วันพุธ ที่ 4 มิถุนายน พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / ในประเทศ
คุก 20 ปี ‘บรรยิน’ คดีฟอกเงิน จากการโอนหุ้น ‘เสี่ยชูวงษ์’ ยกฟ้องแม่-น้องชาย

คุก 20 ปี ‘บรรยิน’ คดีฟอกเงิน จากการโอนหุ้น ‘เสี่ยชูวงษ์’ ยกฟ้องแม่-น้องชาย

วันอังคาร ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2567, 19.37 น.
Tag : บรรยิน ตั้งภากรณ์ เสี่ยชูวงษ์ คดีฟอกเงิน โอนหุ้น
  •  

ศาลสั่งจำคุก 54 ปี เสี่ย“บรรยิน” อดีต รมช.พาณิชย์  ฟอกเงินกว่า 60 ล้าน   เหลือจำจริง 20 ปีตามกฎหมาย หลังปลอมเอกสารโอนหุ้นเสี่ย ‘เสี่ยชูวงษ์’ โอนเข้าบัญชี ยกฟ้องแม่และน้องชาย น้องป้อนข้าวอดีตโบรกเกอร์สาว ชี้ยังมีเหตุให้สงสัย

 


วันที่ 30 เมษายน 2567 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีฟอกเงินหมายเลขดำ ดำ ฟ 48 /2565ที่พนักงานอัยการสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นโจทก์ฟ้อง นายอดีตพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ และอดีต ส.ส.นครสวรรค์ จำเลยที่ 1 น.ส.ศรีธรา หรือ เพ็ญนิชชา พรหมา จำเลยที่ 2 มารดาของน.ส.อุรชา วชิรกุลฑล หรือป้อนข้าว อดีตโบรกเกอร์สาวคนสนิท และนายประวีร์ วัชรประยงค์ยุติ หรือ นายชัยพรรณ วชิรกุลฑล จำเลยที่ 3  น้องชายของ น.ส.อุรชา เป็นจำเลยในความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 

คดีนี้อัยการโจทก์ฟ้องว่า  นายบรรยิน จำเลยที่ 1 และ น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล หรือป้อนข้าว อดีตโบรกเกอร์สาวคนสนิท จำเลยที่ 2 ในคดีฟ.33/2565 ของศาลนี้ภสมคบกันและร่วมกันปลอมเอกสารจำนำหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยจืด นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ ที่เสียชีวิตแล้ว ได้ลงลายมือชื่อไว้เพื่อจำนำหุ้นกับบริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) โดยแก้ไขสาระสำคัญจากการจำนำหุ้น เป็นการโอนหุ้นให้กับจำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นมารดาของ น.ส.อุรชา โดยไม่มีค่าตอบแทน เพื่อร่วมกันลักเอาหุ้นนั้นไปเป็นของตนเองหรือผู้อื่นโดยทุจริต รวม 510,000 หุ้น มูลค่า 35,050,000 บาท และ นายบรรยิน จำเลยที่ 1 ร่วมกับน.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล หรือน้ำตาล อดีตสาวพริตตี้ จำเลยที่ 3 ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ฟ.33/2565 ของศาลนี้ ซึ่งให้การรับสารภาพ ปลอมเอกสารจำนำหุ้นอันเป็นเอกสารสิทธิที่นายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง ลงลายมือชื่อไว้ โดยแก้ไขสาระสำคัญการจำนำหุ้นเป็นการโอนหุ้นบริษัทพลังบริสุทธิ์ (อีเอ EA ) ของนายชูวงษ์ไปให้กับน.ส.กัญฐณา จำนวน 9,500,000 หุ้น คิดเป็นเงิน 228,000,000 บาท แล้วมีการขายหุ้นแล้ว โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารกรุงเทพ สาขาเซ็นทรัลปิ่นเกล้า 2 ชื่อ เป็นบัญชี น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล รวม 3 ครั้ง เป็นเงิน 28,000,000  บาท

การกระทำของน.ส.อุรชา และน.ส.กัญฐณา ดังกล่าวเป็นความผิดฐานร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม ซึ่งศาลอาญากรุงเทพใต้มีคำพิพากษาแล้วปรากฎตามคดีอาญา หมายเลขแดง ที่ อ.636/2563,อ.637/2563 และ อ.638/2563 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ อันเป็นความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการปลอมเอกสารสิทธิ บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือ หนังสือเดินทางตามประมวลกฎหมายอาญา อันมีลักษณะเป็นปกติธุระ หรือ เพื่อการค้าตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (14) จำเลยทั้งสามกับพวก ร่วมกันกระทำความผิดฐานฟอกเงิน โดยแบ่งหน้าที่กันกระทำความผิด โดยจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 3 ถอนเงิน โอนเงิน อันเป็นการโอนหรือรับทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด  เปลี่ยนสภาพทรัพย์สินที่เกี่ยวกับกระทำความผิด เพื่อซุกซ่อน หรือกระทำด้วยประการใดๆ เพื่อเป็นการปกปิดแหล่งที่มาของทรัพย์สิน อำพรางลักษณะที่แท้จริงการได้มาครอบครองหรือใช้ทรัพย์สินโดยรู้ในขณะที่ได้มา หรือครอบครองหรือใช้ทรัพย์สินนั้นว่าเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดมูลฐานอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้นับโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกของจำเลยที่ 1 ในคดีอาญา เหตุเกิดที่  แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวงเขต เขตบางกอกน้อย กทม.และอื่นๆ 

จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ แต่ นายบรรยิน จำเลยที่ 1 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อ คดีหมายเลขดำอ.636/2563 หมายเลขแดงที่ อ.637/2563 และหมายเลขดำที่ อ.638/2563 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ 

โดยเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ เบิกตัว นายบรรยิน จำเลยที่ 1 มาจากเรือนจำ ส่วนจำเลยที่ 2,3 ได้ประกันตัว เดินทางมาฟังคำพิพากษา

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ทางพิจารณาโจทก์นำสืบว่า จำเลยที่ 1 น.ส.อุรชา วชิรกุลฑล และ น.ส.กัญฐณา ศิวาธนพล  ร่วมกันปลอมเอกสารเพื่อโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แซ่ตั้ง และนำมาสู่การเสียชีวิตของนายชูวงษ์ ในคดีความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการปลอมเอกสาร จำเลยที่ 1 ถูกฟ้องที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ และในคดีการเสียชีวิตของนายชูวงษ์ จำเลยที่ 1 ถูกฟ้องที่ศาลอาญาพระโขนง ซึ่งทั้งสองคดี ศาลได้มีคำพิพากษาแล้ว 

ซึ่งคดีนี้ โจทก์มีเจ้าหน้าที่ ปปง.พนักงานสอบสวน เจ้าหน้าที่ธนาคาร เบิกความสรุปได้ว่า หลังจากจำเลยที่ 1 น.ส.อุรชา และน.ส.กัญฐณา ร่วมกันปลอมเอกสารเพื่อโอนหุ้นของนายชูวงษ์และนำมาสู่การเสียชีวิตของนายชูวงษ์ในคดีความผิดมูลฐานเกี่ยวกับการปลอมเอกสารแล้วจากการสืบสวนเส้นทางการเงินพบว่ามีการโอนหุ้นเป็น 2 กลุ่ม จำเลยที่ 1 กับ น.ส.อุรชา ร่วมกันปลอมเอกสารแล้วโอนหุ้นให้กับจำเลยที่ 2 และขายหุ้นทั้งหมดภายในระยะเวลา 40 วัน จากนั้นโอนเงินที่ได้ไปยเข้าบัญชีธนาคารกสิกรไทย ของจำเลยที่ 2 รวม 6 ครั้ง เป็นเงิน 33,000,000 บาท แล้วเบิกถอนเงินสดจากบัญชีธนาคารดังกล่าวหลายครั้ง รวมถึงเบิกถอนด้วยแคชเชียร์เช็คแล้วนำไปชำระค่าอสังหาริมทรัพย์โดนไปยังบัญชีบัญชีธนาคารของจำเลยที่ 2 ซึ่งเปิดขึ้นในวันเดียวกันกับที่รับโอน หรือ โอนเงินไปยังบัญชีธนาคารของตนเองที่เปิดขึ้นใหม่ และปรากฏข้อเท็จจริงตามทางการสืบสวนว่า จำเลยที่ 1 มีส่วนเกี่ยวข้องโดยใช้โทรศัพท์ติดต่อกับน.ส.อุรชา  จำเลยที่ 2 บ่อยครั้ง รวมถึงในวันที่มีการทำธุรกรรมแต่ละรายการ โดยจำเลยที่ 1 มีการใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่พื้นที่เดียวกับจำเลยที่ 2 และ น.ส.อุรชา นอกจากนี้จากตรวจเปรียบเทียบสารพันธุกรรมพบว่า จำเลยที่ 1 กับ น.ส.อุรชามีบุตรด้วยกัน และน.ส.อุรชาได้รับประโยชน์จากทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิด  และน.ส.อุรชายังซื้อรถยนต์ยี่ห้อปอร์เช่ โดยไม่จดแจ้งชื่อผู้ครอบครองมาเป็นชื่อของตน มีเจตนาที่จะปกปิดอำพราง ต่อมารถยนต์คันดังกล่าว ถูก ปปง.มีคำสั่งอายัดไว้ก่อน จากการตรวจสอบก็พบเส้นผมของจำเลยที่ 1 อยู่บนรถยนต์คันดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 1 ได้ร่วมใช้ประโยชน์รถยนต์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการนำเงินที่ได้จากการกระทำความผิดมาเปลี่ยนแปลงสภาพ ทั้งนี้จำเลยที่ 1 มีความสัมพันธ์กับ น.ส.อุรชามาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2558 ก่อนที่จะเกิดเหตุในคดีความผิด จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินของจำเลยที่ 2 และ 3 พบว่ามีความเชื่อมโยงกัน กลุ่มที่ 2  น.ส.กัญฐณา รับโอนหุ้นมายังบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ที่เปิดไว้กับบริษัทอาร์เอสบี จำกัด ซึ่งบัญชีซื้อขายผูกติดกับบัญชีธนาคารกรุงเทพ เงินที่ได้จากการขายหุ้นจำนวน 98,000,000 บาทเศษ ถูกโอนเข้าบัญชีธนาคารดังกล่าว และมีการซื้อขายหุ้นกันในตลาดหลักทรัพย์ โอนเงิน และเบิกถอนเงินสด ซึ่งจากการสืบสวนพบว่าผู้ที่เป็นตัวการหลักในการทำธุรกรรมคือจำเลยที่ 1 เดินทางไปธนาคารเพื่อถอนเงินสดด้วยกัน  

ศาลเห็นว่าการที่จำเลยที่ 1 ร่วมกับน.ส.อุรชาและน.ส.กัญฐณา ปลอมเอกสารสิทธิในการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ ผู้ตายเป็นการกระทำเพื่อมุ่งให้ได้รับประโยชน์ในมูลค่าของหุ้นนายชูวงษ์ ในส่วนวิธีการโอนหุ้น การขายหุ้น การโอนเงินและเบิกถอนเงินที่ได้จากการขายหุ้นไปซื้อทรัพย์สินต่างๆ แม้ข้อเท็จจริงที่ได้ความตามเอกสารไม่ปรากฏว่ามีชื่อจำเลยที่ 1 เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง แต่พฤติการณ์และความสัมพันธ์ระหว่างจำเลยที่ 1 น.ส.อุรชาและน.ส.กัญฐณา บ่งชี้ว่าเป็นการวางแผนร่วมกันมาตั้งแต่ต้น โดยแบ่งหน้าที่กันทำเพื่อประโยชน์ร่วมกันของจำเลยที่ 1 น.ส.อุรชาและน.ส.กัญฐณา ที่จำเลยที่ 1 นำสืบว่า ไม่ได้รับประโยชน์จากการทำธุรกรรมหรือการโอนหุ้นของน.ส.อุรชาและน.ส.กัญฐณา จึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ได้

ส่วนที่จำเลยที่ 1 นำสืบว่า ไม่มีการปลอมเอกสารสิทธิและไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปลอมเอกสารสิทธิในการโอนหุ้น ไม่มีความสัมพันธ์กับน.ส.อุรชา และน.ส.กัญฐณา นั้นเป็นการนำสืบโต้แย้งคำพิพากษาของศาลอาญากรุงเทพใต้ ซึ่งพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ร่วมกับ น.ส.อุรชา และน.ส.กัญฐณาปลอมเอกสารสิทธิในการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ แม้ว่าคำพิพากษาจะยังไม่ถึงที่สุดโดยอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ แต่ถือได้ว่าผลของคำพิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้มีน้ำหนักที่รับฟังได้ว่า จำเลยที่ 1 ร่วมกับ น.ส.อุรชาและ น.ส.กัญฐณาปลอมเอกสารสิทธิเกี่ยวกับการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ พยานหลักฐานของจำเลยที่ 1 จึงไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานหลักฐานโจทก์ พยานหลักฐานโจทก์ที่นำสืบมามีน้ำหนักมั่นคงรับฟ้งได้โดยปราศจากข้อสงสัยว่า จำเลยที่ 1 ร่วมกับน.ส.อุรชา และ น.ส.กัญฐณากระทำความผิดตามฟ้อง 

ในส่วนของจำเลยที่ 2 และ 3 นั้นเห็นว่าจากพยานหลักฐานโจทก์ไม่ปรากฏว่า จำเลยที่ 2 และ 3 มีส่วนเกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 1 และ น.ส.อุรชากระทำความผิดฐานปลอมเอกสารสิทธิเพื่อประโยชน์ในการโอนหุ้นของนายชูวงษ์ ขายหุ้น รับโอนเงิน ถอนเงิน และซื้อบ้าน ที่ดินอย่างไร ข้อเท็จจริงรับฟังได้เพียงว่า จำเลยที่ 2 รับโอนหุ้น ขายหุ้นของนายชูวงษ์ รับโอนเงินจากการขายหุ้น โอนเงิน ถอนเงิน นำเงินมาซื้อบ้านและที่ดิน และจำเลยที่ 3 รับโอนเงินจากจำเลยที่ 2 และถอนเงินโดยการจัดการของ น.ส.อุรชา ดังนั้นการที่จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นมารดาของน.ส.อุรชา และจำเลยที่ 3 ซึ่งเป็นบุตรของจำเลยที่ 2 และเป็นน้องชายของ น.ส.อุรชา ถือได้ว่ามีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน และ จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ยอมรับว่า รับดำเนินการเกี่ยวกับการทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ตามคำสั่งของ น.ส.อุรชา และโดยการจัดการของ น.ส.อุรชา ประกอบกับโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานมาแสดงให้เห็นว่า จำเลยที่ 2 และ 3 รู้หรือมีเหตุอันควรรู้ว่าเงินที่ได้จากการขายหุ้นดังกล่าว เป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิดมูลฐาน หรือ จากการสนับสนุนหรือช่วยเหลือการกระทำที่เป็นความผิดมูลฐาน อันเป็นทรัพย์สินที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามฟ้อง กรณีจึงยังมีเหตุอันควรเชื่อว่า จำเลยที่ 2 และ 3 อาจรับดำเนินการให้ น.ส.อุรชา โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่เกี่ยวกับการกระทำความผิด พยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบมายังมีเหตุสงสัยตามสมควรว่า จำเลยที่ 2 และ 3 รู้ว่าหุ้นและเงินที่ได้จากการขายหุ้น เงินที่รับโอนและโอนไปยังบัญชีธนาคารอื่น เป็นทรัพย์สินที่ได้มาจากการกระทำความผิดหรือไม่ จึงยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลยที่ 2 และ 3 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 227 วรรคสอง 

พิพากษาว่า นายบรรยิน จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 5 (1)(2)(3) ,60  เป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้ลงโทษทุกกรรมเป็นกระทงความผิดไป ตามป.อาญา มาตรา 91 ให้จำคุกจำเลยที่ 1 กระทงละ 2 ปี จำนวน 27 กระทง รวมจำคุก 54 ปี เมื่อรวมโทษจำคุกแล้ว ให้จำคุกนายบรรยิน จำเลยที่ 1 มีกำหนด 20 ปี ตามกฎหมาย และให้นับโทษจำคุกจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษจำคุกในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.636/2563 หมายเลขแดงที่ อ.637/2563 และหมายเลขดำที่ อ.638/2563 ของศาลอาญากรุงเทพใต้ ยกฟ้องจำเลยที่ 2 และ จำเลยที่ 3.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับนายบรรยิน นั้นขณะนี้ถูกคุมขังที่เรือนจำกลางบางขวาง หลังจากศาลอุทธรณ์พิพากษายืนประหารชีวิต คดีร่วมกันฆ่านายชูวงษ์ แซ่ตั๊ง หรือเสี่ยจืด .

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

  • ด่วน! ศาลยกฟ้อง\'ตู้ห่าว-พวก\' 19 คน คดีฟอกเงิน-ยาเสพติด ด่วน! ศาลยกฟ้อง'ตู้ห่าว-พวก' 19 คน คดีฟอกเงิน-ยาเสพติด
  • อัยการเลื่อนส่งฟ้อง\'อนันต์ อัศวโภคิน\'คดีฟอกเงิน เผยป่วยวิกฤตหนัก ไตวายระยะสุดท้าย อัยการเลื่อนส่งฟ้อง'อนันต์ อัศวโภคิน'คดีฟอกเงิน เผยป่วยวิกฤตหนัก ไตวายระยะสุดท้าย
  • รอง อสส.เป็นปธ.เปิดอบรมหลักสูตรเสริมทักษะคดีฟอกเงินและอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ รุ่น 2 รอง อสส.เป็นปธ.เปิดอบรมหลักสูตรเสริมทักษะคดีฟอกเงินและอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ รุ่น 2
  • ฎีกาพิพากษายืน  ประหาร‘บรรยิน’  เจตนาฆ่า‘เสี่ยจืด’  สิ้นสุดต่อสู้คดี9ปี ฎีกาพิพากษายืน ประหาร‘บรรยิน’ เจตนาฆ่า‘เสี่ยจืด’ สิ้นสุดต่อสู้คดี9ปี
  • ศาลยกฟ้อง\'เบนซ์ เดม่อน\'นักธุรกิจชื่อดัง คดีฟอกเงิน-เว็บพนันมาเก๊า888 ศาลยกฟ้อง'เบนซ์ เดม่อน'นักธุรกิจชื่อดัง คดีฟอกเงิน-เว็บพนันมาเก๊า888
  • 2 ตร.ลูกน้อง\'บิ๊กโจ๊ก\'ให้ปากคำเพิ่ม ลั่นไม่เครียดเพราะไม่ผิด คดีเว็บพนันออนไลน์ 2 ตร.ลูกน้อง'บิ๊กโจ๊ก'ให้ปากคำเพิ่ม ลั่นไม่เครียดเพราะไม่ผิด คดีเว็บพนันออนไลน์
  •  

Breaking News

จับราชาค้ายาบ้า! หนีหมายจับ3ปี ซุกบ้านเมียใช้ชีวิตหรูหราที่ลาว

สละชีพเพื่อชาติ! 'หมอเหรียญทอง'ลั่นหนุน'กองทัพ'ปกป้องอธิปไตยไทย

ไม่ได้พูดเล่น!! 'เรวัช'ลั่นพร้อมเป็น'กองหนุน'ปกป้องชายแดน (มีคลิป)

อนุโมทนาบุญ! 'ศรีริต้า'ทำบุญแจกอาหาร 1,000 กล่องช่วยประชาชน

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นางสาวอัญชะลี ไพรีรัก
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นที่เกียวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2017 Naewna.com All right reserved