิดสินค้าที่นำเข้ามาตรงกันหรือไม่ เนื่องจากก่อนหน้านี้พบว่าในใบ B/L ระบุว่าเป็นสินค้าแช่แข็ง (frozen product) แต่เมื่อเปิดตู้พบว่าเป็นชิ้นส่วนเนื้อหมู โดยสำหรับการสืบสวนดำเนินคดี ในกลุ่มที่ 1 และ 2 นั้น ประเมินว่าได้ดำเนินการไปแล้วกว่าร้อยละ 60
+ กลุ่มคดีที่ 3 คือ คดีสวมสิทธิ์ตีนไก่นั้น ได้ออกหมายจับบุคคลที่เกี่ยวข้องแล้ว 5 ราย เข้ามอบตัว 4 ราย อยู่ระหว่าง ติดตามตัว 1 ราย คือ นายกรินทร์ ลูกชายของเฮียเก้าที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่ง เฮียเก้า รับปากว่าจะช่วยประสานให้ ส่วนผลการสอบปากคำนายหยาง และ น.ส.นวพร 2 ผู้ต้องหานั้นสารภาพว่ามีการสวมสิทธิ์ตีนไก่จริง แต่ไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ในสำนวนได้
พ.ต.ต.ณฐพล เปิดเผยถึงความคืบหน้าหลังสอบปากคำ นายหยาง และ น.ส.นวพร ผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับก่อนหน้านี้ จากคำให้การทั้งคู่ยอมรับว่าทำธุรกิจส่งออกตีนไก่ ขณะที่ เฮียเก้า ยอมรับทำธุรกิจร่วมกับนายหยาง และ น.ส.นวพร แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดเพราะอยู่ในสำนวน และมีประโยชน์ต่อรูปคดี
-005
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี